ท่านรองขา : EP5

1529 คำ
Phet’s part มาอีกแล้ว! ผมขมวดคิ้วมุ่น ยายเด็กนี่อยู่เกิน 2สัปดาห์ได้อย่างไร เธอยืนเชิดหน้าอยู่ตรงหน้าผม ริมฝีปากบางคลี่ยิ้มทีละนิดจนเผยฟันซี่ขาว บ้าเปล่าวะ ยิ้มให้ทำไม? ผมถดตัวหนีจนเข้ากับมุมของโซฟา ไม่มีทางให้ถอยหนีได้ต่อ ผมมองไปทางพี่โชคแล้วส่งสายตาว่าให้ลากยายนี่ออกไป “อย่าค่ะพี่โชค” มือเรียวยกขึ้นห้าม สายตายังคงจ้องที่ใบหน้าของผมอยู่ “วันนี้ท่านรองไม่ต้องไปทำงานก็ได้ค่ะ” “ก็ต้องแบบนั้นอยู่แล้ว” ผมตอบกลับ จะไปหรือไม่อยู่ที่ตัวผมตัดสินใจ ไม่เกี่ยวกับเลขาอ่อนหัดอย่างเธอเสียหน่อย “แต่คุณช่วยบอกเหตุผลให้ฟังหน่อยได้ไหมคะว่าทำไมถึงไม่ไป” “เกี่ยวไรกับเธอ” ทำไมผมจะต้องบอกให้เธอรับรู้ด้วย ขนาดแม่ตัวเองผมยังไม่บอกเลย “เป็นเพราะว่าคุณรู้สึกว่าตัวเองสู้คุณเงินไม่ได้…” “หุบปาก!!!” ผมตะคอกดังลั่นทั้งที่เธอยังพูดไม่จบ สายรุ้งสะดุ้งเฮือกและเป็นฝ่ายถอยหนี ผมหยัดกายขึ้นยืนเต็มความสูง แล้วชี้หน้าจิ้มลิ้มอย่างคาดโทษ ก่อนจะออกคำสั่งเสียงเข้ม “กลับไปลาออกซะ!” สายรุ้งกลัวผมอย่างเห็นได้ชัด ดวงตากลมโตมีน้ำใสคลออยู่ เธอเม้มปากแน่นแล้วหลุบตามองพื้น “คุณรุ้งครับ” พี่โชคเรียกแล้วบอกกับเธอตามที่ผมสั่ง “กลับเถอะครับ” สายรุ้งเงยหน้าขึ้นช้า ๆ เธอมองหน้าผมนิ่ง ๆ ทั้งที่ดวงตายังคงแสดงความหวาดกลัวอยู่ แล้วพูดสิ่งทำให้ผมต้องแปลกใจ “ไม่กลับค่ะ” “คุณรุ้ง…” พี่โชคเอ่ยเสียงแผ่ว เขาหันมาหาผมราวกับขอความเห็นว่าจะต้องทำอย่างไรกับเด็กนี่ต่อ “เด็กแม่งดื้อด้าน น่ารำคาญ!” “ฉันโตแล้วค่ะ” หน้าตางอง้ำจนแก้มป่อง ยิ่งเห็นยิ่งรู้สึกหงุดหงิดใจ จะมาทำตัวงอแงเพื่ออะไร ออกจากห้องผมไปก็จบแล้วไหม เธอน่าจะรู้ว่าตอนนี้ผมโมโห ควรจะออกไปเพื่อให้ผมได้ระงับอารมณ์ตัวเองก่อน “ตกลงคุณไม่ไปทำงานเพราะอะไรคะ” นอกจากไม่ให้เวลาผมหายโมโห ยังจะถามให้โมโหหนักไปกันใหญ่ ยายเด็กนี่คิดอะไรอยู่ ปล่อยให้คำถามของเธอหายไปในอากาศ ไม่ตอบและไม่ไล่ออกจากห้อง เพราะเหนื่อยที่จะต้องไล่คนดื้อด้านแล้ว แต่ละวันกว่าจะไล่ออกไปได้เหนื่อยยิ่งกว่าไปออกกำลังกายอีก “ฉันมั่นใจว่าคุณไม่ได้ขี้เกียจ หรือเกเรอะไร คุณต้องมีเรื่องในใจจนไม่อยาก…” “รู้ดี!” ผมพูดแทรกเพราะขี้เกียจฟังเธอร่ายยาว “แปลว่าที่ฉันพูดคือถูกต้องใช่ไหมคะ” ฮะ? อะไรที่ทำให้เธอคิดแบบนั้น แต่สิ่งที่เธอพูดมาน่ะถูกต้องแล้ว “บอกให้ฉันรู้ได้ไหมคะว่าเรื่องอะไร” ผมหรี่ตามองคนตรงหน้า พลางใช้ความคิดว่าจะจัดการสายรุ้งอย่างไรดี “พี่โชคกลับไปก่อนครับ” “เอ่อ” พี่โชคอ้ำอึ้ง สายรุ้งเองก็ออกอาการตื่นกลัว เธอมองหน้าพี่โชคราวกับขอร้องให้อยู่ด้วยกันก่อน “จะอยู่ที่นี่ หรือจะกลับดีล่ะ” ผมถามสายรุ้ง ไม่รู้จะไล่กลับไปอย่างไรก็ต้องทำแบบนี้แหละ “อยู่ที่นี่ค่ะ” ผมว่าผมประเมินสายรุ้งผิดพลาดไปจริง ๆ กล้าอยู่กับผมสองคนทั้งที่ผมเพิ่งจะดุจนเธอน้ำตาคลอเนี่ยนะ ไม่กลัวว่าผมจะหักคอบ้างหรือไง “พี่โชคกลับไปก่อนได้เลยค่ะ รุ้งอยู่ได้” เธอบอกคนขับรถแล้วเปิดกระเป๋าสะพายของตัวเอง โชว์ขวดน้ำหอม “ถ้าคุณเพชรทำร้ายรุ้ง รุ้งฉีดตาบอดแน่” ขู่กูอีก! ความเงียบงันปกคลุมห้องโทนสีดำไว้ พี่โชคออกจากห้องไปราวสิบนาทีแต่เราทั้งคู่ยังคงปิดปากเงียบ ไม่มีใครเริ่มพูดก่อน ผมก็เลยเอนตัวนอนบนโซฟาเอาหมอนอิงมากอดแล้วปิดเปลือกตาลง ได้ยินเสียงก๊อกแก๊กก็เลยลืมตาขึ้นแล้วมองไปยังต้นเสียง “ทำไร” ผมถาม งีบไปได้แค่ไม่กี่นาที เลขารื้อห้องกูแล้ว! “ฉันเห็นว่าคุณนอน ก็เลยจะทำอาหารกลางวันไว้ให้คุณกินน่ะค่ะ” “ไม่ได้สั่ง!” “ตามใจค่ะ” แล้วสายรุ้งก็ปิดตู้เย็น เธอเดินมานั่งที่โซฟามองหน้าผมนิ่ง ๆ “ฉันไม่รู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้น แต่ฉันอยากให้คุณไปทำงานนะคะ” “เธอกลัวโดนแม่ฉันไล่ออกแล้วไม่มีเงินใช้น่ะสิ” “เปล่าค่ะ บ้านฉันพอจะมีเงินอยู่แล้วค่ะ ไม่ต้องมาทำงานก็ไม่เดือดร้อนค่ะ” ไม่คิดว่าจะได้ยินคำนี้จากปากเลขาเลยจริง ๆ จากที่ดูภายนอก รูปร่างหน้าตาผิวพรรณ ข้าวของ และรถที่ขับ ผมก็พอจะมองออกว่าเธอพอจะมีเงินแน่นอน แต่ก็ไม่คิดว่าเจ้าตัวจะพูด “แล้วทำเพื่อ?” เริ่มสนใจเสียแล้ว ก็เลยดันตัวขึ้นนั่ง “ฉันเบื่ออยู่บ้านก็เลยมาหางานทำ ตอนเรียนฉันฝึกงานที่โรงแรมของคุณ ก็เลยสมัครน่ะค่ะ ไม่คิดว่าจะได้ทำตำแหน่งนี้” เธอมองหน้าผมนิ่ง ๆ ก่อนจะไล่สายตามองผมแล้วพูดต่อ “และไม่คิดว่าจะต้องทำงานกับคนแบบนี้” ที่พูดนี่คือหลอกด่าหรือเปล่าวะ คิ้วหนาพลันย่นเข้าหากันเป็นปม “พอรู้แล้วทำไมยังอยู่ ไม่ลาออกไปสักที” “ฉันชอบเอาชนะค่ะ” “จะเอาชนะฉันเนี่ยนะ ฮ่า ๆ” ผมระเบิดเสียงหัวเราะออกมา รู้ทั้งรู้ว่าผมไม่ไปทำแน่นอนแล้วคิดว่าจะชนะเหรอ “ตอนแรกคิดแบบนั้นค่ะ แต่ตอนนี้รู้แล้วว่าแข่งกับคนแบบนี้ยังไงก็คงแพ้ แต่ที่ยังอยู่ต่อก็เพื่อชนะใจตัวเอง ที่มีความพยายาม มีความอดทน