Phet’s part
มาอีกแล้ว!
ผมขมวดคิ้วมุ่น ยายเด็กนี่อยู่เกิน 2สัปดาห์ได้อย่างไร เธอยืนเชิดหน้าอยู่ตรงหน้าผม ริมฝีปากบางคลี่ยิ้มทีละนิดจนเผยฟันซี่ขาว
บ้าเปล่าวะ
ยิ้มให้ทำไม?
ผมถดตัวหนีจนเข้ากับมุมของโซฟา ไม่มีทางให้ถอยหนีได้ต่อ ผมมองไปทางพี่โชคแล้วส่งสายตาว่าให้ลากยายนี่ออกไป
“อย่าค่ะพี่โชค” มือเรียวยกขึ้นห้าม สายตายังคงจ้องที่ใบหน้าของผมอยู่ “วันนี้ท่านรองไม่ต้องไปทำงานก็ได้ค่ะ”
“ก็ต้องแบบนั้นอยู่แล้ว” ผมตอบกลับ จะไปหรือไม่อยู่ที่ตัวผมตัดสินใจ ไม่เกี่ยวกับเลขาอ่อนหัดอย่างเธอเสียหน่อย
“แต่คุณช่วยบอกเหตุผลให้ฟังหน่อยได้ไหมคะว่าทำไมถึงไม่ไป”
“เกี่ยวไรกับเธอ” ทำไมผมจะต้องบอกให้เธอรับรู้ด้วย ขนาดแม่ตัวเองผมยังไม่บอกเลย
“เป็นเพราะว่าคุณรู้สึกว่าตัวเองสู้คุณเงินไม่ได้…”
“หุบปาก!!!” ผมตะคอกดังลั่นทั้งที่เธอยังพูดไม่จบ สายรุ้งสะดุ้งเฮือกและเป็นฝ่ายถอยหนี
ผมหยัดกายขึ้นยืนเต็มความสูง แล้วชี้หน้าจิ้มลิ้มอย่างคาดโทษ ก่อนจะออกคำสั่งเสียงเข้ม “กลับไปลาออกซะ!”
สายรุ้งกลัวผมอย่างเห็นได้ชัด ดวงตากลมโตมีน้ำใสคลออยู่ เธอเม้มปากแน่นแล้วหลุบตามองพื้น
“คุณรุ้งครับ” พี่โชคเรียกแล้วบอกกับเธอตามที่ผมสั่ง “กลับเถอะครับ”
สายรุ้งเงยหน้าขึ้นช้า ๆ เธอมองหน้าผมนิ่ง ๆ ทั้งที่ดวงตายังคงแสดงความหวาดกลัวอยู่ แล้วพูดสิ่งทำให้ผมต้องแปลกใจ
“ไม่กลับค่ะ”
“คุณรุ้ง…” พี่โชคเอ่ยเสียงแผ่ว เขาหันมาหาผมราวกับขอความเห็นว่าจะต้องทำอย่างไรกับเด็กนี่ต่อ
“เด็กแม่งดื้อด้าน น่ารำคาญ!”
“ฉันโตแล้วค่ะ” หน้าตางอง้ำจนแก้มป่อง ยิ่งเห็นยิ่งรู้สึกหงุดหงิดใจ จะมาทำตัวงอแงเพื่ออะไร ออกจากห้องผมไปก็จบแล้วไหม เธอน่าจะรู้ว่าตอนนี้ผมโมโห ควรจะออกไปเพื่อให้ผมได้ระงับอารมณ์ตัวเองก่อน
“ตกลงคุณไม่ไปทำงานเพราะอะไรคะ” นอกจากไม่ให้เวลาผมหายโมโห ยังจะถามให้โมโหหนักไปกันใหญ่ ยายเด็กนี่คิดอะไรอยู่
ปล่อยให้คำถามของเธอหายไปในอากาศ ไม่ตอบและไม่ไล่ออกจากห้อง เพราะเหนื่อยที่จะต้องไล่คนดื้อด้านแล้ว แต่ละวันกว่าจะไล่ออกไปได้เหนื่อยยิ่งกว่าไปออกกำลังกายอีก
“ฉันมั่นใจว่าคุณไม่ได้ขี้เกียจ หรือเกเรอะไร คุณต้องมีเรื่องในใจจนไม่อยาก…”
“รู้ดี!” ผมพูดแทรกเพราะขี้เกียจฟังเธอร่ายยาว
“แปลว่าที่ฉันพูดคือถูกต้องใช่ไหมคะ”
ฮะ? อะไรที่ทำให้เธอคิดแบบนั้น แต่สิ่งที่เธอพูดมาน่ะถูกต้องแล้ว
“บอกให้ฉันรู้ได้ไหมคะว่าเรื่องอะไร”
ผมหรี่ตามองคนตรงหน้า พลางใช้ความคิดว่าจะจัดการสายรุ้งอย่างไรดี
“พี่โชคกลับไปก่อนครับ”
“เอ่อ” พี่โชคอ้ำอึ้ง สายรุ้งเองก็ออกอาการตื่นกลัว เธอมองหน้าพี่โชคราวกับขอร้องให้อยู่ด้วยกันก่อน
“จะอยู่ที่นี่ หรือจะกลับดีล่ะ” ผมถามสายรุ้ง ไม่รู้จะไล่กลับไปอย่างไรก็ต้องทำแบบนี้แหละ
“อยู่ที่นี่ค่ะ”
ผมว่าผมประเมินสายรุ้งผิดพลาดไปจริง ๆ กล้าอยู่กับผมสองคนทั้งที่ผมเพิ่งจะดุจนเธอน้ำตาคลอเนี่ยนะ ไม่กลัวว่าผมจะหักคอบ้างหรือไง
“พี่โชคกลับไปก่อนได้เลยค่ะ รุ้งอยู่ได้” เธอบอกคนขับรถแล้วเปิดกระเป๋าสะพายของตัวเอง โชว์ขวดน้ำหอม “ถ้าคุณเพชรทำร้ายรุ้ง รุ้งฉีดตาบอดแน่”
ขู่กูอีก!
ความเงียบงันปกคลุมห้องโทนสีดำไว้ พี่โชคออกจากห้องไปราวสิบนาทีแต่เราทั้งคู่ยังคงปิดปากเงียบ ไม่มีใครเริ่มพูดก่อน ผมก็เลยเอนตัวนอนบนโซฟาเอาหมอนอิงมากอดแล้วปิดเปลือกตาลง
ได้ยินเสียงก๊อกแก๊กก็เลยลืมตาขึ้นแล้วมองไปยังต้นเสียง
“ทำไร” ผมถาม งีบไปได้แค่ไม่กี่นาที เลขารื้อห้องกูแล้ว!
“ฉันเห็นว่าคุณนอน ก็เลยจะทำอาหารกลางวันไว้ให้คุณกินน่ะค่ะ”
“ไม่ได้สั่ง!”
“ตามใจค่ะ” แล้วสายรุ้งก็ปิดตู้เย็น เธอเดินมานั่งที่โซฟามองหน้าผมนิ่ง ๆ “ฉันไม่รู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้น แต่ฉันอยากให้คุณไปทำงานนะคะ”
“เธอกลัวโดนแม่ฉันไล่ออกแล้วไม่มีเงินใช้น่ะสิ”
“เปล่าค่ะ บ้านฉันพอจะมีเงินอยู่แล้วค่ะ ไม่ต้องมาทำงานก็ไม่เดือดร้อนค่ะ”
ไม่คิดว่าจะได้ยินคำนี้จากปากเลขาเลยจริง ๆ จากที่ดูภายนอก รูปร่างหน้าตาผิวพรรณ ข้าวของ และรถที่ขับ ผมก็พอจะมองออกว่าเธอพอจะมีเงินแน่นอน แต่ก็ไม่คิดว่าเจ้าตัวจะพูด
“แล้วทำเพื่อ?” เริ่มสนใจเสียแล้ว ก็เลยดันตัวขึ้นนั่ง
“ฉันเบื่ออยู่บ้านก็เลยมาหางานทำ ตอนเรียนฉันฝึกงานที่โรงแรมของคุณ ก็เลยสมัครน่ะค่ะ ไม่คิดว่าจะได้ทำตำแหน่งนี้” เธอมองหน้าผมนิ่ง ๆ ก่อนจะไล่สายตามองผมแล้วพูดต่อ “และไม่คิดว่าจะต้องทำงานกับคนแบบนี้”
ที่พูดนี่คือหลอกด่าหรือเปล่าวะ คิ้วหนาพลันย่นเข้าหากันเป็นปม
“พอรู้แล้วทำไมยังอยู่ ไม่ลาออกไปสักที”
“ฉันชอบเอาชนะค่ะ”
“จะเอาชนะฉันเนี่ยนะ ฮ่า ๆ” ผมระเบิดเสียงหัวเราะออกมา รู้ทั้งรู้ว่าผมไม่ไปทำแน่นอนแล้วคิดว่าจะชนะเหรอ
“ตอนแรกคิดแบบนั้นค่ะ แต่ตอนนี้รู้แล้วว่าแข่งกับคนแบบนี้ยังไงก็คงแพ้ แต่ที่ยังอยู่ต่อก็เพื่อชนะใจตัวเอง ที่มีความพยายาม มีความอดทน มีความมุ่งมั่น ไม่ยอมแพ้ก่อนเวลา”
มุมปากของผมยกขึ้น คำพูดคำจาน้ำเสียงและสีหน้าดูมุ่งมั่นอย่างที่เธอว่า ตอนที่เจอหน้ากันครั้งแรกผมก็รู้สึกว่าเธอไม่เหมือนคนก่อนหน้าที่พ่อและแม่พยายามหามาทำงาน
“แล้วถ้าฉันให้เธอหนึ่งแสนล่ะ แลกกับการที่เธอลาออกไปซะ เธอจะตกลงไหม”
คนตรงหน้ากลอกตาไปมาอีกทั้งยังคว่ำปาก ลืมตัวหรือเปล่าว่ากำลังคุยกับเจ้านายอยู่…แล้วก็พูดเสียงแข็ง “ไม่ค่ะ”
“สองแสน”
“ไม่ค่ะ”
“สามแสน”
“ตลกเหรอคะ คุณคิดว่าเงินนี่ฟาดหัวฉันได้เหรอ ต่อให้หนึ่งล้านก็ไม่เอาค่ะ!” สายรุ้งลุกพรวดพลางจ้องหน้าผมเขม็ง “อย่าเอาเงินมาฟาดกันอีก”
ผมลอบยิ้มแล้วทำหน้าเรียบเฉยให้ไวที่สุด ลุกขึ้นยืนประจันหน้ากับยายเด็กดื้อด้านแล้วโน้มใบหน้าเข้าไปใกล้
“คืนนี้เธอนอนที่นี่ แล้วพรุ่งนี้ฉันจะไปทำงานกับเธอ”
ปึก!
“โอ๊ย!!! สายรุ้ง!!!”
ผมพูดประโยคนั้นจบ กำปั้นน้อย ๆ ก็กระแทกเข้าที่จมูกทันที ผมกุมไว้แล้วร้องโอดโอยด้วยความเจ็บปวด และพอเอามืออกจากจมูกก็เห็นว่ามีเลือดสีสดเปรอะมืออยู่
“ส ส สายรุ้ง”
เจ้าของชื่อมองเลือดในมือผมแล้วเบิกตาโต ก่อนที่ดวงตาคู่นั้นจะค่อย ๆ หรี่ลงแล้วร่างเล็กก็ทิ้งตัวทันที ผมพุ่งไปรับตัวเธอไว้ไม่ให้กระแทกพื้น เอามือเช็ดกางเกงตัวเองแล้วช้อนตัวสายรุ้งขึ้นอุ้ม
ค่อย ๆ วางเธอนอนลงบนโซฟา พวกยาดมอะไรแบบนี้ไม่มีเสียด้วยสิ แต่โชคดีที่สายรุ้งปรือตาขึ้น
“เธอเป็นไรเนี่ย” ผมถาม
สายรุ้งหันมาเห็นหน้าผมซึ่งอยู่ใกล้ใบหน้าตัวเอง เธอก็ผวาหลบราวกับผมเป็นผีอย่างไรอย่างนั้น
“เลือดคุณหยุดไหลหรือยัง” อ๋อ ที่หันหนีก็เพราะเรื่องเลือด กลัวเลือดสินะ
“หยุดแล้ว” ผมย้ายมานั่งบนโซฟาตรงช่วงขาของสายรุ้ง นั่งที่พื้นไม่กี่นาทีก็เมื่อยละ
“ฉันจะจัดการเธอยังไงดี ที่ต่อยหน้าฉันแบบนี้” ผมถาม สายรุ้งก็ทำท่าจะดันตัวขึ้นนั่ง ผมเลยรีบห้าม “ยังไม่ต้องลุก ให้หายดีก่อน ขี้เกียจอุ้มอีก”
“ก็คุณจะให้ฉันนอนกับคุณ ฉันไม่ชอบ!”
“ให้นอนที่นี่ ไม่ใช่ให้หลับนอนด้วยกันแบบที่เธอคิด!” ไม่ได้พิศวาสจะนอนด้วยเลยสักนิด
แต่ผมก็เข้าใจสายรุ้ง เพราะผมก็ตั้งใจสื่อไปในทางนั้น แค่อยากลองใจว่าจะเป็นเหมือนคนเก่า ๆ หรือเปล่า
“ไม่นอนค่ะ ฉันไม่ชอบนอนที่อื่น”
“อืม เดี๋ยวหายดีแล้วก็กลับไปได้ละ เกะกะห้อง”
“ค่า” สายรุ้งลากเสียง ฟังแล้วก็รู้สึกว่าเธอกวน แต่นั่นก็ทำให้ผมลอบยิ้มออกมาอีกครั้ง