เมืองธีปส์
ณ พระตำหนักราชินี
“สารลับจากท่านนาอาร์นพ่ะย่ะค่ะ”
“เจ้าว่าอะไรนะ!” ราชินีทูย่าลุกประทับจากพระเก้าอี้โดยพลัน เมื่อม้าเร็วจากพระราชวังอียิปต์ใต้มาส่งข่าวสารให้พระนางได้ล่วงรู้
“ท่านนาอาร์นได้ให้กระหม่อมมาแจ้งให้พระนางทราบว่า ได้พบฝ่าบาทแล้วและพระองค์เสด็จมาประทับอยู่ที่พระราชวังอียิปต์ใต้แล้วพ่ะย่ะค่ะ” ม้าเร็วถวายรายงานพร้อมยื่นม้วนกระดาษปาปิรัสให้แก่ราชินีของตน
“ท่านนาอาร์นกำชับมาว่ามีเรื่องลับสำคัญยิ่ง ขอพระนางได้โปรดทอดพระเนตรสารลับเถิดพ่ะย่ะค่ะ ทุกสิ่งทุกอย่างอยู่ภายในพระราชสาสน์ฉบับนี้” ม้าเร็วยื่นสาสน์ลับให้แก่องค์ราชินีก่อนจะล่าถอยออกไปจากพระตำหนัก
ราชินีอียิปต์ยื่นพระหัตถ์รับสารลับจากม้าเร็วขึ้นทอดพระเนตรข้อความที่อยู่ตรงเบื้องพระพักตร์ ในความยินดีอย่างล้นเหลือเมื่อแรกได้ยินข่าวว่าพบฟาโรห์แห่งอียิปต์ แต่กลับต้องมลายสิ้นทันทีที่พระนางได้อ่านข้อความดังกล่าวจบ พร้อมปฏิกิริยาบางอย่างบังเกิดขึ้นเร็วพลัน
ราชินีทูย่าลุกประทับจากพระเก้าอี้อย่างรวดเร็ว พร้อมหันพระวรกายซ้ายขวาไปมาสลับกัน พระอุระเริ่มหอบถี่กระชั้นชิด พระพักตร์คมสวยถมึงทึงขึ้นมาโดยพลันก่อนจะเอื้อมพระหัตถ์หยิบดู-หน้า(กระจก)ที่ทำจากทองคำปาลงพื้นพระตำหนักทันที
“เพล้ง!” ดูหน้าแตกออกเป็นสองเสี่ยงท่ามกลางความตกใจของนางกำนัลคนสนิท
“พะ...พระนาง...พระนางทรงเป็นอะไรอย่างนั้นหรือเพคะ” มูทาร่านางกำนัลคนสนิททูลถามด้วยความตกใจ ด้วยมิเคยเห็นราชินีของตนเป็นเยี่ยงนี้มาก่อน เหล่านางกำนัลต่างพากันกล้าๆ กลัวๆ พระอาการของพระนางในยามนี้จะต้องทรงพิโรธเป็นยิ่งนัก ทั้งๆ ที่ไม่เคยเป็น
ราชินีทูย่าทรงหายพระทัยหอบกระชั้นชิด ด้วยทรงพิโรธเมื่อล่วงรู้ว่าฟาโรห์แห่งอียิปต์จะทรงสถาปนาหญิงอื่นขึ้นมาเป็นราชินีเทียบเท่าพระนาง เป็นเหตุให้ราชินีที่เต็มไปด้วยความอ่อนหวานแปรเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง
“ไปตามทาเนียมาพบข้า! รีบไปตามมาเดี๋ยวนี้! ส่วนพวกเจ้าออกไปให้หมด! ออกไป!” สิ้นถ้อยรับสั่ง เหล่านางกำนัลที่คอยถวายการรับใช้รีบล่าถอยออกจากพระตำหนักกันเป็นพัลวัล ตัวใครตัวมันกันละทีนี้
“เหตุใดฝ่าบาทจึงแต่งตั้งนางหญิงชั้นต่ำ! สถุน!และไร้กำพืดเช่นนั้นให้ขึ้นมาเป็นราชินีเทียบเท่ากับข้า! มีข้าเป็นราชินีเพียงผู้เดียวมิเพียงพอหรืออย่างไร เหตุใดพระองค์จึงทรงทำเช่นนั้น ทำไม!”