มีความมุ่งมั่น ไม่ยอมแพ้ก่อนเวลา” มุมปากของผมยกขึ้น คำพูดคำจาน้ำเสียงและสีหน้าดูมุ่งมั่นอย่างที่เธอว่า ตอนที่เจอหน้ากันครั้งแรกผมก็รู้สึกว่าเธอไม่เหมือนคนก่อนหน้าที่พ่อและแม่พยายามหามาทำงาน “แล้วถ้าฉันให้เธอหนึ่งแสนล่ะ แลกกับการที่เธอลาออกไปซะ เธอจะตกลงไหม” คนตรงหน้ากลอกตาไปมาอีกทั้งยังคว่ำปาก ลืมตัวหรือเปล่าว่ากำลังคุยกับเจ้านายอยู่…แล้วก็พูดเสียงแข็ง “ไม่ค่ะ” “สองแสน” “ไม่ค่ะ” “สามแสน” “ตลกเหรอคะ คุณคิดว่าเงินนี่ฟาดหัวฉันได้เหรอ ต่อให้หนึ่งล้านก็ไม่เอาค่ะ!” สายรุ้งลุกพรวดพลางจ้องหน้าผมเขม็ง “อย่าเอาเงินมาฟาดกันอีก” ผมลอบยิ้มแล้วทำหน้าเรียบเฉยให้ไวที่สุด ลุกขึ้นยืนประจันหน้ากับยายเด็กดื้อด้านแล้วโน้มใบหน้าเข้าไปใกล้ “คืนนี้เธอนอนที่นี่ แล้วพรุ่งนี้ฉันจะไปทำงานกับเธอ” ปึก! “โอ๊ย!!! สายรุ้ง!!!” ผมพูดประโยคนั้นจบ กำปั้นน้อย ๆ ก็กระแทกเข้าที่จมูกทันที ผมกุมไว้แล้วร้องโอดโอยด้วยความเจ็บปวด และพอเอามืออกจากจมูกก็เห็นว่ามีเลือดสีสดเปรอะมืออยู่ “ส ส สายรุ้ง” เจ้าของชื่อมองเลือดในมือผมแล้วเบิกตาโต ก่อนที่ดวงตาคู่นั้นจะค่อย ๆ หรี่ลงแล้วร่างเล็กก็ทิ้งตัวทันที ผมพุ่งไปรับตัวเธอไว้ไม่ให้กระแทกพื้น เอามือเช็ดกางเกงตัวเองแล้วช้อนตัวสายรุ้งขึ้นอุ้ม ค่อย ๆ วางเธอนอนลงบนโซฟา พวกยาดมอะไรแบบนี้ไม่มีเสียด้วยสิ แต่โชคดีที่สายรุ้งปรือตาขึ้น “เธอเป็นไรเนี่ย” ผมถาม สายรุ้งหันมาเห็นหน้าผมซึ่งอยู่ใกล้ใบหน้าตัวเอง เธอก็ผวาหลบราวกับผมเป็นผีอย่างไรอย่างนั้น “เลือดคุณหยุดไหลหรือยัง” อ๋อ ที่หันหนีก็เพราะเรื่องเลือด กลัวเลือดสินะ “หยุดแล้ว” ผมย้ายมานั่งบนโซฟาตรงช่วงขาของสายรุ้ง นั่งที่พื้นไม่กี่นาทีก็เมื่อยละ “ฉันจะจัดการเธอยังไงดี ที่ต่อยหน้าฉันแบบนี้” ผมถาม สายรุ้งก็ทำท่าจะดันตัวขึ้นนั่ง ผมเลยรีบห้าม “ยังไม่ต้องลุก ให้หายดีก่อน ขี้เกียจอุ้มอีก” “ก็คุณจะให้ฉันนอนกับคุณ ฉันไม่ชอบ!” “ให้นอนที่นี่ ไม่ใช่ให้หลับนอนด้วยกันแบบที่เธอคิด!” ไม่ได้พิศวาสจะนอนด้วยเลยสักนิด แต่ผมก็เข้าใจสายรุ้ง เพราะผมก็ตั้งใจสื่อไปในทางนั้น แค่อยากลองใจว่าจะเป็นเหมือนคนเก่า ๆ หรือเปล่า “ไม่นอนค่ะ ฉันไม่ชอบนอนที่อื่น” “อืม เดี๋ยวหายดีแล้วก็กลับไปได้ละ เกะกะห้อง” “ค่า” สายรุ้งลากเสียง ฟังแล้วก็รู้สึกว่าเธอกวน แต่นั่นก็ทำให้ผมลอบยิ้มออกมาอีกครั้ง
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม