คำสั่งของพยัคฆ์ แม้ว่าไม่อยากจะทำตาม แต่ก็ต้องเป็นไปตามนั้น คืนนั้นแก้วตาเข้าห้องนอนก่อนสามทุ่มทั้งๆ ที่ไม่ง่วงสักนิด ที่ทำอย่างนั้นเป็นเพราะไม่ต้องการให้พยัคฆ์อารมณ์เสีย และขับไล่ไสส่งเธอให้ไปให้พ้นในอีกวันอย่างที่เขาได้พูดไว้
เอาเถอะ นอนเล่นโทรศัพท์ ท่องโลกโซเชียลไปจนกว่าจะง่วงก็ได้ อ้อ! เธอเอาถังน้ำเข้ามาไว้ในห้องสำหรับฉี่ด้วยนะ ทำตามพยัคฆ์พูดทุกอย่างแบบนี้ เขาคงไม่ใจร้ายไล่เธอไปเมื่อวันรุ่งขึ้นมาถึงหรอก
แก้วตาไม่แน่ใจตัวเองเหมือนกันว่าการเอากระถังเข้ามาไว้ในห้องเป็นการประชดประชันหรือเปล่า หากแต่ระหว่างที่กำลังเล่นโทรศัพท์เพลินๆ อยู่นั้น หูของเธอก็ได้ยินเสียงประหลาดดังเบาๆ จากภายนอก
กริ๊ก...
ไม่แน่ใจ...ว่าได้ยินจริงไหม เพราะเมื่อกี้เธอมัวแต่ก้มหน้าก้มตาคุยกับเพื่อน
กระทั่งเวลาผ่านไปค่อนคืน รอบข้างเริ่มเงียบสงบ มีแต่เสียงจิ้งหรีดเรไรกรีดปีกร้อง ความง่วงงุนก็เริ่มเข้ามาแทนที่ หญิงสาววางโทรศัพท์ลงข้างกาย หมายจะลุกขึ้นไปปิดไฟแล้วเข้านอน หากแต่พอจะลุกจากเตียง ก็มีเสียงประหลาดดังมาให้ได้ยินอีก
คราวนี้...ไม่ใช่เสียงจากในบ้าน แต่เป็นเสียงจากภายนอกบ้าน
เสียงนั้นเป็นเสียงอะไร แก้วตาไม่อาจคาดเดาได้ มันเป็นเสียงเหมือน...มีอะไรขนาดใหญ่วิ่งบนพื้นดินดังตุ้บๆ ก่อนจะมีเสียง
โฮกกก!
แก้วตานิ่งงัน ไม่กล้าขยับเขยื้อนในวินาทีนั้น แต่พอเสียงเริ่มห่างออกไปไกล หญิงสาวก็รีบพาร่างตัวเองมาที่ประตู หมายจะเปิดออกไปถามเจ้าของบ้านว่าเสียงที่ได้ยินเป็นเสียงอะไร ทว่า...
ตึงๆ!
ประตูห้องเธอถูกล็อกจากภายนอก กระชากอย่างไรก็เปิดไม่ออก
ทำให้เธอต้องดึงประตูออกมาแล้วเหลือบมองผ่านช่องเล็กๆ เข้าไป
แม่กุญแจ!
พยัคฆ์ล็อกห้องเธอจากภายนอกเอาไว้ด้วยแม่กุญแจ!
แก้วตาไม่เดาให้เสียเวลาว่าเป็นฝีมือใคร และเธอก็ไม่ได้โกรธอะไรเขาด้วย เพียงแต่ขมวดคิ้วมุ่นจนยุ่งเหยิงไปหมด พร้อมกับคำถามที่ผุดพรายขึ้นมาในใจ
เขาห้ามเธอออกจากห้องเพราะอะไรกันนะ?
คำถามนั้นติดค้างในใจจนกระทั่งเช้าวันใหม่มาถึง แก้วตาประหลาดใจมากทีเดียวที่ประตูห้องของเธอถูกปลดแม่กุญแจออกตั้งแต่เช้าตรู่ พอออกจากห้องไปได้ เธอก็พาร่างแน่งน้อยเดินไปหาคนที่นั่งจิบกาแฟอย่างสบายใจที่ห้องรับแขกทันที
ดูเขาสิ เห็นเธอเดินมาแล้ว กลับทำเป็นมองไม่เห็น งั้นเธอเข้าเรื่องเลยก็แล้วกัน
“พี่เสือคะ แก้วมีเรื่องจะถาม”
“...”
“เมื่อคืนพี่เสือมาล็อกห้องแก้วจากข้างนอกเหรอคะ”
คำถามนี้เรียกสายตาของชายหนุ่มให้เหลือบมองไปเล็กน้อย เขาไม่พยักหน้าหรือตอบรับ ได้แต่จิบกาแฟดังเดิม แก้วตาจึงเดินมาหยุดที่ตรงหน้าเขาแทน
“พี่เสือมีเหตุผลอะไรที่ไม่ให้แก้วออกจากห้องตอนสามทุ่มเหรอคะ”
เธอตามตรงประเด็น ไม่มีอ้อมค้อมใดๆ ทั้งนั้น พยัคฆ์ไม่ค่อยชอบเท่าไรนักหรอกที่หญิงสาวฉลาดเกินไป กระนั้นเขาก็ไม่ได้แสดงท่าทีอะไร นอกจากค่อยๆ วางแก้วกาแฟลงแล้วทำเป็นว่าเธอไม่ได้อยู่ตรงหน้า
“พี่เสือ...แก้วถามว่า...”
“จะด้วยเหตุผลอะไรก็เรื่องของฉัน เธอไม่จำเป็นต้องรู้เพราะยังไงเธอก็ต้องกลับไปวันนี้อยู่แล้ว"
สวนกลับมาทีเดียว ก็ทำเอาแก้วตาไปไม่เป็นอยู่ครู่หนึ่ง พอตั้งสติได้ก็เอ่ยปาก
“แต่แก้วไม่กลับ...”
“กลับไป” เขาสวนมาแทบจะในทันทีราวกับรู้ว่าเธอจะพูดอะไร
“คุณลุงคุณป้าบอกว่า...”
“ฉันบอกให้กลับไป!”
ไม่ฟังจึงโดนตะคอก แก้วตาอึ้งงันไปเล็กน้อย นี่นับเป็นครั้งแรกก็ว่าได้ที่พยัคฆ์ตะคอกใส่ ถ้าหงุดหงิดใส่ เธอจะไม่ตกใจแบบนี้ แต่นี่ตะคอก...
“ฉันบอกให้กลับไป แล้วเธอก็ต้องทำตามนั้น”
ส่วนพยัคฆ์เหมือนจะรู้ว่าทำให้อีกฝ่ายตกใจจึงผ่อนน้ำเสียงลง กระนั้นก็ไม่ยอมบอกอยู่ดีว่ามีเหตุผลอะไรที่ไม่ยอมให้แก้วตาออกจากห้องหลังสามทุ่ม รวมถึงล็อกประตูห้องของเธอด้วย
เขาไม่เชื่อใจ...ใช่ ไม่เชื่อใจ แต่ทั้งหมดนั้นมันก็เพื่อตัวเธอเอง
“ไปเก็บเสื้อผ้าแล้วเตรียมตัว ฉันจะให้คนงานไปส่ง”
“แต่ว่าแก้ว...”
“แต่ว่าๆๆ อยู่นั่นแหละ ฉันบอกให้ทำอะไรก็ไปทำ อย่ามากวนอารมณ์ฉัน!”
ตะคอกมาอีกแล้ว เอาล่ะ งั้นเธอจะเป็นฝ่ายทำตัวให้ชินกับพยัคฆ์เวอร์ชั่นใหม่แล้วกัน
“ได้ค่ะ เดี๋ยวแก้วไปเก็บของนะ”
พูดแค่นั้น พยัคฆ์ก็เหลือบมองเธอแวบหนึ่ง ก่อนจะลุกพรวดจากโซฟา แล้วหุนหันออกจากบ้านไป โดยไม่สนใจสายตาของหญิงสาวที่มองตามมา
ให้เธอกลับไปหรือ? เธอทำเป็นรับปากไปอย่างนั้นเอง ตราบใดที่เธอไม่รู้เหตุผลของเขาเรื่องออกจากห้องหลังสามทุ่ม เธอก็ไม่ไปหรอก
ไม่สิ...ต้องบอกว่าไม่ว่าจะเรื่องอะไร ก็ทำให้เธอไปจากที่นี่ไม่ได้
เธอตั้งใจมาดูแลเขาแล้ว จะไม่ยอมให้เขาผลักไสไปง่ายๆ อย่างแน่นอน!