เมยาวีกลับมาถึงห้องเช่าโดยที่พ่อของลูกอาสาขับรถมาส่ง
ไม่รู้ว่าตัวเองควรดีใจหรือควรรู้สึกอย่างไรดี เพราะในเมื่อเมื่อวานนี้ลูกสาวบอกแล้วว่าไม่ต้องการไปเจอพ่อตัวเองอีกครั้ง นี่หากเขาไปรับลูกกับเธอแล้วเมยาดาเห็นจะว่าอย่างไรบ้าง
แต่เขาก็เหมือนอยากเข้าใกล้ลูกสาวของเธออยู่นะ เหมือนว่าเขาเองก็ปักใจเชื่อแล้วบ้างว่าใช่จริงๆ
แต่ที่เขาไม่เชื่อก็คือ เธอขายตัวให้เขาคนเดียวจริงๆ ไหม หลังจากนั้นต่างหากว่าเธอยังไปมีอะไรกับใครบ้าง
เธอไม่โกรธเขาหรอกบอกแล้ว ก็เธอถูกมองว่าเป็นผู้หญิงขายตัวมาตลอดแล้วทำไมยังต้องคิดมาก ก็ได้แต่รอเวลาว่าเย็นนี้จะเกิดเหตุการณ์อะไรขึ้นบ้าง แล้วจะรับมืออย่างไร
จึงได้สลัดเรื่องราวพวกนี้ออกไปแล้วไปเอาสินค้าออกมาถ่ายรูปแล้วโพสต์ลงในกลุ่มขายของจิปาถะทั่วไป เธอต้องคอยอัปเดตสินค้าอยู่เรื่อยๆ เพื่อไม่ให้แม่ค้าคนอื่นๆ ดันสินค้าของเธอลงไปด้านล่าง ไม่นานก็มีคนมาเอฟและจัดการโอนเงินมา รอยยิ้มน้อยๆ คลี่บนใบหน้าเมื่อวันนี้มีค่ากับข้าวตอนเย็นแล้ว
หักลบต้นทุนออกแล้วเหลือกำไรที่สองร้อยบาท ก็ยังดี รอดูว่าทั้งวันของวันนี้จะได้มาเพิ่มอีกไหม แต่เธอก็ไม่เคยหลุดต่ำกว่าสามร้อยบาทสักครั้ง
ก๊อก ก๊อก ก๊อก
เมยาวีที่กำลังเก็บของเข้าที่เดิม ก็เป็นของที่ยังขายไม่ออก แต่อันไหนที่ลูกค้าโอนตังค์มาแล้วเธอจะวางไว้ด้านนอกเพื่อเตรียมแพ็คส่งวันต่อวันจะได้ถึงมือลูกค้าเร็วๆ
ขมวดคิ้วว่าใครมาหาเธอ แต่อย่างนั้นมันก็ไม่แปลกเพราะห้องใกล้มักมาเคาะแล้วเอาของกินมาฝากเสมอ เป็นเหตุการณ์คุ้นเคยไปแล้ว
แต่พอเปิดประตูออกไปกลับไม่เป็นอย่างที่เธอคิด เพราะคนที่เพิ่งบอกลาไปเมื่อไม่กี่นาที ตอนนี้มายืนปาดเหงื่ออยู่หน้าห้องของเธอแล้ว
เขากลับไปแล้วไม่ใช่เหรอ แล้วตอนนี้มาทำอะไรที่นี่
อคิราห์วนหาที่จอดรถอยู่ตั้งนานกว่าจะเจอคือไกลมาก พอเจอแล้วต้องเดินย้อนกลับมาอีกครั้ง ระยะทางตั้งสองร้อยเมตร ตอนนี้ทั้งตัวเขาเปียกชื้นเต็มไปด้วยเหงื่ออยากเข้าไปตากแอร์เย็นๆ แต่เขาคงคิดผิด เพราะมองพัดลมตัวเล็กๆ ที่เปิดทิ้งเอาไว้ไม่น่าผ่อนคลาย
"ขอเข้าไปหน่อย" บอกเจ้าของห้องน้ำเสี่ยงติดหงุดหงิด เขาไม่ได้หงุดหงิดเธอ แต่หงุดหงิดอากาศที่ร้อนจัดและที่จอดรถไม่มีต่างหาก
เมยาวีจึงขยับหลีกทางให้เขาเข้ามางงๆ พอเจ้าตัวเข้ามาก็เห็นเขายืนมองรอบๆ ห้องจนเธอนึกอาย
ห้องแคบๆ ที่ไม่ได้มีสิ่งอำนวยความสะดวกเท่าไหร่ แล้วก็ไม่คิดว่ามันจะเหมาะกับเขาด้วย
อคิราห์ตัดสินใจนั่งขัดสมาธิลงบนพื้นเป็นเสื่อน้ำมันหน้าพัดลมตัวเล็กเมื่อทนไม่ไหว แล้วรีบถอดเสื้อที่ทำให้เขาร้อนไม่หายสักทีออกแล้วพาดไปบนโต๊ะญี่ปุ่นขนาดเล็ก
เมยาวีชะงัก เมินหน้ามองไปทางอื่นไม่อยากสนใจมอง หากแต่อย่างนั้นเพียงแค่แวบเดียวเธอกลับจดจำได้หมดว่ารูปร่างและความขาวที่ปรากฏให้เห็นมันดีขนาดไหน
แน่นอนว่าเขาที่อยู่แต่ในห้องแอร์ ไม่เคยมาอยู่อากาศร้อนๆ แบบนี้ผิวเขาย่อมดีกว่าเธอเป็นไหนๆ แต่ที่เธอสงสัยมากกว่าว่าเขามาทำอะไรที่นี่ ทำไมเขาไม่กลับบ้าน
ข้อนี้จึงทำให้คนอายุน้อยกว่าหันกลับมาอีกครั้ง คราวนี้ยิ่งรู้สึกประหม่าเมื่อพบว่าคนที่นั่งหันหลังให้เมื่อกี้ ตอนนี้เขานั่งหันหน้ามาหาเธอพร้อมพัดลมที่เปลี่ยนทิศทางไปเช่นกัน
คนที่เดินออกจากพัดลมมาอย่างเธอ ยกมือเรียวเล็กปาดเหงื่อที่ชื้นออกมาตรงหน้าผากก่อนนั่งพับเพียบลงที่ข้างๆ เขาเพื่อทำงาน
"คุณมา..ทำไมเหรอคะ ฉันนึกว่าคุณกลับไปแล้วเสียอีก" ปากถามไปขณะที่เมื่อก็เริ่มแพ็คของไปด้วย
นั่นสิ เขามาทำไม เขาเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าตัวเองมาทำไม ทั้งที่เขาควรรอบ่ายสามโมงครึ่งแล้วไปเจอเธอที่หน้าโรงเรียนลูกอย่างที่ตกลงกันเอาไว้ แต่แล้วเขาตามเธอมาทำไมก็ยังไม่เข้าใจตัวเอง
"ทำไมไม่ติดแอร์ให้ลูก" มองใบหน้าที่เริ่มมีเหงื่อซึมออกมาเยอะขึ้นจึงเปลี่ยนพัดลมให้เป็นโหมดส่าย ส่วนที่เธอถามว่าเขามาทำไม ถ้าเขารู้เขาคงตอบไปแล้ว
"เราชินแล้วน่ะค่ะ" เมยาวีบอกยิ้มๆ ช่วงที่พัดลมส่ายมาโดนตัวรู้สึกราวกับได้ขึ้นสวรรค์ชั้นหนึ่ง
"ใครจะชินกับอากาศร้อนแบบนี้" เขาคนหนึ่งแหละที่ไม่ชิน แล้วก็ไม่คิดว่าลูกจะชินด้วย
"แต่เราสองแม่ลูกก็โตมากับห้องห้องนี้นะคะ" นั่นจึงทำให้อคิราห์เงียบปากลงไป สายตามองผ่านเนินอกอิ่มที่โผล่พ้นมาเกือบครึ่งเต้าเมื่อเจ้าตัวเอื้อมมือไปหยิบสกอตช์เทปมาแปะกล่อง
เป็นผู้หญิงอยู่ตัวคนเดียว ใส่กางเกงขาสั้นเสมอหูขนาดนี้ ไหนจะเสื้อสายเดี่ยวสีเทาที่มันขับผิวขาวนวลเนียนสุขภาพดี อีกทั้งยังอวดอกตูมๆ แถมดูจากการเดินไปเปิดประตูในเวลาไม่ถึงห้าวินาทีแบบนี้แสดงว่าคงมีใครมาเคาะห้องบ่อยแน่นอน แต่แล้วใครมันชอบมาเคาะกัน!
เมยาวีที่สังเกตได้ว่าอีกฝ่ายเงียบไปไม่เอ่ยอะไรต่อจึงเงยหน้าขึ้นมอง ทว่าเจ้าของสายตากลับเมินไปทางอื่น เธอเห็นว่าเขามองไปยังสินค้าที่ยังไม่มีเจ้าของกองโต
"พอดีฉันขายของออนไลน์น่ะค่ะของเลยเยอะหน่อย" รีบอธิบายต่อสายตาคู่นั้นทันที ก็เป็นของที่เธอสต๊อกไว้แต่ยังขายไม่หมด
"ขายอะไรบ้าง" อคิราห์ถามด้วยความสนใจ เพราะมันถูกถุงพลาสติกห่อหุ้มเอาไว้จึงเดาได้ยาก และเขาอยากรู้ว่าเธอมีรายได้กี่บาท มันพอเลี้ยงลูกมาจนถึงอย่างทุกวันนี้เพียงลำพังได้อย่างไรกัน
"ของทั่วๆ ไปค่ะ"
"ก็แล้วขายอะไรล่ะ" เขาถามน้ำเสียงติดเหวี่ยงนิดๆเมื่ออีกคนตอบไม่เคลียร์
"ก็พวกตะกร้าใส่ของน่ารักๆ กิฟต์ช็อปอะไรพวกนี้ค่ะ"
"แล้วได้ตังค์เท่าไหร่"
เมยาวีที่กำลังแพ็คสินค้าใส่กล่องต่อไปจึงหยุดก่อน เงยหน้าขึ้นสบตาเขาอีกที "ก็พอได้อยู่ค่ะ" เธอไม่อยากให้เขารู้สึกว่าตัวเองลำบากขนาดนั้น ถึงแม้ว่าก่อนหน้านี้ตัดสินใจไปหาเขาก็เพราะตัวเองลำบาก
"แล้วสรุปคุณมาหาฉันมีเรื่องอะไรหรือเปล่าคะ มีอะไรที่ฉันยังเล่าไม่หมดหรือเปล่าคุณถามมาได้เลยค่ะ" เพราะเห็นเขาถามแต่เกี่ยวกับของในห้องห้องนี้ไม่ใช่เรื่องที่เราเพิ่งคุยกันไป
"จะชวนไปอยู่ด้วยกัน" เอ่ยแล้วเมินสายตาไปทางอื่น
เมยาวีชะงัก ก่อนเม้มริมฝีปากตัวเองเบาๆ แล้วก้มหน้าทำงานต่อ "ไม่เป็นไรหรอกค่ะ" ทั้งที่ในใจนั้นเต้นแรงไปแล้วเพราะไม่คิดว่าเขาจะชวน เธอไม่เคยคิดถึงข้อนี้ด้วยซ้ำเมื่อตัดสินใจพาลูกไปเจอเขา
เธอแค่อยากฝากเมยาดาในช่วงเวลากลางคืนที่เธอไปทำงาน เลิกงานก็จะรับลูกกลับมานอนด้วยเธอคิดแค่นี้ ระหว่างนี้ลูกจะได้สมหวังด้วยว่ารู้จักสีหน้าคร่าตาพ่อตัวเอง
"แต่ฉันไม่อยากให้ลูกต้องอยู่ที่นี่" ในเมื่อตัวเขาอยู่แบบสุขสบาย แต่ลูกต้องมาทนร้อน นอนในห้องแคบๆ สิ่งแวดล้อมก็ไม่ค่อยน่าอยู่เท่าไหร่ เขาไม่โอเคหรอก
แค่ไม่กี่นาทีก็เห็นแล้วว่าตัวเองลำบากขนาดไหน ตอนนี้น่ะเหงื่อโชกไปทั้งตัวจะให้ว่าไง ไม่อยากจะคิดว่าสองแม่ลูกต้องมาแย่งกันใช้พัดลมตัวเดียวกัน
"เอ่อ.."
"ฉันไม่ได้ขอความเห็น" นั่นทำให้คนทั้งสองสบตากัน แต่สายตาดุๆ คู่นั้นราวกับเขากำลังตำหนิเธอว่าปล่อยให้ลูกตกระกำลำบาก "ฉันแค่อยากให้เธอไปคุยกับลูก หากว่าสงสารแกทำยังไงก็ได้ให้ไปอยู่ด้วยกัน"
"..ที่ไหนคะ"
"คอนโดฉัน" เพราะว่าตอนนี้อะไรก็ไม่สำคัญเท่าเลือดเนื้อเชื้อไขของเขาแล้วล่ะ แล้วนี่ไม่อยากคิดว่าเด็กหญิงตัวจ้ำม่ำเป็นคนขี้ร้อนง่ายแบบนั้นจะนอนหลับลงได้อย่างไรกัน
เขาจะไม่ถามแล้วว่าทำไมไม่พาลูกมาหาเขาตั้งแต่รู้ตัวว่าท้อง จะไม่ถามถึงเหตุการณ์เมื่อก่อน ก็ในเมื่อมันย้อนกลับไปไม่ได้ ในเมื่อวันนี้และวันข้างหน้าที่เขายังสามารถทำหน้าที่นี้ต่อไปได้ก็อยากทำทุกอย่างให้แกสุขสบายที่สุด ทำบุญกับหมากับแมวก็ทำมาเยอะ เลี้ยงลูกเลี้ยงเมียสองคนจะเป็นไรไป
"แล้วหาก.."
"ไม่สงสารลูก?" อคิราห์เลิกคิ้ว
"ก็สงสารค่ะ แต่หากวันที่เราสองแม่ลูกต้องย้ายออกละคะ ฉันกังวลว่า.."
"นี่เธอจะบ้าเหรอ! พาลูกมาเจอแล้วจะพาหนีฉันไป" อคิราห์มีน้ำโหคราวนี้
"มะ..ไม่ใช่แบบนั้นค่ะ ฉันหมายถึง..คุณไม่มีแฟนเหรอคะ" ข้อนี้ต่างหากที่เธอกังวล และเธอเองก็คิดว่าเขาคงมีใคร
"ไม่มี" อคิราห์บอกหน้าตาย
"แล้วในอนาคตละคะ.."
"ก็นั่นมันอนาคต แต่เธอจะมารู้ได้อย่างไร เพราะฉันอาจไม่มีอย่างที่เธอว่าก็ได้" ลูกเขาก็มีแล้ว แม่ของลูก..ก็นั่นแหละ เขามีพันธะแบบนี้คิดว่าเขาจะไปมีใครที่ไหนอีกงั้นเหรอ
ถ้าเรียกว่าเขามีครอบครัวแล้วก็ย่อมได้ ในเมื่อเขามีทั้งลูก มีทั้งแม่ของลูก คราวนี้เขาเป็นคนโสดตรงไหนอยากถาม!
"ขอโทษค่ะ" เมยาวีรีบยกมือไหว้ขอโทษเขาไปเมื่อรู้ตัวว่าละลาบละล้วงจนเกินไป จึงปิดปากเงียบคราวนี้ เมื่อรู้ว่าเอ่ยอะไรออกไปเขาก็ดูจะหงุดหงิดไปหมด
เมื่อวานหงุดหงิดที่เธอไปแอบอ้างว่าเขามีลูก แต่วันนี้มาหงุดหงิดที่เธอบอกว่าเขาจะมีลูกและเมียในอนาคตเฉย ไม่เข้าใจเขาจริงๆ เลย แต่สรุปว่าเขายอมรับยัยหนูมายด์ว่าเป็นลูกของเขาจริงๆ แล้วใช่ไหม
"เอ่อคุณคะ"
"อะไร!"
".." ทำไมต้องดุด้วยเล่า ก็เพราะแบบนี้ไงลูกถึงไม่อยากไปเจอเขา
"พูดมา!" เมื่อเห็นคนที่เรียกแล้วไม่พูดยิ่งหงุดหงิด
"สรุปว่าคุณยอมรับลูกฉันเป็นลูกของคุณแล้วใช่ไหมคะ"
"ก็ลูกของเราทั้งสองคนไหม ฉันทำ เธอท้อง ถ้าฉันไม่ทำเธอจะท้องได้อย่างไร" ถามแปลกๆ
เมยาวีอายหน้าแดง แล้วหวนนึกถึงคืนนั้นเมื่อห้าปีก่อน แต่เขาคงจำไม่ได้หรอก ตอนนั้นน่ะ เขาออดอ้อนเธอสารพัดอย่างที่ไม่คิดว่าเธอจะได้รับจากแขกคนไหนเลย เพราะเคยฟังพี่ๆ พูดกันคือแต่ละคนมองเราเป็นแค่สินค้า รุนแรงบ้าง เอาแต่ใจบ้าง เราเจ็บแค่ไหนเขาแทบไม่สนใจเลย
แต่เมยาวีแทบไม่รู้สึกถึงความเจ็บปวดแบบนั้นเลย เจ็บเพราะมันเป็นครั้งแรกเฉยๆ ทว่าเขาก็สัมผัสเธอทั่วร่างกายจึงทำให้เธอมองข้ามไป
เมยาวีรีบสลัดเรื่องนั้นทิ้งเมื่อจิตใจล่องลอยไปไกล ก่อนรีบแพ็คของอีกห้าชิ้นเพื่อจะได้ไปส่งให้ทันตอนบ่ายโมง
"แต่เธอชื่ออะไรฉันยังไม่รู้เลย" อคิราห์เอ่ยขึ้นกลายๆ นี่เขาคุยกับเธอมาสองวันติดแล้วยังไม่รู้จักชื่อแม่ของลูก
"เมย์ค่ะ"
"อืม ฉันเรียกเธอว่าเมย์ก็แล้วกัน แล้วยัยหนูล่ะ" เขาเห็นเธอเรียกว่าน้องมายด์
"ชื่อน้องมายด์ค่ะ"
"แล้วชื่อจริง" ก็อยากรู้ชื่อจริงของลูกด้วย
"เมยาดาค่ะ"
"แล้วเธอล่ะ" แม่ของลูกก็สำคัญ
"..เมยาวีค่ะ"
อืมดี! ไม่มีอะไรคล้องจองกับชื่อของเขาเลยสักนิด ถ้ามีอีกคนนะ เขาไม่ยอมให้คล้องจองแต่กับชื่อแม่หรอก ให้คนอื่นมันสงสัยบ้างสิว่าชื่อแบบนี้คลับคล้ายคลับคลากับใคร ก็พ่อของมันไง!
อคิราห์มองคนที่เดินไปหยุดยืนอยู่ตรงหน้าตู้เย็นแล้วเอาน้ำดื่มออกมาเทใส่แก้วแล้วมายื่นให้เขา
ดี! นั่งมาตั้งนานเพิ่งได้กิน
"ขอโทษทีค่ะ" แล้วเมยาวีก็เก็บกวาดของต่อ แต่ไอ้ท่าก้มๆ เงยๆ ของเธอ กางเกงขาสั้นกับเสื้อสายเดี่ยวคอกว้าง ทำเอาคนที่กำลังกระดกน้ำขึ้นดื่มปรายตามอง ถ้าบอกว่าไม่เคยมีลูกมาก่อนเขาก็เชื่อ ไม่มีส่วนไหนที่จะเหมือนคนมีลูก
แล้วนี่ได้ให้นมลูกบ้างหรือเปล่าก็ไม่รู้ ไม่เห็นจะหย่อนยานเลย กลับกันยังเต่งตึงมากกว่าพวกผู้หญิงที่ยังไม่มีลูกไม่มีผัวอีก ถ้าเธอมาโกหกว่ามีน้องสาวหรือหลานเขายังเชื่อมากกว่า
แต่มันเป็นแบบนั้นไม่ได้แล้ว ในเมื่อเธอเป็นแม่ของลูกเขา จะมาเป็นพี่น้อง เป็นหลานอะไร แม่ของลูกก็คือแม่ของลูกไง คือคนที่มีผัวแล้ว!