7-2 ******ปมด้อยของชีวิต

1469 คำ
“เจ้าปีศาจชั่วช้าสามานย์!” เสียงทอดดังเป็นระยะตามมาหลังจากนั้น แสงเวทมากมายสาดกระทบบนกายของนางแต่ไร้ผล แม้ในร่างอ่อนแอที่สุดของนาง ยังต่อสู้กับพวกเขาได้ด้วยฝีมือที่ต่างระดับกัน นางส่งเสียงหัวเราะอย่างสาแก่ใจ “ฮ่า ๆ เทพมังกรไม่ได้ถือกำเนิดจากลูกแก้วแห่งชีวิต แต่ถือกำเนิดด้วยพลังของทารกน่ะหรือ!” นางเริ่มเยาะเย้ยบรรดาเทพมังกรแห่งเทวโลกชั้นฟ้า โบยบินไปในท้องนภาวาดวิทยายุทธ์ปะทะกับพวกเขา แล้วจึงกลับร่างเดิมของนาง สะบัดมือฟาดเวทสีดำในร่างครึ่งงู หางสีนิลซึ่งเต็มไปด้วยเกล็ดอันแหลมคมราวคมกระบี่อาบยาพิษ ใส่เทพชั้นผู้น้อยทั้งหลายจนกระเด็นไปสุดลูกตา นางต่อสู้ด้วยการออมมือ ไม่ได้อยากจะรู้แพ้รู้ชนะ แต่มาเพื่อก่อกวน เผาผลาญให้สาแก่ใจนาง ทว่าเรือนเทพฮ่าวหรานยามนี้ไม่ใช่เวลาอันเหมาะสมหากนางเฟยอี๋จะมาเยี่ยมเยียน เทพอาวุโสจากเทวโลกชั้นฟ้า เทพมังกรถึงสาม เป็นคณาญาติห่าง ๆ ของเทพฮ่าวหรานลงมาหารือเรื่องบุตรชายของท่าน ล้วนเป็นมังกรห้าเล็บผู้มีฝีมือ พลังจากตรีเนตรของนางถูกสยบด้วยพลังของมังกร เทพฮ่าวหรานรู้กำลังของนางเฟยอี๋เป็นอย่างดี จำได้ว่านางยังคงบาดเจ็บสาหัสด้วยฝีมือของอาเป้ยในร่างใหม่ ฝ่ามือหนาจึงทุบกำปั้นลงบนพสุธาจนเกิดรอยแยก กริชสีดำที่คาดเอวอยู่ในมือเทพฮ่าวหราน ปักลงบนนั้นก็ปรากฏเป็นท้องนภาสีแดงฉานในนรกภูมิ “กลับไปเสีย! เฟยอี๋!” การส่งปีศาจกลับนรกภูมิเป็นงานถนัดของเทพมังกรฮ่าวหราน แม้ท่านจะถูกขับไล่จากเผ่าพันธุ์ของตนมานั่ง ๆ นอน ๆ เล่นในเรือนเทพแห่งนี้ ท่านยังคงพกพากริชแห่งนรกติดตัวอยู่เสมอ พร้อมรับภาระหน้าที่ส่งปีศาจกลับนรกภูมิได้ทุกเมื่อ ทันทีที่นางเฟยอี๋ถูกผลักลงไปทั้งร่างครึ่งงูในช่องว่างนั้น นางส่งเสียงหัวเราะร่าเริงไม่เปลี่ยน คงจะเผลอลืมไปว่าไม่ได้สร้างศัตรูเอาไว้เพียงหนึ่ง นางมีศัตรูเป็นโขยง! สังหารใครเอาไว้บ้างนางคงจำไม่ได้ “นางปีศาจชั่ว เจ้าฆ่าท่านอาของข้า!” เกือบไป! เทพชั้นผู้น้อยผู้ถือกำเนิดใหม่เกือบได้เป็นผู้กล้าหาญที่สุดในสมรภูมินี้ เมื่อง้างคันศรปล่อยลูกธนูประกายเจิดจ้าออกไปจากมือที่สั่นเทา ด้วยความเคียดแค้น หากมิใช่เป็นเพราะเทพฮ่าวหรานพลันกระโดดลงช่องว่างนั้น ใช้แผ่นหลังของท่านรับธนูแสงปกป้องนางปีศาจผู้ชั่วช้าเอาไว้ “ข้าได้ยินเสียง...” นางเงี่ยหูฟัง ขณะหลับตาลงพิจารณาสถานการณ์ในอีกภพภูมิหนึ่ง ขมวดคิ้วเข้าหากันจนเกิดเป็นปมตรงหว่างกลางหน้าผาก ค่อยเบิกตามองสามี เปลวเพลิงในดวงตาสีรุธิระเหมือนกับหน้าผากของนางซึ่งปลิวไสวราวแสงเทียน “เดี๋ยวหัวเราะ เดี๋ยวร้องไห้ ท่านแม่ของท่านน่าจะเสียสติไปแล้วจริง ๆ ข้าว่าเราควรไปดูท่านพ่อท่านแม่เสียหน่อย...” “เจ้ายามนี้ใช้ตรีเนตรได้ ควบคุมอารมณ์ได้เป็นอย่างดี เจ้าแข็งแกร่งนักอาเป้ย” ในน้ำเสียงอ่อนโยนของสามี กลับเป็นห่วงนางด้วยกลัวว่าจะมีผู้ไม่ประสงค์ดี มาใช้ประโยชน์กับพลังของนาง จะมีผู้ไม่หวังดีกับนางหรือไม่ ราชาแห่งสวรรค์มีเนตรแห่งการหยั่งรู้คงทราบเรื่องนี้แล้ว และหลังจากที่เทพอู่เฉินส่งสารทางน้ำไป ใต้เท้าจีกง บรรดาเทพแห่งสายน้ำ รวมถึงอาจารย์ของนางเดินทางไปยังเทวโลกชั้นฟ้า เพื่อยืนยันกับเหล่าผู้อาวุโสว่านางเป็นสตรีผู้มีเมตตากรุณา มีสติปัญญาเฉลียวฉลาด นางจะนำมาซึ่งการเปลี่ยนแปลงในทิศทางที่ดี ไม่ใช่ปัญหาของเทวโลกแต่อย่างใด แม้เบื้องลึกในจิตใจของเทพและปีศาจอสูร จะมีความคิดเห็นเป็นอย่างไรในเรื่องนี้ เทพอู่เฉินยังคงไม่ทราบแน่ชัด ท่านเป็นห่วงภริยาอยู่วันยังค่ำ “เจ้าจะทำอะไร จะไปไหนต้องบอกข้าเสมอ รู้ไหม? ภริยาข้า” “ทำไมหรือ ท่านไม่ไว้ใจข้าหรือไง” “ข้าไว้วางใจเจ้า แต่ข้าเป็นกังวลหลาย ๆ อย่างประสาสามีที่เป็นห่วงภริยา” คนพูดเลื่อนมือไปเชยคางขึ้น ตาใสแป๋วสบมองท่านอย่างไม่ได้หวั่นเกรงสิ่งใด “เราจะไปพบท่านพ่อท่านแม่ได้รึยัง” “อืม... ไปหน่อยก็ดี อย่างไรเสียข้าก็จะปกป้องเจ้าด้วยชีวิตของข้า เป่าเป้ยของข้า ไม่มีสิ่งใดทำอันตรายเจ้าได้แม้ปลายเส้นผมของเจ้า ต่อให้เป็นท่านแม่ก็ตาม” “เทพอู่เฉิน...” นางเรียกชื่อของสามีด้วยแววตาหวั่นไหว บนตั่งนั่งสีดำเหนือคลื่นทะเล บรรยากาศเป็นใจให้นางและสามีได้ใช้เวลากันตามลำพัง “ข้าก็จะปกป้องสามีของข้าเช่นเดียวกัน ด้วยการสังหารพวกมันทิ้งเสีย ฮ่า ๆ” นางหัวเราะเมื่อบุรุษเทพตรงหน้านางทำตาโตว่านางจะไปเข่นฆ่าใคร! “ข้าล้อท่านเล่น...” เสียงหัวเราะดังตามเสียงของนาง ก้องกังวานใต้คลื่นลมขยับไหว เทพอู่เฉินกุมมือของนางเอาไว้ด้วยสีหน้ามาดมั่น “เจ้าช่างหยอกล้อเช่นอาเป้ยคนเดิมของข้า แต่เจ้าอย่าได้หัวเราะเหมือนท่านแม่ของข้ามากนัก ข้าตกใจเจ้าทุกที...” เทพอู่เฉินตัดสินใจดีแล้วจึงพาภริยากลับไปยังนทีอันธการ เผชิญหน้ากับมารดาอีกครั้ง มือจับจูงกันไม่ห่างกายเผื่อมีเหตุใดจะได้ช่วยเหลือทัน ขณะสตรีในอาภรณ์สีดำในร่างครึ่งอสรพิษกำลังร้อนใจเมื่อเทพฮ่าวหรานออกตัวรับธนูแสงแทนนาง จนหมดสติร่วงลงมาในนรกภูมิ “เจ้าพวกเทพมังกร! เจ้ามันน่ารังเกียจเหมือนพ่อของเจ้า!” ในน้ำเสียงประกาศศึก ลำแสงสีดำผ่านใบหน้าคมคายไปเพียงนิดเดียวเท่านั้น เพียงครู่เดียวนางก็มีท่าทีลนลาน “แม่ไม่ได้ตั้งใจ... ลูกแม่... อู่เฉิน เจ้าเจ็บหรือไม่?” “ท่านแม่... ข้าว่าท่านมีอาการเหมือนอาเป้ยทีเดียว” ใบหน้าซีดเผือดของมารดาในยามนี้ ออกอาการตื่นตระหนกกว่าที่เคยเป็น ปกติจะเห็นท่านส่งเสียงหัวเราะอยู่เป็นประจำ เมื่อก้มหน้าลงมองบนตั่งสีดำสนิท นางเฟยอี๋คงเนรมิตมาได้อีกหนึ่ง หลังจากที่ถูกบุตรชายขโมยไปใช้หนึ่ง บุรุษเทพในอาภรณ์สีขาวเปื้อนโลหิตคว่ำหน้านอนใบหน้าซีดเซียว ลมหายใจแผ่วเบา ผ้าห่มผืนใหญ่สีดำคลุมกายช่วงล่างไว้ให้คลายหนาวจากเวหาเยียบเย็น นั่นทำให้บุตรชายเกิดสงสัย “ท่านพ่อบาดเจ็บได้อย่างไร? ท่านไม่มีศัตรู เวทเซียนของท่านไม่เป็นรองเทพมังกรบนเทวโลกชั้นฟ้า ผู้อาวุโสฝีมือเก่งฉกาจกว่าท่านยังหาได้ยากนัก” “ลูกธนูปักเข้ากลางแผ่นหลัง ง่ายนิดเดียวสามีข้า ท่านฮ่าวหรานคงจะเอาตัวเข้ารับธนูแทนท่านแม่ของท่านกระมัง” นางพลันหันไปยิ้มให้มารดาสามี ซึ่งก็คงไม่ได้สนใจนาง นั่งลงบนตั่งนั่งข้างเทพมังกรด้วยท่าทางกระวนกระวาย “รีบรักษาพ่อของเจ้าเสียทีสิ ทำอะไรกันอยู่เล่า อู่เฉิน!” ปลายเสียงสั่ง ขณะที่บุตรชายไม่ทันจะได้ลงมือรักษา มือที่จับกุมกันอยู่นั้นกระตุกเบา ๆ เป็นเชิงเตือนให้หยุด แล้วนางจึงพูดกับมารดาอย่างอ่อนน้อม “ท่านแม่... เทพอู่เฉินไม่ใช่ผู้ที่มีพลังด้านการเยียวยา ทั้งข้าและท่านมีพลังหยินเต็มกายยิ่งแล้วใหญ่ ขืนลงมือไป ท่านพ่อจะยิ่งบาดเจ็บหนักกว่าเดิม ข้าและสามีจะไปนำยาในนรกภูมิมาให้ท่าน...” “พวกเจ้าก็รีบไปสิ เร็ว ๆ เข้า! ไปนำสมุนไพรจากทะเลสาบน้ำอุ่น มีสาหร่ายสีเงิน สมานบาดแผลได้ดี มีอะไรก็ไปนำมา มัวแต่ยืนอ้อยอิ่ง จะรอให้ท่านพ่อของเจ้าตายก่อนรึไง” นาน ๆ ครั้งจะได้ยินอะไรเป็นเรื่องเป็นราวจากนางเฟยอี๋ ถึงบุคคลภายนอกไม่เจนจัดเส้นทาง ไม่มีทางนึกออกอย่างแน่นอนว่าสาหร่ายสีเงินนั้นหน้าตาเป็นอย่างไร ที่แห่งไหนคือทะเลสาบน้ำอุ่น เทพอู่เฉินรีบกลายร่างเป็นอสรพิษ คว้าตัวภริยาเอาไว้ในอุ้งมือมังกรเพื่อนำทางไป
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม