ตอนที่ 12 ลิขิตจากเทพเจ้า/2

2254 คำ
ในขณะเดียวกัน “ท่านปู่! ช่วยข้าด้วย!” เสียงกรีดร้องโหยหวนดังเข้ากระทบโสตประสาทของสังฆราชโฮรา ซึ่งกำลังสวดขอพรจากเหล่าทวยเทพเพื่อให้ทุกพระองค์ปกป้ององค์กษัตริย์และจักรวรรดิอียิปต์ให้พ้นจากสิ่งชั่วร้ายทั้งปวง เสียงกรีดร้องโหยหวนดังกล่าวเป็นเหตุให้สังฆราชผู้มีญาณแก่กล้าสัมผัสได้ทันที “พรึ่บ!” เปลือกตาที่ปิดสนิทเปิดขึ้นโดยพลันด้วยความตกใจ “เนพธีส!” ชายชราเอ่ยเรียกชื่อหลานสาวเพียงคนเดียวของตนออกมาทันที ร่างสันทัดหันหลังกลับมองตรงไปยังทิศทางที่ได้ยินเสียงอย่างรวดเร็ว ก่อนจะรีบเดินตรงไปยังทิศที่ได้ยินเสียงเพรียกหานั้น พร้อมกับร่างสันทัดของโฮราค่อยๆ เลือนหายไปเพียงชั่วพริบตา ท่ามกลางเปลวเพลิงที่ลุกโชนอย่างบ้าคลั่ง บ้านที่เคยพำนักอาศัยถูกพระเพลิงเผาผลาญจนไม่สามารถมองเห็นสิ่งที่เคยเป็นได้เลย แล้วคนที่อาศัยอยู่ภายในบ้านนี้เล่าปานฉะนี้จะเป็นตายร้ายดีเช่นไรหนอ “พรึ่บ!” ร่างของสังฆราชชราปรากฏตัวขึ้นภายในบ้าน ท่ามกลางเปลวเพลิงที่กำลังเผาผลาญอย่างบ้าคลั่ง สายตามองเห็นร่างของชอร์ตี้กำลังถูกไฟเผาจนลุกท่วมไปทั้งตัวและศพของหญิงสาวชาวบ้านนอนทาบทับอยู่ด้านบน “ชอร์ตี้!” ชายชราเอ่ยขึ้นด้วยความตกใจ เมื่อเห็นสหายที่รู้จักต้องจบชีวิตในสภาพน่าเวทนา ก่อนจะรีบสอดส่ายสายตามองหาหลานสาวเพียงคนเดียวของตน “เนพธีส!” เสียงเรียกชื่อด้วยความตระหนกเป็นยิ่งนัก เมื่อเห็นร่างหลานสาวเพียงคนเดียว ถูกเปลวเพลิงเข้าลามเลียไปทั่วร่าง ซ้ำร้ายใบหน้าอันงดงามก็ถูกไฟลวกด้านข้างไปบางส่วนเสียแล้ว สังฆราชโฮราเดินฝ่าเปลวเพลิงที่กำลังลุกโชนอย่างร้อนแรงโดยไม่มีความรู้สึกสะทกสะท้านแต่อย่างใด ร่างสันทัดเดินตรงดิ่งไปหาหลานสาวรีบช้อนร่างงามอุ้มขึ้นจากพื้นทันที “ปู่มาช่วยเจ้าแล้วเนพธีส” ชายชรากล่าวกับโฉมตรูที่กำลังใกล้จะสิ้นใจ ทันใดนั้นเอง เพียงแค่ได้สัมผัสร่าง โฮราก็ล่วงรู้โดยพลันว่าหลานสาวเพียงคนเดียวประสบสิ่งใดมา ภาพเหตุการณ์ต่างๆ ที่โฉมงามประสบผ่านมา บอกเล่าเรื่องราวทุกสิ่งทุกอย่างให้ได้ล่วงรู้จนหมดสิ้น และด้วยเหตุที่เนพธีสฝ่าฝืนที่จะมีชีวิตคู่กับบุรุษที่ตนรัก ทำให้เหล่าทวยเทพลงทัณฑ์นางจนต้องจบชีวิตในบัดดล “ที่แท้เป็นเจ้าเองหรือนี่เนพธีส เจ้าคือนางในดวงใจของฝ่าบาทเช่นนั้นหรือ” ชายชราเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงที่แทบจะสิ้นไร้เรี่ยวแรง ด้วยล่วงรู้ว่าที่หลานสาวของตนต้องประสบเหตุการณ์เช่นนี้ คือบทลงโทษจากเหล่าทวยเทพนั่นเอง ทว่าดูเหมือนจะทรงปราณีด้วยเพราะชายชราสามารถสื่อสัมผัสกับเนพธีสได้ จึงทำให้ช่วยชีวิตหลานสาวเพียงคนเดียวของตนได้ทันเวลา มือหนารีบยกขึ้นเพื่อดึงตุ้มหูทางด้านขวาที่สวมใส่ติดตัวมาโดยตลอด ก่อนจะใช้นิ้วกดแกนกลางจนแตก เผยให้เห็นเม็ดสีแดงเล็กๆ ที่บรรจุอยู่ภายในพร้อมรีบเทใส่ลงในปากของหลานสาว “เจ้าพยายามกลืนลงไป นี่คือยาถอนพิษ” ชายชราบอกกับหลานสาวของตน พร้อมเงยหน้ามองไปทั่วบ้านซึ่งบัดนี้เปลวเพลิงเผาไหม้จนวอดวายทุกสิ่งทุกอย่าง แม้แต่ชีวิตเจ้าของบ้านก็มอดไหม้ไปด้วยเช่นเดียวกัน สังฆราชโฮรากระชับร่างงามให้อยู่ในอ้อมแขน พร้อมนำพาร่างของตนและเนพธีสค่อยๆ เลือนหายไปอย่างช้าๆ คงเหลือแต่เพียงเปลวเพลิงที่กำลังโหมกระพือลุกไหม้โดยไม่มีทีท่าว่าจะดับลงไปง่ายๆ และร่างไร้วิญญาณของชอร์ตี้ที่กำลังถูกไฟเผาจนร่างเริ่มไหม้เกรียมเป็นตอตะโก มหาวิหารคาร์นัค ภายในห้องประกอบพิธี ร่างสันทัดของสังฆราชชราค่อยๆ ปรากฏกายพร้อมกับเนพธีส ในยามนี้นางไร้สิ้นความรู้สึกใดๆ ดวงตาที่เริ่มพร่ามัวบรรจงวางร่างบอบบางดังกล่าวลงบนแท่นหินแผ่นกว้าง ซึ่งทำขึ้นเพื่อใช้วางเครื่องสักการะแด่เหล่าทวยเทพ ทว่าในยามนี้กลับกลายเป็นร่างของโฉมตรู ซึ่งถูกยาพิษร้ายแรงทำลายชีวิต ซ้ำร้ายใบหน้าที่เคยงดงาม ถูกไฟลวกทางด้านซ้ายจนกลายเป็นแผลฉกรรจ์ ทั่วร่างเต็มไปด้วยแผลไฟลวกเป็นที่น่าเวทนา มือที่เหี่ยวย่นค่อยๆ ยกขึ้นก่อนจะโบกไปมาคล้ายดั่งสายลมพาดผ่าน “พรึ่บ! พรึ่บ! พรึ่บ!” เปลวเพลิงจากคบไฟภายในห้องประกอบพิธีพวยพุ่งขึ้นมาโดยพลัน ทั้งๆ ที่ถูกดับลงนับตั้งแต่สิ้นแสงแห่งราตรีกาลด้วยใกล้เวลาของรุ่งอรุณเข้ามาเยือน “ข้าแต่เหล่าทวยเทพทั้งหลายได้โปรดให้อภัยกับการกระทำอันขลาดเขลาของเนพธีสด้วยเถิด นางยังตั้งอยู่ในพรหมจรรย์หามีชายใดล่วงละเมิดนางแต่อย่างใด ขอเหล่าทวยเทพได้โปรดโอบอุ้มและคุ้มครองนางเพื่อให้มีโอกาสได้ถวายการรับใช้แด่ทุกพระองค์ดั่งเดิมด้วยเถิด” สังฆราชโฮราสวดอ้อนวอนต่อเทพเจ้าเพื่อให้เหล่าทวยเทพละการลงทัณฑ์ต่อเนพธีส ด้วยนางฝ่าฝืนที่จะครองเรือนมีคู่รักเป็นบุรุษ เหตุเพราะนางได้เข้าพิธีสาบานถวายตัวรับใช้ต่อเทพเจ้า และเทพีไอซิส ตั้งแต่นางมีอายุได้เพียง 11 ปี เป็นนักบวชหญิงของวิหารหลวงอันศักดิ์สิทธิ์และเป็นผู้สืบทอดรุ่นต่อไปของสังฆราชโฮรา นางอยู่ในระหว่างเรียนรู้สรรพวิชาต่างๆ เพื่อสานหน้าที่ต่อจากผู้เป็นปู่ในรุ่นต่อไป จึงถือได้ว่านางคือสมบัติของมหาวิหารอันศักดิ์สิทธิ์ ห้ามมิให้บุรุษใดแตะต้องนางได้ สังฆราชผู้สูงวัยพร่ำสวดอ้อนวอนต่อเหล่าทวยเทพจวบจนกระทั่งแสงแห่งสุริยะเทพโผล่พ้นเส้นขอบฟ้า นั้นหมายถึงชีวิตใหม่กำลังเริ่มอุบัติขึ้นอีกครั้ง เปลือกตาที่ปิดสนิทเต็มไปด้วยริ้วรอยซึ่งผ่านประสบการณ์แห่งชีวิตจนเข้าสู่ช่วงวัยสุดท้ายในวัยเกือบ 70 ปี ดวงตาของชายชราเริ่มกลอกไปมาก่อนจะลืมขึ้นอย่างช้าๆ พร้อมมองร่างของหลานสาวตรงหน้า มืออันเหี่ยวย่นยกขึ้นก่อนจะนาบลงบนศีรษะของนาง แสงสว่างเจิดจ้าปรากฏขึ้นโดยพลันและค่อยๆ ลามเลียไปตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้า ร่างงามที่เต็มไปด้วยแผลผุพองจากการถูกไฟไหม้จนทั่วร่าง ค่อยๆ มลายหายไปอย่างช้าๆ ทันที่ที่แสงเจิดจ้าดังกล่าวพาดผ่าน ไม่เว้นแม้กระทั่งใบหน้าที่เต็มไปด้วยแผลไฟลวกก็มลายหายไปจนหมดสิ้น ทำให้ร่างงามพ้นจากความทุกข์ทรมานจากการถูกไฟลวกไปอย่างสิ้นเชิง บัดนี้ดวงหน้าที่งดงามได้หวนคืนกลับมาดั่งเดิมและสติที่หวนกลับคืน หากแต่ความทรงจำที่มีต่อกษัตริย์แห่งอียิปต์กลับไม่หลงเหลืออยู่เลยแม้แต่น้อย ทว่าความทรงจำที่ยังคงหลงเหลืออยู่นั้นคือการแสวงหาสมุนไพรนำมาบันทึกเป็นสูตรยาเพื่อถวายการรักษาให้แก่เชื้อพระวงศ์เท่านั้น ไม่มีแม้แต่ความทรงจำเกี่ยวกับชอร์ตี้และหมู่บ้านชาวประมงนับตั้งแต่บัดนี้ต่อไป “ท่านปู่” เสียงโฉมงามเอ่ยขึ้นเมื่อได้สติกลับมา เนพธีสทอดสายตาใบหน้าอันเหี่ยวย่นของผู้เป็นปู่ ก่อนจะเหลือบสายตามองไปทั่วบริเวณและพบว่าบัดนี้นางอยู่ภายในห้องประกอบพิธีอันศักดิ์สิทธิ์มีเพียงนักบวชชั้นสูงและองค์กษัตริย์เท่านั้นที่จะเข้ามาในห้องประกอบพิธีนี้ได้ “เจ้าฟื้นแล้วอย่างนั้นหรือ” โฮราเอ่ยถามหลานสาวของตนด้วยความรู้สึกโล่งใจ ก่อนที่เด็กสาวจะกล่าวสิ่งใด มือหนาตรงเข้าลูบใบหน้าอันงดงามเมื่อครู่ที่ผ่านมา ให้กลับกลายมีใบหน้าซีกซ้ายเต็มไปด้วยแผลเป็นจากไฟไหม้ดั่งเดิม ทั้งนี้เพื่อป้องกันมิให้เกิดเหตุการณ์ซ้ำรอยขึ้นมาอีก นางจำต้องอยู่ในสภาพที่มีใบหน้าที่เต็มไปด้วยแผลเป็นที่น่าเกลียดน่ากลัวตลอดไปนับตั้งแต่บัดนี้ “เหตุใดข้าจึงมาอยู่ในห้องประกอบพิธีของเทพเจ้า แทนที่ข้าจะอยู่...อยู่” เด็กสาวเอ่ยได้เพียงเท่านั้นก็ต้องหยุดลงโดยพลัน ด้วยไม่ว่าจะพยายามนึกเท่าไรก็ไม่สามารถนึกออก เพราะความจำบางช่วงได้หายไปนั้นเอง “เจ้าจำอะไรไม่ได้เลยกระนั้นรึ” โฮราเอ่ยถามกลับไป “เหตุใดข้าจึงจดจำสิ่งใดมิได้เลย พยายามนึกอย่างไรก็ไม่ออกเลยท่านปู่ แม้กระทั่งชื่อของข้าเอง แต่ทำไมข้าจึงจำแต่ท่านปู่ได้เล่า” เนพธีสกล่าวด้วยความงงงันกับสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นกับนาง ชายชราถอนหายใจออกมาเบาๆ ก่อนจะตัดสินใจกล่าวคำเท็จเพื่อให้ทุกสิ่งทุกอย่างจบลง “เจ้านอนหมดสติไปนานเพราะเป็นลมล้มลงไปถูกไฟตรงแท่นพิธีสักการะเหล่าทวยเทพ ดีนะที่ไม่เป็นอันตรายถึงชีวิต แต่ถึงกระนั้นไฟจากแท่นพิธีก็ลวกใบหน้าของเจ้าจนเกิดบาดแผลฉกรรจ์ ข้าใช้เวลารักษาเจ้าเป็นนานเลยทีเดียว” ชายชราเอ่ยบอกพร้อมๆ กับมือเรียวบางของเด็กสาวยกขึ้นจับใบหน้าของตนอย่างรวดเร็ว ทันทีที่มือเรียวสัมผัสถูกบาดแผลที่ค่อนข้างใหญ่และกินพื้นที่กว้าง หากแต่ไร้สิ้นความเจ็บปวดใดๆแล้ว บาดแผลดังกล่าวมีเลือดที่ยังไหลซึมออกมาจากใบหน้า ก่อนจะลดมือลงและเห็นเลือดดังกล่าวติดนิ้วมือของตนกลับมาด้วย “นี่ข้ากลายเป็นคนมีแผลเป็นติดกายไปตลอดชีวิตเช่นนั้นหรือท่านปู่” เนพธีสรำพึงออกมาเบาๆ แต่เพราะนางเยาว์วัยจึงมิใส่ใจกับการที่มีใบหน้างามหรือมีใบหน้าอัปลักษณ์แต่อย่างใด โฮราพยักหน้าขึ้นลงติดๆ กัน ดวงตาทอดมองใบหน้าหลานสาวเพียงคนเดียวตรงหน้า ที่บัดนี้กลายเป็นเด็กหน้าผีไปซะแล้ว บาดแผลฉกรรจ์เกิดจากอำนาจของเวทมนต์ที่ร่ายขึ้นเพื่อปกป้องโฉมตรูมิให้ได้รับเภทภัยดั่งที่เพิ่งประสบมา ก่อนจะเหลือบไปเห็นสร้อยข้อมือที่ทำจากเชือกปาปิรัส ซึ่งถูกประดับด้วยเม็ดทับทิมสีแดงขนาดใหญ่ถูกสวมอยู่บนแขนของหลานสาว ชายชราล่วงรู้โดยพลันว่าสร้อยดังกล่าวคือของรักเป็นตัวแทนหัวใจที่กษัตริย์อียิปต์มีให้กับเนพธีส มือเหี่ยวย่นเอื้อมมือแกะสร้อยข้อมือดังกล่าวออกจากร่างของหลานสาวด้วยความรวดเร็ว ทั้งนี้เพื่อตัดไฟตั้งแต่ต้นลมป้องกันมิให้เกิดเหตุซ้ำรอยขึ้นอีกเป็นครั้งที่ 2 หากเนพธีสยังสวมสร้อยข้อมือเส้นนี้ติดกายและถ้าองค์กษัตริย์มาพานพบเข้า จะต้องจดจำได้อย่างแน่นอน “มีอะไรหรือท่านปู่ ท่านแกะสิ่งใดออกไปจากข้อมือของข้า”เนพธีสเอ่ยถามด้วยความแปลกใจด้วยเพราะจดจำไม่ได้ว่าสร้อยข้อมือดังกล่าวมาอยู่กับนางได้อย่างไร “สร้อยของเจ้าถูกไฟไหม้ตอนล้มลงไป แกะออกเสียเถิดใส่ไปแล้วก็ไม่งามดั่งเดิม”โฮรากล่าวตอบกลับไปพร้อมนำสร้อยข้อมือดังกล่าวเก็บไว้ในเสื้อด้านในของตน ก่อนจะเปลี่ยนเรื่องสนทนาทันที “เมื่อบาดแผลที่หน้าของเจ้ารักษาหายสนิทดีแล้ว ปู่จะสั่งให้ช่างในราชสำนักตีหน้ากากครอบด้านที่เป็นแผลให้แก่เจ้า เวลาเดินไปแห่งหนใดจะมิต้องตกเป็นเป้าสายตากับผู้คนที่ได้พบเห็น อีกทั้งภายภาคหน้าเจ้าจะต้องออกประกอบพิธีสำคัญๆ แทนปู่ หากรูปโฉมของเจ้าเป็นเช่นนี้จะทำให้แลดูไม่เจริญหูเจริญตากับผู้ที่ได้พบเป็นยิ่งนัก”โฮราหยุดนิ่งไปเพียงครู่คล้ายกำลังตัดสินใจบางอย่างอยู่ในใจก่อนจะเอ่ยสำทับขึ้น “นับตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไปจงอยู่แต่ภายในมหาวิหาร มิต้องเดินทางออกไปแห่งหนใดอีกแล้ว เจ้าเข้าใจหรือไม่ เบนท์เรชีต” สังฆราชโฮราเอ่ยชื่อใหม่ของหลานสาว เนพธีสพยักหน้าขึ้นลงแทนการตอบรับเมื่อได้ยินเช่นนั้น พร้อมขมวดคิ้วเข้าหากันเมื่อได้ยินปู่ของนางเอ่ยชื่อดังกล่าวออกมา “นั้นชื่อของข้าอย่างนั้นหรือท่านปู่” เด็กสาวเอ่ยถามเพื่อความแน่ใจ ชายชราพยักหน้าพร้อมส่งยิ้มให้บางๆ “อีกไม่นานเจ้าก็จะมีอายุครบ 15 ปีเต็ม นับแต่นี้ต่อไปจงตั้งใจร่ำเรียนสิ่งที่ปู่จะถ่ายทอดให้ทุกอย่างในภายภาคหน้าเจ้าคือผู้สืบทอดจากปู่ และจงจดจำให้จงหนักว่าเจ้าคือนักบวชหญิงพรหมจรรย์ เพราะเมื่อได้ขึ้นชื่อว่าเป็นนักบวชหญิงที่อยู่ในมหาวิหารหลวงแห่งนี้แล้ว นั้นหมายถึงผู้นั้นคือสมบัติของเทพเจ้าเป็นกรรมสิทธิ์ของวิหารหลวงอันศักดิ์สิทธิ์แห่งนี้เท่านั้น” เนพธีสพยักหน้ารับรู้ในสิ่งที่ผู้เป็นปู่กล่าวกับนาง นับตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป นางคือนักบวชหญิงของมหาวิหารอันศักดิ์สิทธิ์ ชีวิตและร่างกายอุทิศแด่เหล่าทวยเทพ เป็นนักบวชหญิงพรหมจรรย์ซึ่งมีนามว่า เบนท์เรชีต
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม