“ไม่ได้นะเชอรีน หากเธอโดนพวกเด็กช่างหมายหัวเธอไม่ปลอดภัยแน่” เป็นจริงตามที่เหมยพูดออกมาเพราะของแบบนี้น่ากลัวมาก เด็กช่างใช่ว่าจะดีทุกคน บางคนก็น่ากลัวเกินใจจะรับไหว
“มันจะอะไรกันนักหนา ฉันไม่เคยไปยุ่งวุ่นวายแค่บังเอิญเห็นและเดินผ่าน”
สำหรับเชอรีนเธอยังไม่ได้ทำอะไรเลย เธอไม่ได้หยุดดูการมีเรื่องกันของพวกเขาสักหน่อยแต่ทำไมเธอถึงเป็นคนที่ต้องรับเคราะห์ละ
หรือปีนี้มันเป็นปีซวยของเธอ เธอถึงเคราะห์ซ้ำกรรมซัดแบบนี้ เฮ้อ !
“เพราะเธอเห็นมัน มันเลยไม่ปล่อยเธอไว้”
เห็นก็จริงแต่สภาพนอนพะงาบแบบนั้น เชอรีนยังไม่รู้เลยว่าคือใครและหน้าตาเป็นยังไง
“อันธพาล” ในตอนนี้เชอรีนพูดอะไรไม่ได้อีกแล้วนอกจากคำว่าอันธพาล
ทั้ง ๆ ที่เธอไม่ได้เกี่ยวอะไรกับเรื่องนี้แต่ทว่ายังเอาปัญหามาให้เธอ ใครหลายคนก็เดินผ่านแต่ทำไมคนเหล่านั้นถึงมุ่งเป้ามาที่เธอคนเดียว ?
“ฉันปกป้องเธอได้”
“ฉันด้วย”
สองแฝดพูดออกมาพร้อมกันอย่างไม่มียอม ในเมื่อสร้างเรื่องโกหกมาขนาดนี้แล้วก็ต้องออกปากปกป้องเผื่อว่ายัยเด็กผมเปียคนนี้จะนึกกลัวขึ้นได้บ้าง
การมีเรื่องกับเด็กช่างใช่ว่าจะดี พวกเขาโดนสังคมมองยังไงพวกเขารู้ดีเพราะทุกคนแสดงออกอย่างชัดเจน
อันธพาลที่เธอว่ามันก็จริง คำนี้มันไม่ไกลจากตัวพวกเขาแต่สองแฝดไม่เคยทำใครก่อน ถึงจะมีเปิดก่อนแต่ก็เปิดก่อนเปิดฉพาะตอนพวกมันมาเยือนถึงถิ่น
ในตอนนี้ไหน ๆ ก็เป็นคนไม่ดีในสายตาเธอแล้ว งั้นขอเป็นคนไม่ดีสุด ๆ ไปเลยก็แล้วกัน สร้างเรื่องโกหกมาขนาดนี้ก็คงเดินไปให้สุดจนเธอต้องรอขอความช่วยเหลือ
“ฉันปกป้องตัวเองได้ ไม่ต้องการน้ำใจจากพวกนาย”
แต่ทว่าสองแฝดคิดผิด ออกปากโกหกขนาดนี้แต่ยัยเด็กผมเปียคนนี้ยังคงใจแข็งไม่รู้สึกอะไร ใบหน้าสวยไม่ฉายแววความกลัวออกมาสักนิด ไม่แม้แต่จะรู้สึกอะไร
“เอาจริงพวกฉันเป็นพี่เธอ เธอควรพูดดี ๆ กับพวกฉันนะยัยผมเปีย” เกรทพูดออกไปเพราะตอนนี้ไม่รู้เลยว่าจะหาคำโกหกอะไรออกมาอีก
เรื่องเมื่อกี้น้องชายก็เป็นคนคิดแต่ตอนนี้กลับยืนเงียบไม่พูดอะไร มีเพียงรอยยิ้มที่มุมปากเท่านั้นที่ยกขึ้นราวกับคนที่กำลังคิดอะไรอยู่
“คนที่ฉันไม่อยากเสวนาด้วย ฉันไม่มีทางพูดดี”
“ไปเถอะเหมย” เชอรีนทิ้งท้ายไว้เพียงแค่นี้ก็จับมือเพื่อนสนิทเดินออกมา
ในด้านแฝดพี่ก็ทำอะไรไม่ถูกเพราะไม่เคยเจอคนที่ปฏิเสธตัวเขาแบบนี้ จะว่าไปก็หน้าชาไม่น้อยแต่ใครสนกันเพราะในเมื่ออยากได้ เขาก็ต้องได้
แต่สำหรับแฝดน้องอย่างเกรฟเขามีอะไรมากมายในหัวและรู้ดีด้วยว่าต่อไปควรทำยังไง ในเมื่อเข้าหาดี ๆ แล้วไม่ชอบ เป็นม้าพยศดื้อดึงแบบนี้ก็ดีเหมือนกัน
เพราะยัยผมเปียคนนี้ควรค่าแก่การโดนปราบพยศ !
“ตาย ๆ เชอรีน แบบนี้แกก็แย่น่ะสิ” เหมยพูดออกมาด้วยความร้อนรน เธอเสพติดข่าวพวกเด็กช่างมามากมายเมื่อรู้ว่าอะไรจะเกิดกับเพื่อนของตัวเองก็กลัวจนใจเจ็บ
“ฉันไม่เป็นไรหรอกน่า” ถึงจะพูดแบบนี้ออกไปแต่ใจกระตุกไม่น้อย
เมื่อกี้ตอนคุยกับสองแฝด เชอรีนทำใจดีสู้เสือไปงั้น ความจริงเธอก็แอบมีกลัวเพราะเรื่องเด็กช่างก็ใกล้ตัวเธอและทุกวันนี้ที่สายใยความสัมพันธ์ของเธอกับพี่ชายลดลงจนแทบไม่มีก็เพราะคำว่าเด็กช่าง !
“ฉันว่าเธอเชื่อสองแฝดหน่อยก็ดีนะแต่ใด ๆ คือสองแฝดชอบแกอะเชอรีน”
“โอ๊ย ! พร่ำเพ้อพอกันเลย เอาเป็นว่าฉันไม่เชื่ออะไรสักเรื่องไม่ว่าเรื่องคู่อริของหมอนั่นสองคนหรือแม้แต่เรื่องที่จะจีบ”
ถึงหลากหลายความคิดจะย้อนแย้งในหัวแต่เสียงที่ดังที่สุดในความคิดของเชอรีนคือการต่อต้าน เธอไม่เชื่อและไม่เชื่ออะไรสักอย่างที่เขาพูดออกมา
“เชอรีนแกก็รู้ว่าพวกเด็กช่างน่ากลัว ทางที่ดีแกควรเชื่อไว้บ้าง ฉันพูดเพราะฉันเป็นห่วง”
“ฉันจะเก็บไปคิดแล้วกัน”
“ถึงแกจะเก่งเรื่องการป้องกันตัวแต่หากอีกฝ่ายอาวุธครบมือมันน่ากลัวมากเลยนะ คนพวกนี้หากจะทำมันทำไม่เลือกหน้า ข่าวออกมีถมเทแกไม่กลัวเลยเหรอ”
จะว่ากลัวก็กลัวแต่หากเป็นกลางวันแสก ๆ ใครจะทำอะไรผู้หญิงตัวคนเดียว เชอรีนมั่นใจว่าเธอไม่ได้ไก่กาขนาดนั้นและที่สำคัญเธอแค่บังเอิญเดินผ่าน ไม่ได้ไปทำอะไรที่ไม่ดีสักหน่อย
“แล้วสองแฝดนั่นมันจะต่างอะไรกับเด็กช่างคนอื่น”
ตอนนี้เพื่อนสนิทอย่างเหมยก็ย้อนแย้งพอตัว ปากบอกว่าควรเชื่อสองแฝดอันธพาลนั่นแต่ทว่าความจริงสองแฝดพวกนี้ก็ขึ้นชื่อว่าเด็กช่าง
เด็กช่างมันก็เหมือนกันหมด
ไม่ใช่เหรอ ?
“การที่เขามาเตือนแกแบบนี้มันก็แปลว่าเขาไม่อยากให้แกเป็นอะไร”
จะเชื่อแบบนี้ก็ถูกเพราะพวกเขาอาจจะหวังดีแต่เชอรีนยังไม่เห็นว่าตัวเองทำอะไรไม่ดีลงไป คู่อริของเขาแต่ละคนก็นอนพะงาบอยู่บนถนนจะเอาอะไรมามองเห็นว่าเธอเดินผ่าน เจ็บเจียนจะตายขนาดนั้น ยังต้องพึ่งคุณตำรวจให้พาขึ้นรถไปโรงพยาบาลแล้วแบบนี้จะเอาแรงที่ไหนมาทำเธอ
“แล้วเกี่ยวอะไรกับการมาจีบฉัน” เชอรีนยังคงถามออกไป ตรงเข้ามาบอกว่าจีบแต่สุดท้ายบอกคู่อริเห็นหน้าอยากปกป้อง ไหนความเชื่อมโยง ?
“ฉันไม่ใช่สองแฝดไหม ถ้าอยากรู้ก็จะพาไปถามไปไหม”
“ไม่เอา ! ฉันไม่อยากคุยกับคนพวกนั้น แกชอบไปได้ยังไง”
“ฉันชอบเพราะพวกเขาไม่ทำใครมั่ว ที่มีเรื่องวันนี้ก็เพราะช่วยเด็กรุ่นน้องในโรงเรียน” เป็นจริงตามที่เหมยพูดออกมา สองแฝดเป็นเด็กช่างที่ต่างจากคนอื่น ความดีมีถมเถ ส่วนความชั่วก็มากมายสมใจ
“ช่วยงั้นเหรอ”
“สองแฝดไม่เคยทำใครก่อน ที่เห็นมีเรื่องเพราะคนอื่นทั้งนั้น อาจจะเคยได้ยินบ้างว่าคนพี่เป็นตัวเปิดแต่เขาจะไม่เปิดเลยหากอีกฝ่ายไม่มาเยือนถึงถิ่น”
“เหรอ” เชอรีนแทบไม่เชื่อเพราะขึ้นชื่อว่าเด็กช่าง เธอได้ยินเรื่องราวมามากมาย เด็กช่างฆ่าคนตาย ทำร้ายคนไม่เกี่ยวข้อง ทำร้ายคนไม่มีทางสู้
คำว่าช่วยสำหรับเชอรีนสองแฝดนั่นห่างไกลมากนะ
“ส่วนคนน้องไม่ค่อยพูด นิ่งเงียบตลอดเวลาแต่หากคนพี่เปิด เขาจะเป็นคนตามประกบพี่และก็จะตามติดใส่ไม่ยั้งจนกว่าคนนั้นจะหมดแรงสู้”
“ก็น่ากลัวอยู่ดี”
จากที่ฟังเหมยพูดออกมา เชอรีนรู้ดีเลยว่าแฝดพี่กับแฝดน้องนิสัยต่างกันมากแต่ก็มีความเป็นผู้นำและผู้ตามกันเป็นอย่างดีแต่มันจะดีกว่านี้เป็นเรื่องอื่นไม่ใช่เรื่องนี้
ในตอนนี้ถึงเหมยจะพูดอะไรออกมา แก้ต่างให้สองแฝดกี่ครั้ง เชอรีนก็มองว่าสองแฝดเป็นคนดีไม่ได้ จะพูดว่าเธออคติก็ได้ แน่นอนมันใช่เพราะเธออคติจริง ๆ กับพวกคนที่ขึ้นชื่อว่าเด็กช่าง
ไม่แม้แต่พี่ชายของเธอ !
“ก็อย่างที่บอกพวกเขาไม่ทำใครมั่วซั่ว คู่อริที่มีมันก็เป็นศัตรูกันจากรุ่นสู่รุ่น” แต่มันควรจบไปตั้งแต่รุ่นก่อน ๆ ไม่ควรพาลระรานมาถึงรุ่นปัจจุบัน
“ทำไมแกดูรู้เยอะ”
“ด่าฉันไหมเนี่ยเชอรีน” เหมยได้แต่ถามออกมาเพราะคำพูดของเชอรีนทำเธอคิดเป็นอย่างอื่นไม่ได้
“ฉันถามเฉย ๆ” เชอรีนสวนกลับทันควันกลัวว่าเพื่อนจะเข้าใจผิดแต่ก็นั่นแหละ เธอก็คิดว่าเพื่อนของเธอรู้เยอะ
อาจจะเพราะเหมยมันติดตามคนพวกนี้อยู่มั้งเลยพอรู้เรื่องราวพวกนี้ สำหรับเหมยเห็นใครหล่อไม่ได้ชอบเขาไปหมด
แต่สำหรับเชอรีนสองแฝดนั่นหน้าปลาดุกจริง ๆ นะ !
❤️
ไอ้แฝดคลั่งรักขนาดนี้ ยัยหนูเชอรีนไหวเหรอ
ฝากคอมเมนต์ให้กำลังใจกันด้วยนะคะ