3.ปาฏิหาริย์

1815 คำ
(3) เพราะผมสามารถสร้างโล่เต้าหู้ได้พี่อรุณจึงยอมให้ติดตามไปด้วย พวกเราสวมเสื้อกันกระสุนกับหมวกนิรภัยเพื่อความปลอดภัยอีกชั้น มันเป็นของคุณภาพดีแบบที่พวกตำรวจปราบจลาจลใช้กัน หรืออย่างน้อยผมก็เข้าใจแบบนั้น พอคิดว่ามันไม่น่าจะเป็นของที่หาได้ง่ายๆ แล้วถามออกไป พี่อรุณก็หัวเราะ บอกว่าของพวกนี้ถ้ามีเงินและรู้ช่องทางก็สามารถซื้อมาหาใช้ได้ แต่ถึงอย่างนั้นผมก็ยังสงสัยอยู่ดีว่ายามรักษาความปลอดภัยของคอนโดจำเป็นต้องใช้ของแบบนี้ด้วยหรือ พวกเราขึ้นไปที่ชั้นหนึ่งของคอนโดผ่านทางบันไดสำหรับพนักงาน ก่อนจะขึ้นมาพี่อรุณก็ตรวจสอบสถานการณ์ผ่านกล้องวงจรปิดแล้ว พวกเราจึงทราบตำแหน่งคร่าวๆ ของพวกซอมบี้ และสามารถวางแผนจู่โจมล่วงหน้าได้ ใช่ แผนจู่โจม พี่ยามที่มักจะนั่งทำตัวเอื่อยเฉื่อยเหมือนคนว่างงานอยู่ในป้อมคนนั้น บัดนี้กลับทำตัวราวกับเป็นหน่วยรบพิเศษก็ไม่ปาน ถึงท่าเดินจะกะเผลกไปบ้างแต่คล่องแคล่วรัดกุม การลอบยิงซอมบี้ก็ทำได้อย่างรวดเร็วและแม่นยำ ยิ่งได้เห็นการปราบปรามซอมบี้ของเขาภาพจำของพี่ชายใจดีก็ค่อยๆ ถูกแทนที่ด้วยภาพของมือสังหารที่น่าหวั่นเกรง ‘แบบนี้ที่บอกว่าเราเป็นตัวเกะกะก็คงจะจริงล่ะนะ’ ผมคิดพลางระบายลมหายใจออกทางจมูก ใจจริงก็อยากถอนหายใจออกมาเลยแต่เพราะเล่นเกมกับดูภาพยนตร์เกี่ยวกับซอมบี้มามากก็เลยไม่กล้าทำเสียงดัง พี่อรุณใช้เวลาไม่นานในการจัดการกับซอมบี้ในโถงต้อนรับ เมื่อภัยคุกคามหมดไปแล้วเขาก็ใช้วิทยุคลื่นสั้นติดต่อกับยามซึ่งซ่อนตัวอยู่กับผู้รอดชีวิตคนอื่นๆ แล้วประตูห้องพักพนักงานก็เปิดออก “คุณอรุณ!” ทั้งยามและพนักงานต้อนรับตะโกนประสานเสียงกันขึ้นมา สีหน้าแต่ละคนดูตื่นตระหนกระคนดีใจ พนักงานต้อนรับสาวที่มักจะสั่งสลัดเต้าหู้เพื่อสุขภาพกับผมเป็นประจำถึงกับโผเข้ากอดพี่อรุณเลยทีเดียว แต่คนตัวโตก็ยกมือขึ้นห้ามเอาไว้ เธอจึงได้แต่ทำสีหน้าผิดหวังแล้วยืนกุมมือตัวเองอยู่ตรงหน้าเขาเท่านั้น “มีใครบาดเจ็บไหม? แล้วเรียกตำรวจกับรถพยาบาลหรือยัง?” พี่อรุณถามขึ้นอย่างเป็นการเป็นงาน “มีบาดเจ็บกันบ้างเล็กน้อยครับ ส่วนตำรวจกับรถพยาบาล...” คำรายงานของยามรักษาความปลอดภัยค่อยๆ แผ่วลงจนฟังไม่ได้ศัพท์ แต่ยังไม่ทันที่พี่อรุณจะถามให้ย้ำชัดเจน พนักงานสาวที่ถูกปฏิเสธการถึงเนื้อถึงตัวก็พูดขึ้นมาว่า “มาไม่ได้ค่ะ” แล้วเธอก็ทำหน้าเหมือนจะร้องไห้ “ท—ที่ข้างนอกก็มีซอมบี้เต็มไปหมดเลย ตำรวจบอกว่ามาไม่ได้ ส่วนเบอร์รถฉุกเฉินก็ไม่มีใครรับสาย บ—บางที...บางทีพวกเขาคง...” หญิงสาวพูดถึงตรงนี้ก็ร้องไห้โฮออกมา ผมได้ยินแบบนั้นแล้วก็รู้สึกไม่ต่างจากเธอเท่าไร ตำรวจมาไม่ได้ เบอร์ฉุกเฉินต่อไม่ติด ทั้งหมดนี้ไม่ว่าจะคิดอย่างไรก็สรุปได้เพียงอย่างเดียวคือสถานการณ์ข้างนอกเลวร้ายกว่าที่คิด “มีข่าวเรื่องนี้บ้างไหม?” พี่อรุณยังคงมีสีหน้าสงบนิ่ง แถมยังมีแก่ใจจะถามถึงข่าวอีกต่างหาก แต่ที่น่าประหลาดก็คือหนึ่งในยามรักษาความปลอดภัยกลับสามารถตอบคำถามของเขาได้ “มีครับ แต่ไม่ชัดเจนเท่าไร ในข่าวพูดถึงแค่รูประหลาดบนท้องฟ้า ฝนสีรุ้ง แล้วก็พูดถึงเรื่องซอมบี้กับสัตว์ประหลาดเท่านั้น” “นอกจากเรื่องรูบนฟ้าก็เป็นเรื่องที่เรารู้กันอยู่แล้วสินะ” พี่อรุณสรุปโดยมีผมพยักหน้าเป็นลูกคู่ แต่ดูเหมือนว่าข้อเท็จจริงของพวกผมจะสร้างความแตกตื่นให้กับคนอื่นๆ ไม่น้อยเลย “เอ๊ะ! มีสัตว์ประหลาดจริงๆ หรือคะ?” พนักงานสาวผมสั้นถามขึ้นพร้อมๆ กับก้าวเข้ามาหาพี่อรุณ “อืม พวกหมาในซอยด้านข้างอยู่ๆ ก็ตัวใหญ่ขึ้นมาน่ะ” พอพี่อรุณพูดไปแบบนั้นสาวๆ ก็กรีดร้องแล้วกอดกันกลม ผมคิดว่าพวกเธอก็คงอยากโผเข้ากอดพี่อรุณอยู่หรอก แต่ก็คงกลัวจะหน้าแตกเหมือนครั้งก่อน ก็เลยหันไปกอดกันเองแทน “แบบนี้มันแปลกเกินไปแล้วนะครับ” ยามคนหนึ่งพูดขึ้นด้วยสีหน้าเป็นกังวล ส่วนพวกพนักงานหญิงก็ยิ่งกอดกันกลม “ล—แล้วเราจะทำยังไงต่อไปดีค—คะ?” เธอถามยังไม่ทันจบประโยคก็มีเสียงกรีดร้องดังมาจากห้องพักพนักงาน พี่อรุณได้ยินก็รีบพุ่งตัวไปทันที ผมเองก็รีบวิ่งไปดูเช่นกัน แล้วก็ต้องตะลึงงันกับภาพที่เห็น เพราะในห้องพักมีซอมบี้อยู่ตัวหนึ่ง “ป—เป็นไปได้ยังไงกัน?” ยามที่ตามมาพึมพำถามขึ้นมา แต่ตอนนี้พวกเราคงไม่มีเวลาคิดหาคำตอบ เจ้าซอมบี้ฉีกกระชากเนื้อเหยื่ออย่างน่าสยดสยอง พี่อรุณถือปืนเล็งมันอยู่ก็จริงแต่เพราะทิศทางที่กระบอกปืนชี้ไปมีคนอยู่มากเขาเลยเหนี่ยวไกออกไปไม่ได้ ผมเห็นอย่างนั้นผมก็ใช้พลังออกไปโดยไม่ทันคิด เต้าหู้สีขาวปรากฏออกมาจากความว่างเปล่าแล้วห่อหุ้มตัวซอมบี้จนมิด แน่นอนว่ามันพยายามดิ้นรนแต่ก็ทำได้เพียงทำให้ก้อนเต้าหู้สั่นไหวอยู่กับที่เท่านั้น “ไอเดียดีนี่” พี่อรุณเอ่ยชมพร้อมกับก้าวเข้าไปช่วยเหยื่อที่กำลังกรีดร้องโหยหวนด้วยความเจ็บปวด “ย—ยิงมัน! ยิงมันเลยสิ!” คนตัวโตยังไม่ทันเข้าถึงตัวผู้ป่วยคุณป้าคนหนึ่งก็ตะโกนขึ้นมาเสียก่อน เธอชี้นิ้วไปยังผู้เคราะห์ร้ายแล้วบอกว่า “มันโดนกัดแล้วต้องกลายเป็นปอบแน่ๆ เจ้านั่นก็มีแผลเหมือนกันแล้วมันก็กลายเป็นปอบ” “ปอบ?” ผมได้ยินคำพูดของคุณป้าแล้วก็ได้แต่กะพริบตาปริบๆ คนรุ่นผมอาจมองเป็นซอมบี้ แต่คนรุ่นคุณป้าคงเห็นเป็นผีปอบกระมัง? บางครั้งการตีความสิ่งที่เห็นก็ขึ้นอยู่กับประสบการณ์ของเจ้าตัวจริงๆ “พี่อรุณถอยออกมาก่อนดีกว่าครับ” ถึงจะไม่เห็นด้วยกับคำว่าปอบ แต่ผมก็จำต้องยอมรับว่าคำพูดของคุณป้าคนนั้นค่อนข้างสมเหตุสมผล ผมเองก็เคยเห็นคนกลายเป็นซอมบี้เพราะถูกกัดมาแล้ว “เราจะปล่อยเขาไว้แบบนี้ไม่ได้” พี่อรุณเองก็ทราบถึงความเสี่ยง แต่ครั้นจะปล่อยให้คนตายไปต่อหน้าก็เป็นเรื่องที่ทำไม่ได้ “งั้นให้ผมจัดการเอง” พร้อมกับพูดผมก็สร้างเต้าหู้หุ้มร่างคนเจ็บเอาไว้ แน่นอนว่าต้องเว้นส่วนหัวเอาไว้ ไม่อย่างนั้นคงได้ขาดอากาศหายใจกันพอดี และพอผมทำอย่างนั้น คุณป้าคนเดิมก็โวยวายขึ้นมาอีกครั้ง “ผ—ผี!” หญิงมีอายุคนเดิมกรีดร้องขึ้นอีกครั้ง “แก! แกก็เป็นผีเหมือนปอบนั่นสินะ พวกแกมัวทำอะไรอยู่ยิงมันสิ! ยิงมันเลย! ฉันสั่งให้ยิงไง เป็นยามก็ต้องทำหน้าที่สิ!” เธอออกคำสั่งกับพวกยามด้วยความหวาดกลัว “เขาไม่เป็นอันตรายผมรับรองได้ครับ” พี่อรุณหันไปแก้ต่างให้กับผม แต่อีกฝ่ายคล้ายจะไม่ยอมรับฟัง “แกรับรองแล้วยังไง ฉันเป็นลูกบ้านของที่นี่นะ พวกแกก็แค่ลูกจ้าง ต้องทำตามสิ” ไม่รู้ว่าทำไมแต่พอได้ยินอย่างนั้นแล้วผมก็รู้สึกหงุดหงิดขึ้นมา และดูเหมือนว่าพี่อรุณเองก็ไม่พอใจเช่นกัน แผ่นหลังของเขาเหยียดตรง น้ำเสียงหนักแน่นมั่นคงให้ความรู้สึกราวกับว่ามีกำแพงใหญ่ตั้งตระหง่านอยู่ตรงหน้า มันไม่ใช่ความรู้สึกของการถูกปิดกั้น แต่เป็นความรู้สึกของการถูกปกป้องซึ่งชวนให้รู้สึกอบอุ่นในหัวใจเป็นอย่างยิ่ง “ถ้าอย่างนั้นผมก็ขอใช้สิทธิ์ความเป็นลูกบ้านเหมือนกัน คงให้ใครทำร้ายเขาไม่ได้หรอกนะครับ” “ว—ว่าไงนะ!” คุณป้าคนนั้นตั้งท่าจะโวยวายต่อ แต่ก็ถูกขัดด้วยเสียงอุทานของคนเจ็บ ทีแรกพวกเราก็คิดว่าเขาคงจะเจ็บแผล ทว่ามันกลับไม่ใช่อย่างนั้น “ห—หายแล้ว! หายเจ็บแล้ว! หายเจ็บแล้วจริงๆ ด้วย!” “ค—คุณคะ?” หญิงสาวที่กอดเด็กน้อยตัวสั่นอยู่ในกลุ่มคนร้องเรียกขึ้นมาอย่างไม่อยากเชื่อหูตนเอง ผมคิดว่าเธอคงจะเป็นภรรยาของคนเจ็บ สังเกตได้จากสีหน้าและน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความห่วงหาอาทร “ผ—แผลไม่เจ็บแล้ว” ชายคนนั้นคล้ายจะยังพูดกับตัวเองอยู่ แต่ไม่กี่อึดใจต่อมาเขาก็หันไปหาภรรยา บอกด้วยน้ำเสียงตื่นเต้นยินดีว่า “ที่รักผมไม่เป็นไรแล้วล่ะ” “จ—จริงเหรอคะ?” ผู้หญิงคนนั้นถามด้วยน้ำตาที่ไหลอาบแก้ม ใบหน้าที่เคยหมองเศร้าพลันปรากฏรอยยิ้มขึ้นมา “โกหก! แกโดนกัดไปขนาดนั้นแล้วจะหายได้ยังไง!” คุณป้ายังคงไม่เชื่อ และอันที่จริงแล้วปมคิดว่าคนอื่นๆ ก็คงจะกังขาเช่นกัน แม้แต่ตัวผมเองก็ยังไม่อยากเชื่อว่าคนที่เจ็บสาหัสขนาดนั้นจะหายดีได้ภายในระยะเวลาไม่นาน “ผมหายแล้วจริงๆ นะ” ผู้เคราะห์ร้ายเถียง แล้วท้าว่า “ไม่เชื่อก็เอาไอ้ขาวๆ นี่ออกไปสิ” “ปล่อยแกก็โง่แล้ว!” คุณป้าตวาดลั่น แล้วก็หันมาออกคำสั่งกับพี่อรุณอีกครั้ง “ยิงมันสิ! ยิงมัน!” “ป้าใจเย็นก่อนสิ” ผู้รอดชีวิตคนอื่นหันไปปรามคุณป้าคนนั้น นั่นทำให้คุณป้าหันไปด่าทออีกฝ่ายแทน ระหว่างที่พวกเขากำลังทะเลาะกันผมกับพี่อรุณก็หันมาสบตากันก่อนจะพยักหน้า เป็นอันว่าเราเข้าใจตรงกัน ผมเปิดเต้าหู้ตรงปลายเท้าของคนเจ็บเล็กน้อยเพื่อให้พี่อรุณลากเขาออกห่างจากกลุ่มคน “เมื่อกี้โดนกัดตรงไหล่ด้วยสินะครับ ถ้าอย่างนั้นก็เปิดถึงแค่ช่วงนั้นก็พอนะขิง” “ครับ” ผมรับคำแล้วก็ออกคำสั่งให้เต้าหู้ที่หุ้มส่วนคอจนถึงไหล่ของคนเจ็บออก แล้วภาพที่ปรากฏแก่สายตาก็ทำให้พวกเราต้องตะลึงไป ก้อนเนื้อที่ถูกฉีกกระชากออกมาจากร่างยังกองอยู่กลางห้อง ทว่าไหล่ทั้งสองข้างของคนเจ็บกลับดูสมบูรณ์ดี ที่มีร่องรอยเสียหายก็คงจะมีแต่เสื้อที่ขาดเป็นวงกว้างเท่านั้น ๐๐๐

เริ่มอ่านเรื่องราวที่ยอดเยี่ยมได้ที่นี่

ดาวโหลดโดยการสแกนรหัส QR เพื่ออ่านเรื่องราวมากมายฟรี และหนังสือที่ได้รับการอัปเดตทุกวัน

อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม