“ทำไมต้องห้องคุณด้วย...คะ”
พรลักษมีเว้นช่องเกือบไม่ทิ้งหางเสียงย้อนถามด้วยท่าทีแข็งๆ ตาดำกลมใสราวเม็ดลำไยเต้นระริกคล้ายตื่นตระหนก
จักรพรรดิจึงใช้โทนเสียงอ่อนลงราวกับกำลังหลอกล่อเด็กน้อยให้เดินตามเส้นทางที่เขาขีดเอาไว้
“เพราะผมไม่ไว้ใจคุณน่ะสิ เกิดวันไหนคุณคุ้มดีคุ้ม ร้ายแทงผมขึ้นมาอีกใครจะช่วยผมได้”
ปากแดงสดยื่นออกนิดๆอย่างหมั่นไส้ เมื่อฟังเหตุผลของเขาจนจบ
“อย่างคุณไม่ต้องให้ใครช่วยหรอกค่ะ ตัวออกโต”
“แล้วทำไมกล้ามีเรื่องกับคนตัวโตกว่า ไม่กลัวรึยังไง”
“เผอิญว่าฉันไม่กลัว”
“เก่งซะด้วย”จักรพรรดิชม และเริ่มเย้าหยอก ด้วยท่วงท่าผ่อนคลายลง “เผอิญเหมือนกันว่าผมชอบคนเก่งๆ”
พรลักษมีเม้มปากตัวเองหน่อยๆชั่งใจว่าควรทำอย่างไรดีกับผู้ชายตัวโตคนนี้ เขาไม่ได้ดูโรคจิตวิตถารหรือดูจาบจ้วงแบบตฤนหรอก เธอรู้สึกแบบนั้น แต่เขากลับกันด้วยซ้ำ ทางที่ดีเธอควรอยู่ให้ห่างจากเขาจะดีกว่า มันดูปลอดภัยกับเธอ พรลักษมีสรุปกับตัวเองแบบนั้นเมื่อเขากลับออกไปในเวลาต่อมา
ค่ำนี้พรลักษมีจึงยังไม่ถึงห้องพัก เพราะออกมากับเพื่อน
เหตุผลที่มาน่ะเหรอ
เธอบอกตัวเองว่าฉลองที่ใกล้จะเรียนจบแล้วนี่ยังไงล่ะ แต่ความจริงเธออยากมาที่นี่เพราะบทสนทนาที่พูดคุยกันของไหมทองกับเพื่อนในกลุ่ม ว่าที่นี่โดนเทคโอเวอร์ไปแล้ว เลยอยากมาดูสภาพมันหน่อย สะใจมากๆที่ที่นี่หลุดจากมือพวกนั้น ก็เพราะมันเคยเป็นของคุณนภาลัย เจ้าของสื่อบันเทิงชื่อดัง ไฮโซสาวใหญ่แสนสวย มากความสามารถในวงการสังคมใส่หน้ากากหนาๆนั่นต่างหาก นึกแล้วอดสมน้ำหน้าไม่ได้
“คนเที่ยวก็ยังดูหนาตาดีนี่หน่า ขายทำไมเนอะ”
“เจ้าของคงไปโกงเขามาไงเล่า ได้มาแบบง่ายๆ เลยเสียไปแบบง่ายๆ”
พรลักษมีสรุปเยาะๆ
ไตเติ้ลเพื่อนในกลุ่มถามลอยๆขึ้นมา
“ว่าแต่ใครเหรอ คนที่มาเทคโอเวอร์ไปน่ะ”
ไหมทองตอบเสียงหวาน นัยน์ตาเคลิ้มฝันขึ้นมาทีเดียว
“เจ้าของใหม่ก็คนเดียวกับที่เทคโอเวอร์โรงแรมในเครือวรวรรณศิริไงล่ะจ๊ะ”
เจ้าของใหม่ที่ไหมทองพูดถึง เป็นเจ้าเดียวกันกับที่เทคโอเวอร์กิจการเก่าของนายอาคม คนที่เธอไม่อยากเรียกว่า ‘พ่อ’ น่าเจ็บใจตรงที่ว่า กิจการนั้นเดิมๆมันเป็นของแม่ แต่แล้วแม่ก็ยกให้พ่อไปหมด อย่างว่าของมันได้มาง่ายเลยเสียมันไปง่ายๆเช่นกัน เพราะพอพ่อแต่งงานใหม่กับไฮโซนภาลัยแล้ว ยังยกกิจการเหล่านั้นให้กับยัยนั่นอีกต่อ ส่งกันเป็นทอดๆเลยเชียว
เธอเลยเกลียดพ่อเธอเกลียดคนเจ้าชู้ พวกที่ชอบคบไปทั่ว มั่วไม่เลิกแบบที่ท่านเป็น
จนไม่วายประชดกับเพื่อนว่า
“สงสัยจะรวยมากนะ เที่ยวเทคโอเวอร์ไปทั่วแบบนี้น่ะ”
ไหมทองวางแก้วลงบนโต๊ะอย่างแรงราวคนตกใจสุดขีด ตามองไปยังอีกทางแล้วพูดเคลิ้มๆว่า
“รวยรึเปล่า อันนี้ไม่รู้ รู้แต่ว่าหล่อมาก โน่นไงพูดถึงก็มาพอดีเลย ออย...คุณคิงขา”
ชายคนในบทสนทนาอยู่ในชุดเสื้อยืดสบายๆสกรีนภาพกราฟฟิคสีขาวบนพื้นสีดำ ท่อนล่างเป็นกางเกงยีนแบบสบายๆ เหมือนบุคลิกของเขา ยืนคุยอยู่กับชายร่างท้วมในชุดสูทสีดำเทา ที่ไหมทองยืนยันว่าเป็นผู้จัดการของที่นี่ ข้างๆเขามีหญิงสาวคนใหม่ เป็นอีกคนที่จากเมื่อคราวก่อน ยืนเคียงชิดเกาะแขนไม่ปล่อย ทั้งสองยืนคุยกระซิบกระซาบท่าทางสนิทสนม พรลักษมีจึงเบนสายตากลับมาที่แก้วเครื่องดื่มของเธอ นึกค่อนในใจ
‘ฮึ ผู้ชายมีเหรอจะขาดเรื่องพวกนี้ได้’
เสียงไหมทองกระตือรือร้นวี้ดว้าย มือไม้สะบัดไปมาอย่างที่เจ้าตัวทำบ่อยๆเวลาตื่นเต้น
“ว้าย! ตายแล้ว! คุณคิงเดินมาทางโต๊ะเรา มาแล้ว มาแล้ว”
“มาเข้าห้องน้ำล่ะสิ ก็ดูซิจองโต๊ะอะไรของแก ทำไมได้มุมห้องน้ำมาทุก…”
เพื่อนผู้หญิงอีกคนในกลุ่มพูดไม่ทันจบประโยคดี ก็ต้องชะงักปากค้างไว้ เมื่อเห็นจักรพรรดิเดินตรงมาที่โต๊ะจริงๆแบบที่ไหมทองบอก
ชายเจ้าของกิจการเข้ามาหยุดยืนข้างเก้าอี้ทรงสูงตรงที่พรลักษมีนั่ง ทักด้วยคำคล้ายต่อว่ากลายๆ
“คุณผิดนัดผม”
ถ้าไม่มีรอยยิ้มนั่นบนหน้า ใครๆต้องคิดว่าเขาพูดแบบไม่พอใจแน่ๆ แต่...เขาอาจจะรู้สึกแบบนั้นขึ้นมาจริงๆแล้วก็ได้ เมื่อเห็นท่าทีไม่สนใจของเธอ
พรลักษมีเกือบยักไหล่แบบที่เคยเวลาไม่แคร์อะไร แล้วเตือนตัวเองเอาไว้ได้ทัน จึงทำเฉยเมยไม่ตอบ เสยกแก้วจะดื่มต่อ ไม่สนใจเขา
เห็นอาการอย่างนี้แล้ว จักรพรรดิเลยอยากแกล้งคนขึ้นมาตงิดๆ จึงจับมือเธอเอาไว้ไม่ให้ยกแก้วเครื่องดื่มเข้าปากได้
พรลักษมีนิ่งแล้วมองหน้าเขา ก่อนจะยกของข้างในสาดใส่ พรวดเดียวหมดแก้ว อย่างรวดเร็วและแม่นยำ
มันไม่ได้ถูกหน้าเขา เพราะเธอจงใจให้โดนแค่หน้าอก ก็เห็นอยู่หรอกว่า เขายืนนิ่งขรึมไปเลย ตาเหยี่ยวของเขาวาววับอย่างกับจะเรืองแสงได้ ดูเอาเรื่องขึ้นมาทีเดียว แต่เขากลับรักษาอารมณ์ได้ดียิ่งยวด ท่าทีสงบนิ่งคล้ายไม่มีอะไรเกิดขึ้น แต่นิ่งๆแบบนี้ล่ะน่ากลัวนัก
คนอื่นที่เหลือมองตากันปริบๆไม่มีใครกล้าปริปากพูดอะไรสักคน นาทีนั้นเหมือนทุกอย่างรอบตัวหยุดการเคลื่อนไหวหมด แม้แต่ลมหายใจยังไม่มีใครกล้าสูดเข้าไป กลัวจะทำให้เมฆหมอกอารมณ์ที่มีอยู่คุกรุ่นมากกว่าเก่า
แต่แล้วพรลักษมีก็หยุดทุกอย่างด้วยเสียงหวานๆ
“ฉันตกใจค่ะ”
‘เธอตกใจ’ แต่ไม่บอกว่าขอโทษที่ทำกับเขาแบบนั้น จักรพรรดิเลยขยับตัวเข้ามาใกล้เธอมากกว่าเดิม แล้วก้มหน้าลงกระซิบบางอย่างริมใบหูที่ดูนุ่มนิ่มน่าคลอเคลีย ชั่วขณะที่พรลักษมีรู้สึกร้อนวูบขึ้นมาอย่างควบคุมไม่ได้ แค่นั้นยังไม่พอ เขาช่างกล้านักที่บังอาจเอาจมูกโด่งเป็นสันมาเฉียดแก้มนวลหอมกรุ่นของเธอด้วย
จักรพรรดิคิดอย่างใจเย็นว่ายังก่อน เขาจะยังไม่ลงโทษเธอตอนนี้ เขายังไม่อยากทำอะไรบุ่มบ่ามให้เธอรู้ทางของเขา
พรลักษมีชักสีหน้าทันที เธอมองสบตาเหยี่ยวด้วยแววตาถือดี แล้วคว้ากระเป๋า บอกเพื่อนที่นั่งอยู่ด้วยเสียงโกรธๆว่า
“กลับก่อนนะ แล้วเจอกันทุกคน”
จักรพรรดิยิ้มให้เพื่อนของเธอ แล้วออกเดินตามร่างงดงามเย้ายวนทิ้งระยะห่างๆ นี่ขนาดว่าเธอไม่ได้แต่งตัววาบหวิวมาเที่ยว แต่ผู้ชายหลายๆคนในนี้ก็ยังมองเธอตาเป็นมัน รวมถึงเขาด้วย
จักรพรรดิชอบนักล่ะกับการที่จะจัดการเด็กซนๆสักคน
โคลงศรีษะตัวเองเบาๆแล้วนึกถึงเหตุการณ์เมื่อเช้า
‘ถ้านายอยากได้ปันผลปีนี้ พี่ขอสั่งให้เลิกไปจัดปาร์ตี้มั่วยากันที่ห้องนั่นได้แล้ว ไม่อย่างนั้นอย่ามาบ่นทีหลังว่าใจร้ายกับน้องแบบแกอีก อ้อ แล้วก็เลิกยุ่งกับคู่กรณีของแกเสียด้วย’
‘ก็จะเก็บไว้ทำไมเล่าครับห้องนั้นน่ะ ผมเห็นพี่ไปญี่ปุ่นบ่อยๆไม่เห็นจะสนใจที่นั่น จะนอนก็เห็นไปนอนที่บ้านใหญ่
น้องยืมนิดยืมหน่อย ทำเป็นหวงไปได้ แล้วคู่กรณีนี่ พี่คิงหมายถึงใครครับ’ ตฤนพูดด้วยใบหน้าไขสือจนเขานึกอยากจัดการขั้นเด็ดขาดแบบที่เขาชอบขู่บ่อยๆนัก
‘คนที่แกไปลวนลามเขาไง’
‘ลวนอะไรครับ ผมยังไม่ได้ทำอะไรใครเลยนะ’ จักรพรรดิมองตอบมาด้วยสายตารู้ทัน ตฤนจึงแย้งเสียงอ่อย ‘ไม่แฟร์เลย ผมเจอก่อนพี่นะ’
‘แล้วไงล่ะ รึจะไม่เอาเงิน’
‘โธ่พี่คิง ยัยนั่นน่ะเน่ามาแล้วนะ พี่ยังจะเอาอีกเหรอ’
‘เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับนาย’ เขาพูดไปแบบนั้นได้อย่างไร จักรพรรดิไม่เคยพูดเรื่องผู้หญิงกับใคร เขาไม่เคยต้องไปขอร้องให้ใครเลิกยุ่งกับใคร แต่กับเธอเขาถึงกับหลุดปากบอกตฤนไปแบบนั้น แต่แล้วเธอเล่าเป็นแบบนั้นจริงไหม แล้วนอกจากตฤน เธอยังมีใครอีก
พรลักษมีเดินปึงปังออกจากร้านมาพร้อมนึกฉุนไม่หายที่เขากระซิบบอกนั่น เธอไม่ได้กลัวสักนิด กับแค่ตฤนกำลังมาที่นี่ เธอไม่ได้กลัวใครแต่กลัวใจตัวเองจะหยุดไม่อยู่ อาจเข้าไปทำร้ายนายนั่น และที่เธอยอมกลับเพราะเขาพูดเชิงขู่ว่าหากเธอมีเรื่องกับตฤนอีก เขาจะเป็นพยานให้น้องของเขาว่าเธอจงใจทำร้าย หรือมีเจตนาฆ่านั่นเอง นึกแล้วเจ็บใจไม่หาย เธอเกลียดตฤน และเธอควรเกลียดเขาด้วย แต่ทำไมความรู้สึกข้างในลึกๆของเธอกลับไม่เจอกับความเกลียด คงเพราะยังไม่เห็นเช่นชัดแบบนายตฤนนั่นน่ะสิ แต่เธอมั่นใจว่าอีกไม่นาน นายคนนี้ต้องออกลายแบบตฤน
พรลักษมีจำใจต้องขึ้นรถไปกับจักรพรรดิโดยมีสายตาของหญิงสาวอีกคนที่คุยกระซิบกระซาบกับเขาก่อนหน้ามองตามด้วยความริษยา แต่ไม่กล้าโวยวายแสดงตัวให้อับอายคนในร้าน เพราะเธอไม่มีสิทธิ์ทำเช่นนั้น