ตอนที่ 12
ก๊อก...ก๊อก..ก๊อก
ร่างสูงสง่ายืนเคาะประตูหน้าห้องนอนของเลขาฯสาว มินตราจัดการกับเครื่องแต่งกายใหม่เป็นพิเศษ ประตูห้องค่อย ๆ เปิดออกเมื่อเห็นว่าเป็นภูริภัทร มินตราก็ส่งยิ้มหวานให้เขา เธอดูร้อนแรงและเซ็กซี่จนภูริภัทรต้องตะลึง
"พร้อมหรือยังครับ" เขาเอ่ยทักทาย
"พร้อมแล้วค่ะ"
"งั้นไปกันเลยนะครับ" มินตราเดินออกมาล็อคห้องเสร็จมือหนาก็เอื้อมมาสัมผัสมือเรียวบางเอาไว้ก่อนที่จะพาร่างระหงให้เดินตามเขาออกไป
มินตราเลือกชุดกระโปรงผ้าฝ้ายสายเดี่ยวสั้นเหนือเข่าเห็นแล้วชวนหวาบหวิว ตัวชุดบางไหวพลิ้วไปกับสายลม พอมาถึงบาร์ภูริภัทรก็จูงมือหญิงสาวแหวกผู้คนเข้าไปยังโต๊ะที่สั่งให้พนักงาน สาว ๆ จองเอาไว้ให้
“บอสคะ! ทางนี้ค่ะ” สาว ๆ แผนกคิวซีที่นั่งกันอยู่สามคนรีบเรียกเจ้านายหนุ่มทันที
โสภิตาเป็นคนแรกที่รีบกวักมือเรียกเจ้านายหนุ่ม เมื่อเห็นภูริภัทรกับมินตราเดินเข้ามาในร้านพร้อมกัน มินตรามองไปรอบ ๆ ร้านนี้เป็นแบบโอเพ่น บรรยากาศภายในก็สบายๆ โปร่งๆ มีดนตรีสด ไม่นานนักสายตาของเธอก็ไปสะดุดเข้ากับชายคนหนึ่งซึ่งอยู่ไม่ไกลจากโต๊ะที่เธอกำลังจะเดินไปนั่ง ก่อนที่เธอจะเดินผ่านเข้าไปที่โต๊ะของตัวเอง ตาคมคู่นั้นก็จ้องมาที่เธอแบบไม่ละสายตา
“ผมนึกว่าพวกคุณกลับไปกันแล้วเสียอีก” ภูริภัทรทักทายพนักงานของเขาอย่างเป็นกันเอง
“ยังหรอกค่ะ พอดีพวกเราติดลมกัน” โสภิตาเอ่ยตอบพร้อมกับเสียงสนับสนุนจากเพื่อนของเธออีกสองคน โดยมีกมลพร และภัณฑิรา ทั้งสามคนอยู่แผนกเดียวกัน และรู้จักกับมินตราเป็นอย่างดีเพราะมินตราเคยทำงานในแผนกเดียวกันกับพวกเธอมาก่อน แต่มินตราเธอข้ามขั้นมาเป็นเลขาฯ เพราะความได้รับความเมตตาจากภูริภัทร
ทั้งห้าคนนั่งดื่มกันมาได้สักระยะหนึ่ง กฤติดนัยที่จ้องมายังโต๊ะของมินตราอยู่บ่อย ๆ ทำให้เธอเริ่มรำคาญเขาขึ้นมา จึงเอ่ยปากชวนภูริภัทรไปเต้นรำด้วยกัน
“เอ้อ! คุณภัทรคะ...มินว่าเราออกไปเต้นรำกันดีไหม เพลงกำลังเพราะ ๆ เลยค่ะ” เธอเอ่ยปากชวนเจ้านายหนุ่มจนสาว ๆ ทั้งสามคนอิจฉา อันที่จริงภูริภัทรก็ประกาศชัดอยู่แล้วว่าเขาคบหาอยู่กับมินตรา และกำลังจะแต่งงานกับเธอในเดือนหน้านี้ แต่ทั้งสามคนก็ยังอดเสียดายเขาไม่ได้
“อืม..ก็ดีเหมือนกัน งั้นเชิญครับ” สิ้นเสียงเจ้านายหนุ่มก็รีบคว้าเอวคอดของมินตราเดินเข้าไปอยู่กลางฟลอร์เต้นรำ ทำเอาสาว ๆ แถวนั้นอิจฉากันตาร้อนกันเป็นแถว ๆ รวมไปถึงใครบางคนที่กำลังนั่งดื่มเหล้าอยู่คนเดียว และจับจ้องมองมาที่ทั้งคู่จนตาแทบไม่กะพริบ
“คุณภัทรเต้นจังหวะนี้เก่งจัง สอนมินบ้างสิคะ” ไม่น่าเชื่อว่าเวลาที่ได้มาอยู่ในวงแขนของเขาแบบนี้ และยิ่งเมื่อเขารัดเอวเธอแน่นขึ้น แทนที่จะอึดอัด แต่มินตรากลับรู้สึกซาบซ่านไปทั้งหัวใจอย่างบอกไม่ถูก
หากจะบอกว่าเธอหลงใหลในรูปลักษณ์ภายนอกของเขาก็ย่อมได้ ใครจะประณามว่าเธอหลายใจก็ยินยอม เพราะในยามนี้ภูริภัทรช่างเป็นผู้ชายที่น่าหลงใหลเหลือเกิน อันที่จริงก่อนหน้านี้มินตราก็วางตัวดีมาโดยตลอด และไม่เคยพยายามใกล้ชิดเขาแบบนี้ จนกระทั่งได้เห็นธาตุแท้ของกฤติดนัย ในตอนแรกมินตราไม่คิดหวังสูงด้วยซ้ำ แต่เขาก็มีดีกว่ากฤติดนัยอย่างที่มารดาและเพื่อนของเธอบอกจริง ๆ และคืนนี้เธอก็ขอแค่ได้อยู่ในวงแขนของเขาเพียงชั่วข้ามคืนก็ยังดี
“ทำไมคุณต้องโกหกผมด้วยว่าออกไปเจอเพื่อน”
“เอ่อ..คือ เอ่อ” มินตราไม่คิดว่าจะถูกภูริภัทรถามเรื่องนี้ หรือว่าเขาจะรู้เรื่องของเธอกันแน่! เธอไม่เคยเตรียมคำตอบพวกนี้เอาไว้เลย มินตราอึกอักอยู่นาน จนเขาต้องเอ่ยถามขึ้นอีก
“บอกความจริงผมมา มินตรา ถ้าคุณอยากแต่งงานกับผมจริง ๆ”
“ค่ะ... คือมินไปเคลียร์กับแฟนกับเก่า เค้าอยากเจอมินเป็นครั้งสุดท้าย” เธอตัดสินใจเล่าให้เขาฟังตามความจริงตั้งแต่ตอนที่กฤติดนัยตามเธอมาที่นี่ ถึงแม้มันจะไม่ได้ลงละเอียดในตอนที่เธอเกือบมีอะไรกับเขาก็ตาม พอเธอเล่าจบก็ได้ยินเสียงทุ้มเอ่ยขึ้น
“โอเค ผมเชื่อคุณ” เขาพูดด้วยเสียงหนักแน่น มินตราโล่งอกไปในทันที
“ขอบคุณค่ะ” ก่อนหน้านี้ระหว่างที่มินตราเล่าให้เขาฟัง เธอรู้สึกใจคอไม่ค่อยดีเลย เพราะกฤติดนัยจับจ้องมาที่เธอตลอด
พอเข้าใจกันแล้วมินตราจึงถือโอกาสสวมกอดภูริภัทรอย่างแนบชิดและซบหน้ากับไหล่กว้างของเขา เธอเจตนาให้อีกฝ่ายรีบตัดใจจากเธอเสียที แต่เมื่อเธอแอ่นเต้านมอวบขึ้นไปเสียดสีกับแผ่นอกกว้างของเขาแบบจงใจ ภูริภัทรก็เหมือนจะรู้ทันเธอ ก่อนจะเอ่ยถามขึ้น
“ทำแบบนี้ ต้องการจะให้แฟนเก่าหึงเหรอไง” เสียงคาดโทษดังขึ้นใกล้ๆ บริเวณข้างใบหู จนมินตราได้กลิ่นไวน์เคล้ามากับลมหายใจอันผ่าวร้อนของเขา และดูเหมือนทุกสิ่งทุกอย่างจะเป็นใจ เมื่อจู่ ๆ ไฟก็ดับพรึบลง ทำให้บาร์แห่งนี้มืดไปชั่วขณะ
และท่ามกลางความมืดมิดก็สิ่งที่ไม่คาดฝันเกิดขึ้นเมื่อริมฝีปากร้อนรุ่มของภูริภัทรประทับจูบลงเหนือกลีบปากนุ่มละมุนของมินตราอย่างแผ่วเบา ราวกับว่าในความมืดนี้ ชายคนที่จับจ้องอยู่เขาจะมองไม่เห็นอะไร