จ่อขมับกลางร้านไอศกรีม

1764 คำ
"เดี๋ยว!" เพราะความรู้สึกขุ่นใจจึงทำให้โทโมะกระชากต้นแขนเล็กของหญิงสาวไปในทางที่ค่อนข้างจะรุนแรง และใช่แล้ว...ภาพลักษณ์ที่หล่อเหลาและเพียบพร้อมไปด้วยความดีงามที่ใครๆ ได้เห็นนั้น แท้จริงแล้วมันก็เป็นแค่เพียงหน้ากากปลอมๆ ที่เขาสร้างมันขึ้นมาเพื่อที่จะหลอกล่อเหล่าผู้หญิงที่รักในคำว่า 'เงิน' ไปบังคับใช้ในธุรกิจสีเทาของตัวเอง 'โทโมะ วัชระ สินทรภักดี' เป็นลูกชายของคนรองของ 'นายวศิน และ นางวันดี สินทรภักดี' โทโมะมีพี่ชายหนึ่งคนชื่อว่า 'เจคอป วัชรินทร์ สิทรภักดี' ครอบครัวของโทโมะมีธุรกิจซุปเปอร์มาร์เกตขนาดย่อมที่มีสาขาทั่วประเทศไทยเป็นฉากบังหน้า แต่แท้จริงแล้ว ตระกูลสินทรภักดีนั้นได้ทำธุรกิจผิดกฎหมายอย่างการค้าประเวณีข้ามประเทศโดยอาศัยความภูมิฐานและฐานะที่ดีของตัวเองในการล่อหลอกหญิงสาวผู้เคราะห์ร้ายให้เสนอตัวเข้าหาก่อนจะทำการขายตัวผู้หญิงที่น่าสงสารเหล่านั้นให้กับแก๊งยากูซ่าทรงอิทธิพลในเขตบริหารพิเศษมาเก๊าแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน แน่นอนว่าผลตอบแทนจากการกระทำอันต่ำทรามนี้ได้ให้ผลตอบแทนเป็นเงินก้อนงาม จึงทำให้ลูกหลานของตระกูลสุนทรภักดียังเลือกที่ส่งต่อธุรกิจอันเลวทรามนี้กันต่อมา จนกระทั่งตกทอดมาจนถึงรุ่นลูกชายทั้งสองคนของวศินอย่างวัชรินทร์และวัชระ "อย่ามาทำแบบนี้กับมาวินนะ ไม่อย่างนั้นพี่จะมาหาว่ามาวินนิสัยไม่ดีไม่ได้นะคะ" ฉันสลัดมือใหญ่ที่ฉกฉวยโอกาสมาคว้าต้นแขนของฉันให้ออกไปด้วยรู้สึกความโมโหอย่างที่ฉันไม่เคยเป็นมาก่อน "กูว่ามึงนั่งลงดีกว่านะอีหนู ตัวมึงก็แค่นี้แล้วมึงคิดเหรอว่าอย่างมึงมันจะมาทำอะไรกูได้!" สติสัมปชัญญะอันน้อยนิดของโทโมะได้ขาดผึงไปในทันทีที่เห็นว่าผู้หญิงร่างเล็กตรงหน้ากล้าทีาจะยกนิ้วมือขึ้นมาชี้หน้าของเขา "ก็มึงจะลองดูไหมละไอ้อุบาทว์" ฉันยกสองแขนขึ้นมาตั้งการ์ดรออย่างไม่นึกเกรงกลัวอะไรทั้งนั้น "กูจะบอกมึงให้เอาบุญว่ามึงรู้จักกูน้อยไป" "จุ๊ๆ มึงต่างหากที่รู้จักกูน้อยไป" ไอ้โทโมะคยชั่วมันย่างขาเข้ามาหาคนฉันพร้อมด้วยสีหน้าที่ไม่ต้องบอกก็รู้ว่ามันกำลังโมโหฉันมากแค่ไหน ก่อนที่นาทีตอนมามันจะยกนิ้วเน่าๆ ของมันขึ้นมาเพื่อหวังให้ฉันยอมที่จะสงบปากสงบคำแต่โดยดี เพราะว่าในตอนนี้คนทั้งร้านไอศกรีมเริ่มจะหันมามองพวกฉันกับมันสองคนแล้ว ปั๊ก ปั๊ก! เพราะการกระทำมันมักจะไวกว่าความคิดเสมอ ภายในวินาทีต่อมาฉันก็กระโดดเตะตัดขาร่างใหญ่นั้นจนไอ้ห่าโทโมะล้มหงายตึงไป โดยที่ไม่ลืมที่จะเตะเสยปลายคางของมันซ้ำเข้าไปอีกครั้งเป็นของหวานตบท้าย "จุ๊พ่อจุ๊แม่มึงสิไอ้อุบาทว์ กล้าดียังไงมาบีบแขนกูจนเป็นรอย! พ่อแม่ปู่ย่าตาทวดของกูยังไม่เคยทำกูแบบนี้เลย แล้วมึงเป็นใครไอ้ห่า!" "กรี๊ด" ในตอนนี้คนในร้านไอศกรีมต่างก็พากันวิ่งหนีตายกันอุตลุตเพราะไอ้ห่าโทโมะนั้นมันกำลังล้วงปืนออกมาจ่อขมับของฉันที่ใจกล้าบ้าบิ่นไปเตะเสยเบ้าหน้ามันเมื่อก่อนหน้านี้ แต่คนอย่างน้องมาวินที่เป็นถึงทายาทนักมวยแถมด้วยทายาทชมรมนักแม่นปืนแห่งประเทศไทยซะอย่าง มีรึที่จะกลัวไอ้ปืนกระจอกงอกงอกง่อยที่ไอ้คนเลวมันกำลังจี้ลงมาตรงหัวของฉันในตอนนี้! "ยังปากดีอยู่อีกไหมมึง" ฉันแสยะยิ้มให้กับคนที่กำลังใช้หลังมือขึ้นมาเช็ดเลือดที่มุมปากของตัวเองอย่างนึกสงสารในชะตากรรมของมันหลังจากนาทีนี้เป็นต้นไป ปั๊ก ขวับ ฉันยกปลายเท้าขึ้นกระโดดเตะแขนเน่าๆ นั้นจนปืนดำเมื่อมในมือของมันลอยละลิ่วขึ้นสู่ชั้นบรรยากาศ ก่อนจะทำการดีดตัวขึ้นไปและคว้าปืนกระบอกนั้นมาถือเอาไว้ในมือของตัวเอง แกร๊ก! "กูบอกมึงแล้วว่ามึงรู้จักกูน้อยไป ไสหัวมึงออกไปซะก่อนที่กูจะเป่าหัวมึงให้ลงไปนอนกองซะตั้งแต่ตอนนี้" "ฝากไว้ก่อนเถอะมึง" ดูจากสภาพแล้วไอ้ห่านี่มันคงจะไม่พานพบผู้หญิงคนไหนที่ใช้ปืนเป็นมาก่อนสินะ ถึงได้รีบล่าถอยออกไปแต่โดยดีซำยังฝากฝังคำขู่เอาไว้ให้ฉันอีกต่างหาก กลัวตายแหละไอ้เวร! "รีบมาเอาคืนนะไอ้หน้าหอยชักตีน" ฉันกระแทกปืนกระบอกเดิมลงบนโต๊ะในร้านไอศกรีมเพื่อระบายอารมณ์ ก่อนจะตัดสินใจทิ้งมันเอาไว้อย่างนั้นและรีบเดินออกมาจากร้านไอศกรีมที่ตอนนี้เหล่าลูกค้าภายในร้านได้วิ่งหนีหายกันไปหมดแล้ว จะเหลือแค่ฉันคนนึง คุณตาของฉันเป็นถึงนักแม่นปืนแห่งสมาคมภาคใต้ และเพราะชีวิตที่เติบโตมากับปืนจึงไม่แปลกใช่ไหมที่ฉันจะรู้จักวิธีการใช้ปืนเป็นอย่างดี และถึงแม้ตอนนี้คุณตาของฉันท่านจะวางมือจากการยิงปืนแล้วก็เถอนะ แต่แน่นอนว่าความเก่งกาจในข้อนั้นมันได้ถ่ายทอดทางสายเลือดมาสู่ฉันอย่างสมบูรณ์แบบโดยไม่ต้องสงสัย ในขณะที่คุณยายของฉันของนั้นมีธุรกิจเสริมอีกทางหนึ่งซึ่งก็คือเปิดค่ายมวยเล็กๆ ในตัวอำเภอ ก็คงไม่แปลกอะไรใช่ไหมที่ฉันจะชำนิชำนาญในการใช้วิชาแม่ไม้มวยไทย ฉันมีน้องชายอยู่คนนึง เขาชื่อกันต์ธี ซึ่งแน่นอนว่าในตอนนี้กันต์ธีนั้นกำลังเป็นดาวดวงใหม่ที่คุณยายและคุณแม่ของฉันช่วยกันปั้นแต่งให้มีอนาคตที่สดใสเหมือนนักมวยในดวงใจของยายอย่าง 'พี่รถถัง จิตต์เมืองนนท์' "ซวยฉิบหายที่ชีวิตต้องโคจรมาเจอกับไอ้หน้าหอยชักตีนเปรตนั่น" ฉันเตะถังขยะหน้าห้างดังอย่างระบายอารมณ์ขณะที่กำลังนั่งรอแกร๊ปที่พึ่งทำการเรียกไปเมื่อก่อนหน้านี้มารับฉันที่จุดนัดพบ หมับ! "เฮ้ย!" ฉันปัดมือปริศนาที่เข้ามาจับแขนตัวเองอย่างแรงด้วยความตกใจก่อนจะพบว่า "อ้าว...พี่คี" และเมื่อเห็นว่าเป็นใครก็เบาใจลงไปหน่อยนึง ยอมให้ผู้ชายปากหมาคนนี้ที่ยืนอยู่ตรงนี้ก็ยังดีซะกว่าเป็นไอ้ผู้ชายทรงน้ำนิ่งไหลลึกคนนั้น "บังเอิญมาเจอได้ไงไม่รู้ ซวยแย่เลยวะวันนี้" นั่นไง! สันดานผีเปรตเจาะปากมาพูดนี่มันเปลี่ยนกันไม่ได้จริงๆ สินะทุกคน "หนูต่างหากที่ต้องเป็นคนพูดคำนั้นไม่ใช่พี่" ฉันว่าอย่างไม่จริงจังนักเพราะคุ้นชินกับคำพูดของพี่เขาละ "เดี๋ยวนะ!" ฉันถือวิสาสะยกสองมือไปจับหน้าของคนหล่อแต่ปากปีจอนั้นเบาๆ เพราะกลัวว่าเขาจะเจ็บ "ละพี่ไปทำบ้าอะไรมาทำไมเบ้าตามันถึงได้เขียวช้ำเอาซะขนาดนั้น" ยอมรับว่าตอนแรกฉันก็รู้สึกสงสัยอยู่ว่าทำไมพี่เแกถึงเลือกที่จะยืนเอียงข้างมาหาฉัน เหตุผลก็คือเพราะเบ้าตาอีกข้างของพี่แกมันทั้งเขียวทั้งช้ำนี่เองสินะ ฮ่าๆๆ "เสือกเรื่องของคนอื่นน่ามาวิน ถามจริงเถอะนอกจากเสือกเรื่องชาวบ้านแล้วเธอยังทำอะไรเป็นอยู่อีกบ้างไหมชีวิตนี้" หมับ! "นั่งลงนี่" ฉันเมินในสิ่งที่เขาพูดออกมาก่อนหน้า ก่อนจะล้วงมือลงในกระเป๋าเพื่อควานหาผ้าเย็นผืนเล็กในกระเป๋าที่พึ่งซื้อมาเมื่อก่อนหน้านี้เพื่อประคบรอยแดงๆ ที่แขนตัวเอง "แล้วแขนไปโดนอะไรมา" พี่คีตะใช้นิ้วชี้ยาวๆ ของแกเขี่ยต้นแขนที่เป็นรอยแดงของฉันแบบผ่านๆ เสมือนว่าฉันนั้นเป็นเหมือนตัวเชื้อโรคยังไงยังงั้นแหละ "เสือก!" ได้ทีฉันก็จัดคืนคำพูดเจ็บแสบกลับไปให้เขาบ้าง ฮ่าๆ "โอ๊ย! เจ็บนะเป็นผู้หญิงแท้รึเปล่าวะมือหนักฉิบหาย บัดซบ!" ในตอนนี้ฉันกำลังใช้ผ้าเย็นประคบขอบตาของพี่คีตะเบาๆ ย้ำนะว่าเบาๆ แต่พี่เขาคงจะมีต่อมความอดทนน้อยกว่าคนปกติทั่วไป "นั่งนิ่งๆ" ฉันถลึงตาใส่เขาที่เอาแต่นั่งยุกไปยิกมาไม่ได้ประคบรอยช้ำได้ดีๆ สักที "ก็ไม่ได้ขอปะ เสนอหน้ามาเอง โอ๊ย!" เพราะความหมั่นไส้ในคำพูดหยาบคายนั้นของเขาฉันจึงกดผ้าเย็นในมือลงบนเบ้าตาช้ำๆ นั้นซะจนสุดแรง "เจ็บนะ! ยัยเด็กบ้า" เขาตวัดหางตาใส่ฉันอย่างเคืองๆ แต่ใครสนละเขาปากเสียเองนะ! "ใครใช้ให้ปากเสียไม่ยอมเลิกเองละ นี่ๆ" ฉันกดผ้าเย็นลงไปบนหน้าหล่อของเขาอีกครั้งจนเขาหน้าเบี้ยงเหยเกเพราะความเจ็บ "สมน้ำหน้า" "ไปละ" ฉันยัดผ้าเย็นลงไปในมือเขาเพราะตอนนี้แกร็ปที่ฉันเรียกได้มาจอดรอฉันอยู่แล้ว "สมองของเธอมันยังดีอยู่หรือเปล่ามาวิน! นี่มันจะสามทุ่มอยู่แล้วนะยังจะมีกะจิตกะใจนั่งแกร็ปอยู่ได้! ละไอ้คนขับแม่งก็ยังเสือกเป็นผู้ชายอีกต่างหาก ขอร้องเถอะวะ! ช่วยโง่ให้มันน้อยๆ ลงกว่านี้หน่อยจะได้ไหมวะ! กินปลาบ้างหรือเปล่าหรือกินแต่หมูจนไขมันมันไปรวมกันจนแทนสมองไปแล้ว! ถ้ายังมีขามีตาก็เดินตามฉันมานี่! แล้วก็ช่วยเดินให้มันดีๆ ละอย่าเที่ยวไปเอาหัวลงไปล้มคว่ำคะมำ เดี๋ยวมันจะตายก่อนวัยอันควรเอา" พอมาคิดๆ ดูอีกที อันที่จริงฉันน่าจะหยิบไอ้ปืนกระบอกนั้นติดมือมาด้วยนะ ทุกคนว่าไหมคะ? ปากแซ่บกว่าพริกร้อยเม็ดต้องยกให้เขาคนนี้เลยค่ะ ฮ่าๆๆ
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม