บทที่ 7 จิตวิญญาณแห่งป่า

1809 คำ
บทที่ 7 จิตวิญญาณแห่งป่า สีเหลืองอร่ามของรวงข้าวชาวบ้านกำลังเกี่ยวข้าวด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้มนอกจากนี้ยังมีชาวบ้านคนอื่น ๆ เข้ามาดูด้วยความตื่นเต้นการปลูกข้าวประสบความสำเร็จเป็นครั้งแรกกระจายข่าวลือไปทั่วทั้งแคว้นอย่างรวดเร็ว ทุก ๆ วันจะมีคนหลั่งไหลเข้ามาและอีกข่าวลือที่ชิงเหยียนไม่ค่อยยินดีเท่าไหร่คือเรื่องที่เขาเป็นฮองเฮาและเป็นคนสอนการปลูกให้ชาวบ้านตอนนี้ไม่ว่าจะเดินไปทางไหนก็มีแต่คนทักทายอย่างนอบน้อม “ข้าไม่คิดมาก่อนเลยว่าจะได้เห็นภาพนี้” หัวหน้าหมู่บ้านพูดอย่างปลื้มปีติความพยายามตลอดหลายปีของตนศูนย์เปล่าแต่หลังจากนั้นอีกหลายปีก็สามารถทำมันสำเร็จตนไม่รู้จะขอบคุณด้วยคำไหนมันดีใจจนไม่รู้ว่าจะพูดอะไรออกมาดี “โธ่ท่านลุง อย่ามาร้องไห้ต่อหน้าฮองเฮาสิขอรับ” ฟูหลานร่างล่ำสันแซวด้วยรอยยิ้มตอนนี้เดินไปทางไหนก็เห็นแต่รอยยิ้มของผู้คน ชิงเหยียนหัวเราะเบา ๆ “เป็นเพราะความพยายามของทุกคนต่างหาก หลังจากนี้ลุงเฟยคงทำงานหนักแล้ว” เมื่อหมู่บ้านนี้ปลูกข้าวได้มีหลักฐานเป็นไร่ความสนใจก็พุ่งเข้ามาลุงเฟยคงต้องคอยสอนวิธีการปลูกข้าวและดูแลพืชผักอื่น ๆ ชิงเหยียนเขียนมันไว้แล้วแต่ปัญหาอยู่ที่การอ่านเขียนไม่มีชาวบ้านคนไหนอ่านเขียนได้เลย หลังจากเรื่องปากท้องเรื่องต่อไปที่เขาจะแก้คือเรื่องการศึกษา หลังจากจบเรื่องหมู่บ้านชิงเหยียนก็มานั่งคิดอีกว่าจะทำเรื่องอะไรต่อดีถ้าต้องการให้แคว้นพัฒนาเรื่องปากท้องชาวบ้านสำคัญที่สุดเรื่องต่อมาคงต้องเป็นการสร้างรายได้แม้ว่าการปลูกข้าวและปลูกผักจะสร้างรายได้ให้ชาวบ้านแต่มันก็ยังไม่มากพอ ภายในห้องทำงานใบหน้างดงามกำลังขบคิดส่วนวิญญาณโปร่งแสงก็ยืนอยู่ข้าง ๆ คอยมองอีกคนทำงานอย่างตั้งใจตลอดหลายเดือนที่แต่งเข้ามาชิงเหยียนพัฒนาหลาย ๆ อย่างด้วยตัวคนเดียวไม่มีเวลาพักผ่อนถ้านางกำนัลคนสนิทไม่เข้ามาทักเจ้าตัวก็จะไม่นอน “แคว้นเรามีแต่ป่า คงต้องเข้าไปดูบางทีอาจจะมีอะไรที่สร้างรายได้ให้ชาวบ้านก็ได้” พื้นที่แคว้นหยางเกือบครึ่งเป็นป่าและภูเขายิ่งป่าเยอะสัตว์อสูรยิ่งเยอะ ครั้งนี้ชิงเหยียนตัดสินใจเข้าไปในป่าคนเดียวไม่ได้พาอาหนิงไปด้วยถ้าเกิดอันตรายเขามั่นใจว่าตัวคนเดียวหนีง่ายกว่า ป่าเขียวขจีชิงเหยียนเดินเข้ามาอย่างไม่เร่งรีบระหว่างทางก็มองหาของป่าไปด้วยป่าชั้นนอกค่อนข้างโล่งแสงแดดส่องถึงพื้นมีรอยทางเดินของชาวบ้าน หลังจากเดินมาเกือบครึ่งชั่วยามป่าก็เริ่มมืดต้นไม้แน่นเสียงสัตว์ดังมาจากไกล ๆ ชิงเหยียนเดินอย่างระมัดระวังเมื่อเข้าสู่ป่าชั้นในก็เจอของป่าอุดมสมบูรณ์ไม่มีรอยเก็บมีเพียงรอยฟันของพวกกระรอก เดินมาเรื่อย ๆ ก็เห็นถ้ำพืชสมุนไพรหายากเกิดเต็มพื้นที่ “น่าจะเอาไปทำยาได้” ชิงเหยียนเด็ดสมุนไพรหลาย ๆ ชนิดเข้ากระเป๋ามิติของตัวเอง กระเป๋านี้เขาสร้างมันได้เมื่ออาทิตย์ที่แล้วเวลาใช้งานแค่แตะที่สิ่งที่ต้องการเก็บเวลาเอาออกแค่นึกถึงสิ่งที่ต้องการ มันมีขนาดกว้างประมาณ 3 เมตรแต่เขาไม่รู้ว่ามันเก็บสิ่งมีชีวิตได้ไหมเพราะเขาไม่เคยลองเลย “เจ้ามนุษย์! เจ้ากำลังขโมยของ ของเรานะ!!” เสียงแหลมดังขึ้นทำให้ชิงเหยียนสะดุ้งอย่างตกใจก่อนจะมองรอบ ๆ หาต้นตอก่อนจะเห็นคนที่พูด รูปร่างเหมือนมนุษย์แต่มีปีกเหมืองแมลงปอตัวเล็กเพียงเข่า “เจ้าเป็นตัวอะไรน่ะ” ชิงเหยียนมองอย่างสงสัยนี่มันเผ่าพันธุ์สุดแฟนตาซีที่ใฝ่ฝัน ดวงตางดงามเป็นประกายอย่างตื่นเต้น “เราคือจิตวิญญาณผู้คุ้มครองป่านี้” ร่างเล็กผู้มีผมยาวสีเขียวและชุดสีเขียวกอดอกเชิดหน้าอย่างเย่อหยิ่ง ในป่านี้ไม่มีใครมีอำนาจสูงสุดเท่านางอีกแล้ว สาเหตุที่ป่านี้อุดมสมบูรณ์กว่าที่ไหน ๆ เพราะถูกปกป้องโดยจิตวิญญาณ “เราชิงเหยียน เจ้าชื่ออะไร” ชิงเหยียนรู้สึกเอ็นดูกับท่าทีหยิ่งแบบนั้น ตอนแรกเขาคิดว่าอีกฝ่ายเป็นเผ่าพันธุ์อื่นแท้จริงแล้วเป็นจิตวิญญาณ “ข้าไม่มีชื่อหรอก ข้าเกิดมานานแล้ว” ไม่รู้ว่านานเท่าไหร่ที่ตนเอาแต่วนเวียนอยู่ในป่านี้แม้ก่อนหน้านี้จะบินไปคุยเล่นกับมนุษย์ที่เข้ามาเก็บของป่าแต่ไม่มีใครมองเห็นหรือได้ยินนางสุดท้ายเลยอยู่อย่างโดดเดี่ยวปลูกสมุนไพรไปเล่นกับลูกอสูรแก้เบื่อ “เจ้าอยากเป็นสหายกับเราไหม” ชิงเหยียนเข้าใจดีว่าการอยู่คนเดียวมันรู้สึกโดดเดี่ยวแค่ไหน คุยกับใครไม่ได้ปรึกษาใครไม่ได้ ได้แต่เก็บทุกอย่างไว้ในใจ “จริงเหรอ เราเป็นสหายกันแล้วนะ! สหายบอกเรามาเถอะว่าเจ้าต้องการหาอะไรในป่าของเรา เรารู้ทุกซอกทุกมุมจะพาเจ้าไปเอง” ร่างเล็กบินมานั่งบนบ่าของชิงเหยียนพูดอย่างอารมณ์ดี “เราเข้ามาสำรวจกำลังคิดจะหารายได้ให้ชาวบ้านทำให้แคว้นนี้กลับมารุ่งเรือง” ต้องการจุดเด่นที่ทำให้เกิดการแลกเปลี่ยนเงินตราหมุนเวียนทั้งในเมืองและแคว้นใกล้เคียง “เอ๋ จะมีของแบบนั้นในป่าของเราเหรอ” ชิงเหยียนกำลังใช้ความคิดสมุนไพรก็นับเป็นสินค้าชั้นดีแต่มันสามารถหมดไปได้ถ้าเอาไปปลูกข้างนอกเกรงว่ามันจะตายซะมากกว่าดินที่นี่ดูอุดมสมบูรณ์มาก “นั่นสิ เรากำลังคิดคงต้องเดินดูรอบ ๆ ก่อน เราเรียกเจ้าว่าลี่จือได้ไหม” “ได้สิ” เมื่อพูดจบแสงสว่างก็วาบขึ้นท่ามกลางความมึนงงของชิงเหยียน แสงค่อย ๆ หายไปเหมือนเมื่อกี้ไม่มีอะไรเกิดขึ้น ชิงเหยียนทำหน้างงกว่าเดิมลี่จือจิตวิญญาณแห่งป่าจึงได้เอ่ยขึ้น “ตอนนี้เราทำสัญญากันแล้วนะ เราคือส่วนหนึ่งของเจ้าแล้ว” ลี่จือพูดด้วยน้ำเสียงร่าเริงเท่านี้ตนก็สามารถออกจากเขตป่าได้แล้วก่อนหน้านี้แม้ว่าจะพยายามออกไปข้างนอกกี่ครั้งก็ล้มเหลว “แบบนี้ไม่เป็นอะไรแน่นะ” ชิงเหยียนถามด้วยสีหน้ากังวล “ไม่หรอกสบายมากมาเถอะเราจะพาไปดูป่าของเรา” ใบไม้สั่นไหวตามแรงลมชิงเหยียนและลี่จือเดินสำรวจป่าชั้นกลาง ชั้นนี้อุดมสมบูรณ์เต็มไปด้วยสัตว์อสูรระดับต่ำโชคดีที่พวกมันรักสงบไม่โจมตีชิงเหยียนไม่เช่นนั้นมันคงทิ้งชีวิตตัวเอง นอกจากสัตว์อสูรผักผลไม้ สมุนไพรก็เกิดเต็มพื้นที่ ชิงเหยียนเก็บบางส่วนเข้ามิติรู้สึกเสียดายถ้าปล่อยทิ้งไว้ เมื่อเข้าสู่ป่าชั้นในบรรยากาศก็เงียบสนิทไม่มีเสียงสัตว์แสงแดดส่องลงมาไม่ถึงพื้นทำให้ชิงเหยียนสร้างลูกไฟต่ำ ๆ ไว้ด้วย แดดส่องถึงแค่ช่วงกลางต้นไม้แม้จะไม่มืดสนิทแต่ก็มองไม่เห็นพื้น ไม่แปลกใจที่มันอันตรายจนไม่มีใครกล้ามา “ทางนี้ เราจะพาเจ้าไปน้ำตก” ชิงเหยียนเดินตามเสียงเรียกของลี่จือ เสียงน้ำกระเซ็นดังเบา ๆ ก่อนจะเพิ่มความดังเมื่อเดินมาใกล้ น้ำตกขนาดใหญ่สูงขึ้นไปน้ำเป็นสีเขียวมรกตสวยงามแปลกตา ชิงเหยียนสัมผัสได้ถึงพลังเวทที่ไหลเวียนอยู่บริเวณนี้ “ที่นี่คือ..” “นี่น่ะ เป็นน้ำตกที่เราสร้างเองเลยนะ เราใช้พลังเกือบหมดเพื่อมันเลย เจ้าลองไปแช่สิ” ชิงเหยียนเดินไปนั่งข้าง