พระนางรับสั่งอย่างเกรี้ยวกราด พระเนตรลุกโพลงแทบถลนออกมาจากเบ้า และแล้วความอดกลั้นที่ทรงเก็บกดไว้มาเป็นเวลานานก็ถึงที่สุด มิอาจสะกดกลั้นเอาไว้ได้อีกต่อไปแล้ว
“กรี้ดดดดดดดดดด!!!” สุรเสียงกรีดร้องดังก้องไปทั่วพระตำหนักราชินี
เล่นเอาเหล่าข้าราชบริพารต่างพากันสงสัยไปตามๆ กัน มีเหตุสิ่งใดหนอมาขัดพระทัยราชินีของตนจนกรีดร้องออกมาจนสุดพระสุระเสียงเช่นนี้
“ทาเนียมาหรือยัง! ข้าบอกให้ไปตามทาเนียมาพบข้า! พามาหาข้าเดี๋ยวนี้!” สุรเสียงตวาดก้องจนเอ็ดอึงไปทั่วพระตำหนัก” พร้อมกับร่างอวบสมบูรณ์ของมูทาร่ารีบก้าวเข้ามาในพระตำหนักอย่างรวดเร็ว
“ทา...ทาเนียมาถึงแล้วเพคะพระนาง” มูทาร่านางกำนัลคนสนิทกราบทูลถวายรายงาน
“ไปพามาเร็วๆ เข้า ส่วนเจ้าก็ออกไปซะ หากข้ามิเรียกอย่าเสนอหน้าเข้ามาเด็ดขาด ปิดประตูให้ข้าด้วย!” พระนางรับสั่งอย่างเกรี้ยวกราด จนนางกำนัลคนสนิทล่าถอยไปปฏิบัติตามคำสั่งแทบไม่ทัน ทันทีที่ประตูพระตำหนักปิดลงปรากฏร่างของหญิงสูงวัยประมาณ 50 ต้นๆ ค่อยๆ ก้าวเข้ามาในพระตำหนัก
“หม่อมฉันมาแล้วเพคะพระนาง มีพระประสงค์สิ่งใดเช่นนั้นหรือเพคะ” หญิงสูงวัยนามว่าทาเนียเอ่ยพร้อมหมอบลงไปที่พื้น
ราชินีอียิปต์หันกลับไปทอดพระเนตรนางกำนัลคนสนิท ทันทีที่ได้ยินเสียงพระนางค่อยๆ ประทับนั่งลงบนพระเก้าอี้อย่างช้าๆ พระพักตร์ยังคงถมึงทึงด้วยเพราะแรงพิโรธยังมิลดน้อยถอยลง
“ข้ามีงานให้เจ้าทำทาเนีย!”ราชินีอียิปต์รับสั่งลอดไรพระทนต์
“เพคะ!” ทาเนียกล่าวรับพระบัญชาสั้นๆ
“เจ้าจงเดินทางไปอียิปต์ใต้ นาอาร์นรอเจ้าอยู่ที่นั่น จงจัดการนางหญิงแพศยาผู้นั้น! อย่าให้มันเหลือรอดชีวิต ฝ่าบาทจะแต่งตั้งนางหญิงสถุนขึ้นเป็นราชินีเทียบเท่ากับข้า จงอย่าให้มันได้เสนอหน้าได้อีกต่อไป!” พระนางรับสั่งอย่างเหี้ยมเกรียม
“ฝ่าบาทจะทรงแต่งตั้งหญิงอื่นขึ้นเป็นราชินีอย่างนั้นหรือเพคะ เหตุใดทรงทำเช่นนั้น” ทาเนียเอ่ยขึ้นด้วยความสงสัย
“ก็เพราะพระองค์หลงเสน่ห์มันอย่างไรเล่า ข้าจึงต้องส่งเจ้าไปกำจัดมัน! ก่อนเฮรูจะพามันเดินทางมาที่พระราชวังอียิปต์ใต้ จงทำให้ฝ่าบาทล่วงรู้ว่ามันตายไปจากพระองค์ แต่อย่าทำสิ่งใดให้พระองค์ผิดสังเกตว่าแท้จริงแล้วมันถูกกำจัด
เพราะนั่นหมายถึงข้าจะตกเป็นเป้าหมายให้พระองค์สงสัย เก็บมันให้เงียบและให้เนียนที่สุด และจงทำลายร่างของมันอย่าให้หลงเหลือ เพียงเท่านี้มันก็มิอาจเดินทางไปยังโลกหน้าได้ ให้มันทุกข์ทรมานทั้งก่อนตายและหลังตายเข้าใจไหมทาเนีย!” ราชินีอียิปต์รับสั่งกำชับ
“รับพระบัญชาเพคะ หม่อมฉันจะเก็บนางหญิงผู้นั้นให้ตายอย่างแนบเนียนไร้ข้อกังขาอย่างแน่นอน พระนางจะหมดสิ้นเสี้ยนหนาม จักรวรรดิอียิปต์มีเพียงพระนางเท่านั้นที่เป็นราชินี” นางกำนัลคนสนิทกล่าวพร้อมเตรียมล่าถอยออกจากพระตำหนัก
“มีอีกเรื่องที่ข้าต้องการ” พระสุระเสียงราชินีอียิปต์รับสั่งดังขึ้น
“เพคะ”
“ข้าต้องการให้ฝ่าบาทได้เชยชม ตั้งแต่เข้าพิธีอภิเษกสมรสพระองค์ก็หายไป ครั้นหวนคืนกลับมาก็ทรงนำหญิงอื่นแต่งตั้งให้เป็นราชินีเทียบเท่า ดังนั้นข้าจะต้องมีโอรสกับพระองค์ให้ได้ ครานี้เจ้าล่วงรู้ใช่หรือไม่ว่าจะต้องทำสิ่งใด”
นางกำนัลทาเนีย ล่วงรู้โดยพลันเมื่อได้ยินรับสั่งจากองค์ราชินีเช่นนั้น
“หม่อมฉันจะจัดการให้ได้สมดั่งพระทัยแน่นอนเพคะ หลังจากที่จัดการนางหญิงผู้นั้นเรียบร้อยแล้ว จะบ่ายหน้าเดินทางไปยังดินแดนเมโสโปเตเมีย เพื่อนำสิ่งที่พระนางปรารถนากลับมาให้จงได้ รับรองว่าฝ่าพระบาทจะต้องได้เชยชมพระนางอย่างแน่นอน”
ถ้อยคำของนางกำนัลคนสนิทสร้างความพึงพอพระทัยให้แก่ราชินีทูย่าเป็นยิ่งนัก เมื่อทรงได้ยินเช่นนั้น
“เจ้าจงอย่าทำให้ข้าผิดหวัง รีบไปซะก่อนจะไม่ทันการ” พระนางรับสั่งกำชับ
“องค์ราชินีจะไม่ผิดหวังแน่นอนเพคะ หม่อมฉันให้สัญญา”
“ดี! ข้าจะรอเมื่อวันนั้นมาถึง วันที่ข้ากับฝ่าบาทจะได้หล่อหลอมจนเป็นหนึ่งเดียว” พระนางรับสั่งอย่างมีความหวัง
“ถ้าเช่นนั้นหม่อมฉันขอทูลลาเพคะ จะเร่งออกเดินทางไปจัดการตามพระประสงค์โดยเร็ว”
ทาเนียกล่าวพร้อมถวายบังคมลาราชินีของตน ก่อนจะล่าถอยออกไปจากพระตำหนักอย่างรวดเร็ว ท่ามกลางสายพระเนตรของราชินีอียิปต์ซึ่งทอดพระเนตรตามหลัง
ราชินีทูย่าลุกประทับจากพระเก้าอี้ ทรงพระดำเนินไปยังทิศอันเป็นที่ตั้งของพระราชวังอียิปต์ใต้ พระเนตรสวยทอดออกไปยาวไกลหากแต่แฝงเร้นความหม่นหมองด้วยเพราะพระทัยนั้นต้องตรอมตรม เพียงชั่วครู่สายพระเนตรที่เต็มไปด้วยความเศร้ากลับลุกโชนขึ้นเป็นไฟอย่างน่าสะพรึงกลัว
“หญิงใดที่พระองค์มีจิตเสน่หา ยกย่องให้มันขึ้นมาเป็นราชินีเทียบเท่ากับหม่อมฉัน มันจะต้องถูกกำจัดให้มลายหายไปจากแผ่นดิน มีเพียงหม่อมฉันเท่านั้นคือราชินีของพระองค์!”
พระนางรับสั่งอย่างเหี้ยมเกรียม แรงรักและแรงหึงหวงที่มีต่อฟาโรห์แห่งอียิปต์ช่างรุนแรงเป็นยิ่งนัก เป็นเหตุให้ราชินีที่เต็มไปด้วยความอ่อนหวานกลับมีพระหทัยเหี้ยมโหดขึ้นมาทันที
พระราชวังอียิปต์ใต้
ภายในห้องทรงงาน
ความรักเมื่อเกิดขึ้นกับผู้ใด ย่อมทำให้ผู้นั้นมีความสุข แม้ว่าช่วงนั้นจะมีทุกข์แต่กลับปิติสุขเหนือคำบรรยาย เฉกเช่นเดียวกับฟาโรห์แห่งอียิปต์ในยามนี้ พระพักตร์ช่างแจ่มใส และทรงแย้มพระสรวลอยู่บ่อยครั้ง หากเปรียบเทียบในอดีตแล้วไซร้ เหล่าขุนนางน้อยใหญ่รวมไปถึงข้าราชบริพาร ไม่เคยพานพบรอยแย้มพระสรวลแม้แต่ครั้งเดียว
และในวันนี้อุปราชอาแปบและสังฆราชโฮรา ขุนนางชั้นผู้ใหญ่ซึ่งกษัตริย์แห่งอียิปต์จะต้องเรียกทั้งสองมาปรึกษาหารือข้อราชการแผ่นดินอยู่เสมอ ชายชราทั้งสองได้เดินทางมาถึงอียิปต์ใต้ตามคำพระบัญชาขององค์เหนือหัวเป็นที่เรียบร้อยแล้ว และทันทีที่ทั้งสองมาถึงต่างพากันแปลกใจไปตามๆ กัน เมื่อองค์กษัตริย์รับสั่งจะจัดพิธีอภิเษกสมรส ณ พระราชวังอียิปต์ใต้
“ฝ่าพระบาทจะทรงจัดพิธีอภิเษกสมรสอย่างนั้นหรือพ่ะย่ะค่ะ” สังฆราชโฮราเอ่ยขึ้นด้วยความแปลกใจระคนสงสัย ชายชราทอดสายตามองไปที่องค์กษัตริย์ พระพักตร์บ่งบอกได้อย่างชัดเจนว่ามีความสุขเสียนี่กระไร พระพักตร์แย้มโอษฐ์บางๆ เป็นระยะๆ พร้อมเสียงของอุปราชอาแปปเอ่ยสำทับขึ้น
“หากกระหม่อมคาดเดามิผิดสาเหตุที่ฝ่าพระบาทจะทรงจัดพิธีอภิเษกขึ้นอีกครั้งเป็นเพราะยังมิได้เข้าเรือนหอกับองค์ราชินีใช่ไหมพ่ะย่ะค่ะ”
ฟาโรห์แห่งอียิปต์ส่ายพระเศียรไปมาติดๆ กัน เป็นเหตุให้ขุนนางผู้ใหญ่ทั้งสองถึงกับงงงันขึ้นมาทันที
“หรือว่า” อุปราชอาแปป เอ่ยออกมาเบาๆ สายตาเหลือบมองสังฆราชโฮราที่ยืนใกล้ตน และดูเหมือนว่าชายชราทั้งสองจะคาดเดาตรงกัน
“ราชินีองค์ใหม่!” ทั้งสองกล่าวออกมาอย่างพร้อมเพรียงกัน
“เจ้าทั้งสองเข้าใจถูกต้อง! ข้าจะประกอบพิธีอภิเษกสมรสและสถาปนาราชินีองค์ใหม่ที่อียิปต์ใต้ หลังจากนั้นจึงเดินทางกลับธีปส์ ด้วยเพราะเหตุนี้ข้าจึงเรียกเจ้าทั้งสองมาเพื่อเป็นธุระในการจัดเตรียมพิธีอภิเษกสมรสของข้า”
ขุนนางผู้สูงวัยทั้งสองต่างหันมามองหน้ากันโดยพลัน เมื่อได้ยินรับสั่งจากองค์กษัตริย์เช่นนั้น จะทัดทานก็ไม่เป็นผลแน่แท้ อีกทั้งกษัตริย์แห่งอียิปต์ตั้งแต่สมัยโบราณก็เคยสถาปนาราชินีมาแล้วหลายพระองค์ในรัชกาลเดียวกัน ไม่แปลกหากองค์กษัตริย์จะทรงสถาปนาราชินีเพิ่มขึ้นอีกองค์หากทรงพอพระทัย
“แล้วราชินีทูย่าเล่าฝ่าพระบาท หากพระนางทรงทราบว่ามีการสถาปนาราชินีพระองค์ใหม่ จะทรงรับมือกับพระนางเช่นไร” อุปราชอาแปบเอ่ยขึ้นอย่างเป็นกังวล
“ข้ามิเห็นต้องทำสิ่งใดมิใช่หรืออาแปบ ในเมื่อทูย่าต้องการอภิเษกกับข้าก็ได้สมใจ ให้นางครองตำแหน่งราชินีไปมิต้องทำอะไรทั้งสิ้น นางได้ทุกสิ่งทุกอย่างดั่งใจหมายแล้ว” ฟาโรห์เซติรับสั่งด้วยความเย็นชาพร้อมเสียงของสังฆราชโฮราเอ่ยสำทับขึ้น
“หากแต่พระนางมิได้พระองค์” สังฆราชโฮราเอ่ยแบบตรงประเด็น
“ใช่! ทูย่าได้ทุกสิ่งทุกอย่างที่อยากได้ ยกเว้นข้าเท่านั้น และในยามนี้หัวใจของข้ามีรักแล้ว เป็นรักแรกและรักเดียวของข้าตลอดกาล ตอนนี้เฮรูกำลังเดินทางไปรับนางมาหาข้า ทันทีที่นางมาถึงงานพิธีอภิเษกสมรสก็จะมีขึ้นทันที ดังนั้นเจ้าในฐานะสังฆราชแห่งจักรวรรดิอียิปต์จึงต้องมาจัดเตรียมพิธีอภิเษกสมรสของข้าอีกครั้ง” องค์กษัตริย์รับสั่งอย่างชัดเจน
สังฆราชโฮราก้มคำนับน้อมรับพระบัญชา
“ถ้าเช่นนั้นกระหม่อมจะทำการสื่อสารจากเหล่าทวยเทพ เพื่อดูวันประกอบพิธีอภิเษกสมรสของฝ่าบาท พ่ะย่ะค่ะ แต่ก่อนอื่นจะต้องดูกระแสในแม่น้ำไนล์เสียก่อน เพื่อลำเลียงสิ่งที่จำเป็นในการประกอบพิธี” ขุนนางอาวุโสกราบทูลถวายองค์กษัตริย์
สังฆราชโฮรา ค่อยๆ หันหลังก้าวเดินไปที่ระเบียงห้องทรงงานซึ่งมองเห็นแม่น้ำไนล์ ได้อย่างชัดเจน ชายชราทอดสายตามองสายน้ำสีน้ำเงินตรงหน้าพร้อมหลับตาลงคล้ายกำลังสื่อสารกับเหล่าทวยเทพ ทันใดนั้นเอง
“ฟิ้ววววว!” ลมกระโชกแรงมิรู้มาจากทิศทางใดพัดตรงมาที่สังฆราชชรา ก่อนจะค่อยๆ เปิดเปลือกตาที่เต็มไปด้วยร่องรอยจากประสบการณ์แห่งชีวิตที่ผ่านมาอย่างโชกโชน
“เทพเจ้า! นี่คือลิขิตจากพระองค์เช่นนั้นหรือ!” สังฆราชโฮราเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงที่ยากนักจะมีใครล่วงรู้ได้
ลิขิตจากเทพเจ้าซึ่งสังฆราชโฮราได้สัมผัสนั้นจะบอกเหตุสิ่งใดกันเล่า เหล่าทวยเทพเท่านั้นที่ทรงล่วงรู้