วิลาสินี แมนชั่น
ช่วงเกือบสองสัปดาห์ที่ผ่านมานี้ฉันก็ได้นั่งๆ นอนๆ อยู่แต่กับห้องพักเพราะว่าเดินทางมาถึงช่วงปิดเทอมแล้วนั่นเอง ปฏิเสธไม่ได้เลยจริงๆ ว่ามันมันช่างเป็นช่วงเวลาที่แสนจะน่าเบื่อสำหรับคนไม่มีอันจะกินแบบฉัน เพราะเหตุผลที่ว่าไม่มีปัญญาพาตัวเองไปเที่ยวพักผ่อนเหมือนชาวบ้านชาวช่องเขา
ส่วนแม่นางแพรไหมคนงามนั้น พ่อกับแม่มันพาลูกสาวหัวแก้วหัวแหวนบินไปเที่ยวฮ่องกงกันตั้งแต่วันแรกที่ปิดเทอมแล้วจ้า คนมีกะตังค์นี่มันช่างดีเหลือเกิน~
ติ๊งต่อง
แต่มันก็ยังดีอยู่ตรงที่ว่าในช่วงเวลาอาหารทั้งสามมื้อนั้นจะมีพี่พนักงานจากร้านของคุณยายที่เอาข้าวมาส่งให้ฉันอย่างตรงเวลาและสม่ำเสมอ จนฉันกล้าที่จะพูดได้อย่างเต็มปากเลยว่าในส่วนของเรื่องปากท้องนั้นฉันไม่เคยเลยที่จะต้องลำบาก เรียกได้ว่าอุดมสมบูรณ์กันสุดๆ ไปเลย ฮ่าๆๆ
"อ้าว... พี่โทโมะ สวัสดีค่ะ" ยอมรับว่าฉันรู้สึกแปลกใจปะปนกับตกใจอยู่ไม่น้อน ที่พอเปิดประตูออกไปแล้วเจอผู้ชายมาหาถึงหน้าห้องพัก แม้จะเป็นคนที่รู้จักและคุ้นเคยกันกับฉันเป็นอย่างดีก็ตามทีเถอะนะ...
"ไปเที่ยวหน่อยไหม" พี่แกหลิ่วตาประหนึ่งว่าตั่งใจจะเก๊กหล่อให้ฉันได้เห็น ก่อนจะฉีกยิ้มกว้างจนเห็นฟันขาวๆ เกือบจะครบทั้งสามสิบสองซี่กันเลยทีเดียว
"เที่ยว?" จะว่าไปวงจรชีวิตของคนที่เกิดมาบนกองเงินกองทองอย่างพี่แกนี่มันดูสบายดีเหมือนกันเนอะ คิดจะกินก็ได้กิน คิดจะเที่ยวก็ได้เที่ยว ละนี่เมื่อไหร่คำว่ารวยมันจะเดินทางมาถึงคิวของน้องมาวินบ้างน้า~
"ใช่ครับ ก็พี่เห็นว่าเราหมกตัวอยู่แต่ในห้องทุกวัน ไม่รู้สึกเบื่อบ้างเหรอครับ" โทโมะยกสองมือหนาขึ้นเสยเส้นผมสีเขียวเข้มเพื่อโชว์เบ้าหน้าอันหล่อเหลาประดุจฟ้าประทานของตัวเอง
"พี่รู้ได้ไงอะ" ฉันเริ่มขมวดคิ้วเพราะความสงสัยในความสู่รู้ของพี่เขา ที่รู้ดีมากซะเหมือนกับว่าเป็นจิ้งจกอยู่ข้างส้วมขอบฉันยังไงยังงั้นแหละ
"แพรไหมบอกพี่มา" พี่แกว่าและยื่นมือมาเหมือนว่าจะเคาะหน้าผากฉัน แต่ฉันเบี่ยงตัวหลบทันก่อนที่พี่แกจะได้ทำแบบนั้น
"แล้วที่ได้รู้ว่าพักอยู่ห้องนี้ก็แพรไหมบอกมาเหมือนกัน" ฉันหรี่ตาลฃมองในท่าทีบิดไปม้วนมาของพี่แกที่ดูคล้ายกับว่ากำลังเขินอาย หรือบางทีฉันจะคิดไปเองก็ไม่รู้นะ
"ตกลงไปปะ"
"ไม่มีตังค์อะดิ" ฉันยู่ปากอย่างนึกเสียดาย อีกอย่าง... ไม่อยากรบกวนพ่อแม่ละก็ตากับยายด้วยแหละ ลำพังแค่ค่าเทอมก็แพงหูฉี่เอาซะขนาดนั้นแล้ว อะไรที่พอจะช่วยประหยัดได้ฉันก็อยากที่จะช่วยพวกท่านประหยัด
"ป๋าเลี้ยงเอง" พี่แกว่าก่อนจะตบฝ่ามือใหญ่ๆ ลงบนกระเป๋ากางเกงของตัวเองดังปุๆ ก่อนจะยื่นมือข้างขวาออกมารอตรงหน้าฉัน
"เอาสิ" ไม่ค่อยเห็นแก่ของฟรีเลยแหละดูออก ฮ่าๆ
ฉันก้าวขาออกมาจากห้องในรอบสองสัปดาห์และจัดแจงล็อกประตูห้อง ก่อนจะเดินนำพี่แกออกไปก่อนและปฏิเสธที่จะจับมือพี่แกที่ยื่นมารอเมื่อก่อนหน้านี้
ฝ่ายโทโมะก็ถึงกับรู้สึกเสียหน้าเล็กน้อยที่หญิงสาวนั้นปฏิเสธที่จะจับมือคู่นี้ของเขาที่สาวๆ หลายคนใฝ่ฝันถึง แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ไม่มีทางที่จะยอมสูญเสียโอกาสที่จะเดินหน้าเกี้ยวพาราสีหญิงสาวไปแต่โดยง่ายอย่างแน่นอน ด้วยว่าในตอนนี้เขามีคู่แข่งคนสำคัญอย่าง 'คีตะ' สหายรักของเขาเอง
ห้างสรรพสินค้า Best By Shaun (BBS)
Sweet Ice
ตลอดระยะเวลาสองสัปดาห์มานี้ ยอมรับเลยว่าเป็นอะไรที่ฉันรู้สึกสบายใจเป็นที่สุดที่ไม่มีใครหน้าไหนที่มันจะโทรศัพท์เข้ามาปลุกฉันแต่เช้าเพื่อที่จะบังคับให้ฉันไปทานข้าวด้วย
ว่าแต่ทำไมถึงได้เป็นแบบนั้นนะเหรอ? มันก็เพราะฉันได้ทำการบล็อกทุกช่องทางการติดต่อของไอ้คนๆ นั้นไปแล้วเป็นที่เรียบร้อย ตาแก่คีตะ!
ในตอนนี้ฉันกับพี่โทโมะกำลังทานไอศกรีมอยู่ที่ร้านสวีตไอซ์ ที่เป็นไอศกรีมเจ้าเด็ดเจ้าดังแห่งเมืองนครศรีธรรมราชบ้านเราในตอนนี้
ฉันคาดเดาเอาไปเองว่าบางทีแพรไหมมันอาจจเป็นคนบอกพี่แกว่าฉันชอบกินไอติม
แต่...ถ้าจะให้ฉันพูดแบบเข้าข้างตัวเองหน่อยๆ ก็... ฉันคิดว่าพี่เขากำลังคิดที่จะขายขนมจีบให้ฉันอยู่แน่ๆ เลย ละถ้ามันเป็นอย่างที่ฉันคิดเอาไว้จริงๆ ฉันก็ได้แต่ภาวนาว่าให้พี่เขาเลือกที่จะบอกฉันออกมาตรงๆ และฉันเองก็จะได้ปฏิเสธพี่เขาไปได้อย่างไม่ต้องเสียเวลาอ้อมค้อมเช่นเดียวกัน เหตุผลหลักๆ เลยก็คือเพราะพี่เขาไม่ใช่ผู้ชายที่ตรงกับสเปคในใจของฉันนั่นเอง...
แต่สุดท้ายหากพี่เขายังดึงดันและไม่ยอมที่จะไม่ยอมพูดออกมาแบบตรงๆ ฉันก็คงจะเป็นฝ่ายที่จะเอ่ยปฏิเสธด้วยตัวเอง เขาจะได้ไม่ต้องมาว่าทีหลังว่าฉันเคยไปให้ความหวังอะไรเขา
"ชอบไหมครับ" คิดเอาไว้ว่าใช่ ต้องใช่แน่ๆ แค่มองจากสายตาที่พี่แกกำลังส่งมาที่ฉันแล้วนั้นก็พอจะรู้แล้วแหละว่าแกมีความคิดที่จะขายขนมจีบให้ฉันจริงๆ
"พี่มีอะไรก็พูดกับมาวินก็พูดออกมาได้เลยนะคะ?"
"คือ... พี่แค่จะอยากขอโอกาสได้ดูแลน้องมาวิน อยากขอเป็นคนนั้นในหัวใจของน้องมาวินจะได้ไหมครับ"
นั่นปะไรเล่า! เซ้นต์น้องมาวินคนสวยคนนี้มันช่างแรงดีเอาซะจริงๆ
"ขอโทษนะคะ คือ...พอดีมาวินไม่ได้คิดอะไรกับพี่มากกว่าคำว่ารุ่นพี่กับรุ่นน้องเลยค่ะ อีกอย่าง...พี่โทโมะก็ไม่ใช่ผู้ชายในสเปคของหนูด้วยค่ะ " ฉันรีบบอกปฏิเสธอย่างแทบจะไม่ต้องใช้เวลาคิด ก่อนที่เรื่องทุกอย่างมันจะเลยเถิดมากไปกว่านี้
"ขอโอกาสให้พี่หน่อยนะครับ..."
โทโมะที่กำลังรู้สึกเหมือนกับว่าเด็กสาวนั้นกำลังยกไม้หน้าสามขึ้นมาตีหน้าเขากลางสี่แยกไฟแดงก็เริ่มที่จะมีอาการเคืองขุ่นต่อเธอออกมาให้เห็นได้อย่างชัดเจน ด้วยว่านับตั้งแต่เขาเกิดมาจนกระทั่งอายุครบยี่สิบหกปีบริบูรณ์ ก็ยังไม่เคยที่จะมีผู้หญิงคนไหนเอ่ยปากปฏิเสธเขาอย่างไร้เยื่อใยเหมือนกับที่มาวินกำลังกระทำเลยแม้แต่ครั้งเดียว ยิ่งไปกว่านั้น...ผู้หญิงเหล่านั้นก็ล้วนแล้วแต่เป็นฝ่ายที่เข้ามาหาเขาก่อนด้วยซ้ำไป
"ขอโทษที่จริงๆ ที่หนูต้องพูดตรงๆ นะคะ หนูแค่...ไม่ชอบให้ใครมาคิดว่าหนูไปให้ความหวังเขาค่ะ" ฉันย้ำชัดๆ อีกครั้งเพื่อหวังว่าพี่โทโมะแกจะเข้าใจ ก่อนจะทำการคว้ากระเป๋าของตัวเอฃและเดินออกมาจากตรงนั้นในแทบจะทันที
หมับ!
"เดี๋ยว!"
เอาแล้ว มันจะทำอะไรน้อง