ๆ ลำธารก่อนจะใช้สองมืออุ้มน้ำขึ้นมาดื่ม ดวงตาสวยเบิกกว้างเมื่อรับรู้ถึงพลังเวทที่เพิ่มขึ้นสร้างความแปลกประหลาด น้ำสีมรกตมองเห็นปลาหลากสีกำลังแหวกว่ายอยู่นอกจากนี้ยังมีอะไรบางอย่างใต้น้ำ “นี่มัน...” ลักษณะกลมใสสีฟ้าแข็งเหมือนหินสัมผัสได้ถึงพลังข้างในคงจะเหมาะกับฝึกฝน “นั่นเหมือนมันจะเกิดขึ้นเองน่ะ เราไม่ได้สร้าง เราสร้างแค่อันใหญ่ที่สุดไว้ในน้ำตกหลังจากนั้นเจ้าก้อนแบบนี้ก็เกิดขึ้นเยอะแยะเลย” ลี่จืออธิบายส่วนชิงเหยียนก็ตาเป็นประกายบางทีไอ้เจ้านี่อาจจะดึงดูดจอมเวทคนอื่น ในโลกนี้นอกจากชิงเหยียนคนอื่นเองก็มีพลังเวทแบ่งเป็นจอมเวทเน้นเวทและจอมเวทเน้นเสริมพลัง ชื่อก็บ่งบอกว่าจอมเวทใช้เวทต่าง ๆ ส่วนจอมเวทเสริมพลังเน้นใช้กำลังอาวุธส่วนมากจะเป็นดาบขนาดใหญ่ ถ้าในแคว้นใหญ่จะมีมากมายแต่เพราะแคว้นหยางได้ชื่อว่าแคว้นที่จะล่มสลายเลยมีจอมเวทไม่มากนัก “มีประโยชน์มากเลย เจ้านี่คงจะดึงดูดคนอื่น ๆ ได้ คงต้องมาเก็บมันบ่อย ๆ ” “เอ๋ ทำไมไม่เก็บมันไว้กับตัวเองเลยล่ะ” ชิงเหยียนชะงักน้ำตกใหญ่ขนาดนี้เขาไม่คิดว่าจะเก็บมันใส่กระเป๋าได้ “ไม่ไหวหรอก กระเป๋ามิติคงใส่ของใหญ่ขนาดนี้ไม่ได้” “ไม่ต้องห่วง! เดี๋ยวเราสร้างมิติส่วนตัวให้เรื่องแค่นี้สบายมาก” ลี่จือเชิดหน้าด้วยท่าทีอวดเก่งชิงเหยียนแทบไม่อยากเชื่อหูตัวเองแม้จะรู้ว่าอีกคนเป็นจิตวิญญาณแห่งป่าแต่ไม่คิดว่าจะทำอะไรได้เยอะขนาดนี้ “มองด้วยสายตาแบบนั้นหมายความว่ายังไง” “เปล่า ๆ แค่รู้สึกว่าเจ้าเก่งมากเลย” จากใบหน้าบึ้งบูดเปลี่ยนเป็นยิ้มเมื่อได้รับคำชม เธออยู่มาหลายพันปีตลอดระยะเวลาที่ว่างก็สร้างนั่นนี่ไปเรื่อยแม้แต่มิติเธอก็สร้างเล่น ๆ พอเบื่อเธอก็ทิ้งมันไปทำอย่างอื่นต่อ “มิตินี้เราสร้างไว้นานแล้วน่าจะเมื่อร้อยกว่าปีก่อนเอาละจับมือเราไว้เราจะพาเข้าไปดู” ชิงเหยียนพยักหน้าก่อนที่ภาพตรงหน้าจะเปลี่ยนไป เขาหลับตาอย่างมึนงงเมื่อรู้สึกว่าทุกอย่างนิ่งแล้วก็ค่อย ๆ ลืมตาอีกครั้ง ภาพตรงหน้าทำให้เขาเบิกตากว้างอย่างไม่เชื่อสายตา “พระเจ้า!” ------------------ น้องมีความสโลไลฟ์ อ่านเพลิน ๆ นะคะ
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม