อธิปจ้องมองหญิงสาวไม่วางตาด้วยความเผลอไผล เธอน่ามองชะมัด มองยังไงก็มองไม่เบื่อ ชายหนุ่มดึงบุหรี่ออกมาจุดสูบ พิงหลังกับต้นไม้ใหญ่ สายตายังจับจ้องเธอไม่วาง แล้วคนน่ารักก็ค่อยๆ เผลอหลับไปทั้งๆ ที่ยังจับหนังสือเอาไว้ หนังสือเล่มเล็กของเธอจึงตกลงข้างตัวเพราะมือบางค่อยๆ คลายออก หลังจากเข้าสู่ห้วงนิทรารมย์อันแสนสุข
ร่างสูงเพรียวเคลื่อนตัวว่องไว ค่อยๆ เดินไปหยุดยืนอยู่ข้างๆ เตียงผ้าใบของหญิงสาว เขาทอดสายตามองเธอใกล้ๆ เห็นผิวเนียนละเอียดหอมกรุ่น แก้มเธอแดงระเรื่อแต่เป็นไปตามธรรมชาติ เขาเพิ่งเคยเห็นผู้หญิงไม่แต่งหน้าแล้วน่ามองขนาดนี้ มือหนาจึงค่อยๆ เคลื่อนไปสัมผัสกับแก้มเนียน เมื่อเห็นคนน่ารักหลับตาพริ้ม
“โอ๊ย!!!” อธิปร้องเสียงหลงเมื่อเธอลืมตาตื่นแล้วคว้าหมับเข้าที่มือเขา แต่ที่ทำให้เขาเจ็บเพราะเธอหักนิ้วเขาเต็มแรง
“นายไท!!!” ชัชญาคลายมือออก มองเขาอย่างแปลกใจ
“ผมเอง” เขาดึงมือมาสะบัด นับว่าฝีมือการป้องกันตัวเองของเธอฉกาจนัก ทำให้เขาแทบพิการ
“นายเข้ามาทำไม รู้ไหมว่าที่นี่คือเขตหวงห้าม ฉันไม่ชอบให้ใครมายุ่งวุ่นวาย”
เธอตวัดสายตาขึ้นมองเขา ใบหน้าเฉียบไม่แพ้น้ำเสียงที่กดเขาเอาไว้ได้ นี่คงเป็นบุคลิกส่วนตัวของเจ้าหล่อน ที่ไม่ยอมให้ผู้ชายหน้าไหนมามีอำนาจเหนือกว่า
อธิปนึกอยากมีอำนาจเหนือเธอเหลือเกิน เขาอยากกำราบเธอให้สิโรราบต่อเขา ในทุกๆ เรื่อง ผู้หญิงที่ทะนงและแฝงไปด้วยอำนาจเหนือผู้อื่น
“ผมไม่รู้”
“นายรู้” ชัชญายังนอนนิ่งไม่ไหวติงอยู่บนเตียงผ้าใบ สะกดเขาด้วยสายตา เธอไม่ได้เกรงกลัวเขาเลยสักนิดขณะพูด อธิปนึกทึ่งกับบุคลิกของเธอ เขาชอบผู้หญิงแบบเธอชะมัด ไม่เหยาะแหยะ ขี้แย มารยาสาไถ
แต่ขึ้นชื่อว่าผู้หญิงก็มารยาทั้งนั้น เขาคิดว่าเธออาจจะกร้านโลกไปหน่อย เลยไม่กลัวผู้ชายอกสามศอกอย่างเขาที่กำลังยืนมองเธอทั้งเนื้อทั้งตัว
แล้วสายตาเจ้ากรรมก็ดันมองเป้ากางเกงของเธอเสียอีก กลีบอวบเป็นร่องสวยที่รัดรึงด้วยกางเกงขาสั้นปิดเพียงสะโพกเต่งตึงทำให้เขาลอบกลืนน้ำลายลงคออีกรอบ และดูเหมือนเธอจะรู้ จึงเขม่นมองเขาอย่างยั่วเย้าซะอย่างนั้น!!!
“นายไม่ได้ซื่อๆ อย่างที่เห็นตอนแรก แต่นายดูร้อนแรงชะมัดยาด” ชัชญาลุกขึ้นจากเก้าอี้ผ้าใบตัวใหญ่ ยืนขึ้นประจันหน้ากับชายหนุ่ม เธอลูบมือเรียวสวยไปตามอกกว้างของเขา ช้อนสายตาขึ้นมองอย่างเชิญชวน
“คุณกำลังยั่วผม” อธิปคว้ารวบมือเธอเอาไว้ เธอมองเขาอย่างท้าทายไม่คิดหลบ
“ฉันรู้ว่านายยั่วขึ้น พ่อหนุ่มจอมหื่น”
และไม่คาดคิด เธอคว้าหมับเข้าที่เป้ากางเกงของเขาแล้วขยำ อธิปถึงกับตกใจในคราแรก ก่อนจะร้องครางด้วยความทรมานจากฤทธิ์แม่เสือสาว
“โอ๊ย!” เขาร้องเสียงหลงอีกรอบเมื่อโดนเธอจับทุ่มลงโดยการรวบมือเขาไพล่หลังเอาไว้แล้วกดหน้าเขาลงบนพื้นดิน
บัดซบเอ๊ย! ผู้หญิงคนนี้ร้ายกาจกว่าที่เขาคิด...
ที่สำคัญคือเขาขายหน้าชะมัดที่แพ้ทางผู้หญิง เป็นเพราะความเผลอไผลทีเดียวเชียว!!!
“ฉันชอบเรียนมวยไทย เทควันโด ยูโด คาราเต้ ยิงปืน นายอยากรู้ไหมว่าฉันยิงปืนแม่นขนาดไหน” เธอกดเขาลงกับพื้น คุกเข่าข้างหนึ่งทับเขาเอาไว้ จับมือเขาไพล่หลังเอาไว้จนหน้าเขาจูบดินเต็มๆ
“ผมรู้แล้วว่าทำไมคุณถึงต้องเปลี่ยนบอดี้การ์ดบ่อยๆ” เขาพูดเสียอู้อี้กับพื้นดิน ขายหน้าชะมัดที่โดนเธอสั่งสอนแบบนี้
“พวกนั้นน่ารำคาญ แล้วก็โง่” เธอเน้นเสียงอย่างหมิ่นแคลน
“ผมฉลาดล่ะสิ” อธิปแดกดัน
“นายทำให้ฉันติดใจ” เธอยื่นมือมาลูบหน้าของเขา ก่อนจะค่อยๆ ปล่อยมือของเขาเป็นอิสระ
“โอ๊ะ!” ชัชญาร้องเสียงหลงเมื่อโดนทุ่มตัวลงบนเตียงผ้าใบแล้วมีร่างสูงเพรียวแข็งแกร่งของเขาทาบทับ
“เคยมีคนบอกคุณหรือเปล่าว่า อย่าไว้ใจคนที่คุณทำร้าย และอย่าปล่อยเขาไปง่ายๆ ถึงคุณจะเรียนมวยไทย เทควันโด ยูโดหรือคาราเต้ แม้กระทั่งยิงปืนหรือผมแถมฟันดาบให้อีกอย่าง” เขาพูดอย่างเป็นต่อที่แก้ลำเธอได้สำเร็จ
“บอก... ฉันเลยเปิดโอกาสให้นายแสดงฝีมือไง เป็นบอดี้การ์ดของฉันต้องเก่งทุกสถานการณ์” เธอลูบมือกับแก้มของเขาที่ยังเป็นรอยช้ำเห็นได้อย่างชัดเจน
“คุณยั่วผมอีกแล้ว รู้ไหมว่าผมทำอะไรได้เยอะกว่าที่คุณจะคาดคิด”
อธิปนิ่งอึ้งไปครู่หนึ่งเมื่อเห็นเธอไม่มีอาการตกใจ แต่กลับลูบหน้าเขาด้วยมือบาง ช้อนสายตามองเขาอย่างยั่วเย้า แล้วเป้ากางเกงของเขาก็ตุงขึ้นมาอย่างปัจจุบันทันด่วน เขาไม่คิดปิดบังและอับอาย เบียดกายเข้าไปหาร่องรักของเธอบ้าง แม้จะยังมีเสื้อผ้าปิดเอาไว้มิดชิดแต่จินตนาการเลิศล้ำสุดกู่ก็ไปไกลกว่าที่เป็นอยู่ สัมผัสของกันและกันทำให้รู้สึกถึงความปรารถนาเร้นลึกอย่างร้อนแรง เสมือนไม่มีเสื้อผ้าอาภรณ์ขวางกั้น
“อาการนายเป็นยังไงบ้าง”
“ผมไม่ได้เป็นอะไรมาก ห่วงแต่หมาเห่าเครื่องบินอย่างไอ้คิมหันต์เถอะ” อธิปรวบมือเธอมากดจูบซ้ำๆ ความร้อนชื้นของลิ้นทำให้เธอครางแผ่วๆ
“นายก็แก้ไขสถานการณ์ได้ดีนี่ จับฉันทุ่มเสียจนจุก”
“ผมว่าผมดูโง่เง่าในสายตาคุณหนูชะมัด ก็คุณหนูจงใจให้ผมทุ่ม ผมทำตามหมากที่คุณหนูวางเอาไว้” เขากระแทกเสียงอย่างหงุดหงิดตัวเอง
“นายฉลาดต่างหาก” เธอตอบอย่างไม่ทุกข์ร้อน
“ผมอยาก... จูบคุณหนู” อธิปเสียงพร่าเมื่อแนบชิดกับร่างขาวนวลเนียนหอมกรุ่น เขาอยากจะฟัดเธอเสียตรงนี้เดี๋ยวนี้ เขารู้สึกกระหายชะมัดยาด บัดซบเอ๊ย!!!
ชัชญาหัวเราะร่วนเหมือนเป็นเรื่องตลกขบขันเมื่อได้ยินเขาพูดออกมาแบบนี้ อธิปอึ้งไปเริ่มมองอย่างไม่ไว้ใจ แต่ก็ยังอยากจะงับหูแม่เสือให้หายอยาก เขาทำท่าจะก้มลงจุมพิตเธอ แต่!!!
“โอ๊ย!!!” อธิปร้องเสียงหลงเมื่อเขาโดนเข่าเธอเต็มๆ ที่เป้ากางเกง ต้องไปนอนกุมเป้าหน้าเขียวหน้าเหลืองอยู่ใกล้ๆ เท้าเล็กๆ ของเธอที่เดินมาชะโงกมองอย่างสะใจ
“ฉันเป็นเจ้านาย ส่วนนายเป็นลูกน้อง ถ้าฉันไม่สั่ง นายไม่มีสิทธิ์แตะต้องฉัน เข้าใจไหม”
อธิปรู้สึกเสียหน้าชะมัดยาดเมื่อโดนผู้หญิงจัดการเสียสองครั้งสองครา แถมเธอยังยิ้มร่าไม่สะทกสะท้าน หญิงสาวยื่นมือให้เขาจับ และเขาก็ชักจะไม่แน่ใจว่าเธอจะมาไม้ไหนอีก
ชัชญาหัวเราะร่วนเมื่อเห็นท่าทีของบอดี้การ์ดคนใหม่ จริงๆ แล้วเธอแสดงออกไปแบบนั้นเองว่าไม่กลัว ทั้งๆ ที่หวั่นไหวแค่ไหนที่เขาแนบชิดลงมาหา แต่สถานการณ์แบบนี้ทำให้เธอมีสติเสมอ และพร้อมจะตั้งรับ ยิ้มแย้มเอาไว้ แต่สมองครุ่นคิดหาทางออกอยู่เสมอ เธอเติบโตมาด้วยสภาพแวดล้อมของการเอาตัวรอด ไม่ใช่เพราะต้องตกระกรรมลำบาก แต่เพราะมีบิดาเป็นผู้มีอิทธิพล ทำให้เธอเห็นบิดาโดนลอบทำร้ายอยู่บ่อยๆ
“นายกำลังกลัว”
“หึ! ผมเหรอจะกลัวคุณหนู”
“คิกๆ ท่าทางนายขี้โมโหอยู่นะ ถ้าไม่รับความช่วยเหลือก็ลุกขึ้นเองแล้วกัน” ชัชญาเลิกคิ้วขึ้นยั่ว ก่อนจะเดินเข้าบ้านหน้าตาเฉย
อธิปสบถอย่างหัวเสีย ไม่เคยมีผู้หญิงคนไหนทำให้เขารู้สึกแบบนี้มาก่อน อยากเอาชนะ อยากครอบครอง และอยากให้เธอมาสยบแทบเท้า
“คุณไทครับ” เสียงของนพฤทธิ์ทำให้อธิปหันขวับไปมองขณะกำลังเดินเข้าบ้านพัก
“ถ้าจะเยาะเย้ย ก็หุบปากซะ”
“ผมยังไม่ได้พูดอะไรสักหน่อย”
“แต่หน้าตานายมันกำลังเยาะฉันอยู่”
“ผมเปล่าครับ”
“ให้ตายเถอะ ไปไกลๆ ได้ไหม”
“ถ้าจะปล้ำคุณหนูชัชญา ผมแนะนำให้ใจเย็นๆ ครับ”
“ไอ้ไข่ แกอยากตายมากใช่ไหม”
อธิปคำราม คนของพี่ชายกวนโอ๊ยอย่างร้ายกาจ แต่เป็นคนที่ไม่มีความสำคัญและออกนอกหน้าเหมือนอนุชา ทำให้พวกของเสี่ยชาญไม่รู้จักนพฤทธิ์ เหมือนๆ กับเขาที่ไม่ได้เติบโตที่ไร่ธารธารา และไปเติบโตที่ภาคอื่น เพราะย้ายตามบิดามารดาไปอยู่ภาคเหนือตั้งนานแล้ว จนบิดามารดาตายนั่นแหละ ผู้เป็นลุงจึงติดต่อไป ขอให้เขามาอยู่ด้วย แต่พอมาถึงก็มีภารกิจสำคัญให้ช่วยพี่ชายทำซะแล้ว