EP 9 เสือผู้หญิง

1318 คำ
ผมล้วงเอาโทรศัพท์ออกมาอีกครั้งหลังจากแยกทางกับเจ๊บาร์บี้เรียบร้อย และเดินไปพิงราวกันตกของระเบียงข้างกล้องส่องทางไกลหยอดเหรียญ พร้อมกับยกโทรศัพท์ขึ้นแนบหู ฟังเสียงเพลงสากลรอสายอยู่จนมันตัดไป เฮียก็ยังไม่รับโทรศัพท์ “ทำอะไรอยู่วะ” ผมบ่นเบาๆ อย่างหงุดหงิด ก่อนกดโทรซ้ำ แล้วเงยหน้าขึ้นเห็นคนตัวบางที่ปล่อยผมยาวตรงสีดำขลับทิ้งตัวลงกลางแผ่นหลังยาวถึงสะโพก ทั้งยังตัดกรอบผมข้างหน้าปิดแก้ม และสวมหน้ากากแฟนซีอันโตเข้ากับชุดรุ่มร่ามประมาณอาร์ตตัวแม่และกำลังเดินอยู่ในห้างผ่านประตูกระจกใสที่ด้านในสว่างไปด้วยแสงสีเหลืองอมทอง นั่นมัน... ((ฮัลโหล)) “ปิ่นโต...” ((อะไรของแกตะเกียบ จะโทรสั่งข้าวกินแต่กดเบอร์ผิดรึไง -_- งั้นแค่นี้นะ ฉันไม่ว่าง)) “เฮ้ย! เฮีย เดี๋ยวก่อน!” เรียกไม่ทันจบเฮียก็กดวางสายไปเรียบร้อย ขณะที่ผมรีบเดินเร็วๆ เข้าไปในห้างและมองหาปิ่นโตพร้อมกับกดโทรออกเบอร์เดิมอีกครั้งเพื่อฟังระบบฝากข้อความอัตโนมัติเป็นสัญญาณว่าเฮียปิดเครื่องหนีไปแล้ว! ปัดโธ่โว้ย! “ปิ่นโต!” ผมตะโกนเรียก เมื่อเห็นหลังเธอไวๆ ตรงมุมทางเดินเข้าไปทางห้องน้ำ ก่อนเพิ่งนึกขึ้นได้ว่าเธอไม่ได้ยินเสียงนี่หว่า -_-; เลยเดินกึ่งวิ่งตามไปพบกับความว่างเปล่าของทางเดินแคบๆ ที่ทอดยาว ผมถอนหายใจเบาๆ ก่อนก้าวถอยหลังออกมายืนพิงกำแพงรอด้านนอก และกดโทรออกหากังฟู ((Sup dude!)) “อย่ามาตลก! มึงเปลี่ยนโหมดมาพูดไทยเดี๋ยวนี้เลยนะกังฟู -*- และบอกกูทีว่าเฮียเติ้ลยังอยู่กับมึงรึเปล่า” ((อยู่ มึงมีไร?)) “ขอกูคุยกับเฮียหน่อย” ((เฮียมึงไม่ว่าง เพิ่งเข้าไปอาบน้ำเมื่อกี้เอง)) “มึงว่าไงนะ!!!” ((ทำไมต้องตะคอกด้วยว้า! ก็เรื่องชิลๆ นี่หว่า มึงเองก็ทำออกบ่อยไป อ๊ะๆ หรือริจะเป็นน้องติดพี่ขึ้นมา จะว่าไปคืนนั้นตอนเห็นรูปเฮียมึง มึงก็กันท่ากูเหมือนกันนี่หว่าที่บอกว่าพี่เติ้ลเป็นผู้หญิงข้ามเพศน่ะ -*- เออ... หรือมึงจะพูดจริงแต่หมอสมัยนี้เก่งก็ไม่รู้นะ... กูชักสับสนกับตัวเองแล้วว่ะ ฮ่าๆ เฮ้ย! แค่นี้ก่อนนะ ประตูห้องน้ำแง้มอยู่อะ สงสัยกูมีธุระต้องเคลียร์กับเฮียมึงหน่อยละ... See ya!)) “ไอ้...!!!” ตู๊ด! ตู๊ด! ตู๊ด! เสียงสัญญาณโทรศัพท์ที่ตัดไปทำเอาผมใจหายวาบ ก่อนกดโทรออกอีกครั้งและคราวนี้ไม่ว่าโทรกี่สายกังฟูก็ไม่รับ! ผมถอนหายใจแรงๆ ก่อนเก็บโทรศัพท์ลงกระเป๋ากางเกงอย่างกังวลใจ ทำไมต้องเป็นกังฟูด้วยวะ... ใครๆ ก็รู้ทั้งนั้นว่ามันเป็นเสือผู้หญิงตัวฉกาจ! เฮียของผมถึงจะชอบโอ๋หมา ด่าน้อง แต่สำหรับเรื่องความรัก เฮียเติ้ลมีประสบการณ์เท่ากับศูนย์เลยนะ! จะไปตามคนกะล่อนแบบกังฟูทันได้ยังไง!! รอปิ่นโตอยู่นานกว่าเธอจะเดินออกมาทำท่าประหลาดใจที่เห็นผม... ทั้งที่ทีแรกผมดีใจมากเลยนะที่บังเอิญมาเจอเธอที่นี่ แต่เรื่องของเฮียกับกังฟูกลับทำให้ผมยิ้มไม่ออกเอาซะเลย ผมยืนพิงกำแพงนิ่ง ถอนหายใจเบาๆ ขณะที่เธอยืนเอียงคอมองอย่างสงสัย อ่า น่ารักแฮะ... ผมยิ้มจาง ด้วยความรู้สึกราวสิ่งที่อัดแน่นในอกข้างซ้ายมันทุเลาเบาไปได้ด้วยสีหน้าไร้เดียงสาของเธอ ก่อนยกมือขึ้นวาดในอากาศถาม ‘คุณมาทำอะไรที่นี่น่ะ?’ ‘มาเที่ยว’ ปิ่นโตยกมือขึ้นสะบัดตอบสั้นๆ ‘มาคนเดียวเหรอ?’ ‘ใช่’ ‘ตอนนี้ว่างรึเปล่า?’ ปิ่นโตพยักหน้าหงึกๆ ‘งั้นไปเดินเล่นกับผมนะ ^ ^’ พอยื่นมือออกไปข้างหน้า ปิ่นโตก็ดูลังเลใจนิดหนึ่งก่อนค่อยวางมือเล็กๆ ลงบนมือผมอย่างกลัวๆ กล้าๆ อาจเพราะตั้งแต่เราเริ่มออกเที่ยวด้วยกันมา ผมไม่เคยขอจับมือหรือถือวิสาสะล่วงเกินเธอมาก่อนแบบที่งงตัวเองอยู่เหมือนกันว่าทำไมปล่อยเธอมาได้นานขนาดนี้ -_-; แต่ก็อาจอย่างที่ผมเคยบอก... บางทีผมก็รู้สึกว่าเธอ ‘ใช่’ พวกเราพากันเดินไปตาม Waking street ของพัทยาใต้ที่หลากหลายไปด้วยร้านค้าและสถานบันเทิงมากมายให้คนกลางคืนเลือกเข้าไปเที่ยวตามอัธยาศัย จะว่าไปมีบาร์เปิดใหม่เยอะเลยนะเนี่ย ผมมาที่นี่ครั้งสุดท้ายกับพวกกังฟูก็สองสามปีมาแล้วมั้ง? หลังจากนั้นผมก็เริ่มรับงานถ่ายแบบเลยไม่มีเวลาออกนอกกรุงเทพฯ ถ้าไม่ใช่เรื่องงาน พอนึกถึงกังฟูก็อดเป็นห่วงเฮียอีกไม่ได้... เฮ้อ! เอาน่า ผมไม่ใช่พ่อเฮียซะหน่อยถึงจะห่วงตามประสายังไงก็เถอะ เฮียโตแล้ว... คิดเองได้ว่าอะไรดีไม่ดี แล้วเฮียก็ดูแลผมมาตลอดนับแต่หกปีก่อนที่พวกเราเสียพ่อกับแม่แป๋วไป ถ้าเฮียจะหาความสุขให้ตัวเองบ้าง ผมจะใช้สิทธิ์อะไรห้ามไม่ให้เฮียทำแบบนั้นแบบนี้ล่ะ? ทั้งที่ตัวผมเองก็ไม่ใช่คนดีอะไร... ส่วนกังฟู ต่อให้มันคั่วผู้หญิงมามากเท่าไหร่ก็คงไม่ทำให้เฮียเสียใจหรอก เพราะเฮียเป็นพี่คนเดียวของเพื่อนสนิทมันนะ! แล้วเฮียเองก็เป็นคนที่มีบุคลิกน่าเกรงขามอยู่แล้ว กังฟูมันต้องเกรงเฮียผมบ้างอะไรบ้างเหมือนที่ผมกับพวกเด็กในซอยบ้านเก่าถึงกับสถาปนาให้เฮียเป็นขาใหญ่นั่นไง พอๆ! พอได้แล้วไอ้ต๊ะ... มีอะไรสงสัยเดี๋ยวค่อยไปถามเฮียที่บ้านดีกว่า นานๆ จะได้เจอปิ่นโตซักทีอย่าทำมัวแต่คิดเรื่องชาวบ้านสิวะ เสียบรรยากาศหมด -*- พอดึงสติตัวเองกลับมาอยู่กับปัจจุบันที่กำลังจูงมือปิ่นโตอยู่ได้ ก็เหมือนเวลามันไหลไปข้างหน้ารวดเร็วจนตามแทบไม่ทัน รู้สึกตัวอีกทีก็เกือบตีหนึ่งแล้ว และคนตัวเล็กที่วิ่งไปดูของทางนั้นที วิ่งกลับมาดูโชว์ข้างถนนทางนี้ที ท่าทางสดใส ก็เริ่มเดินเหมือนลากขานิดๆ ซ้ำยังหาวหวอดเป็นระยะ ‘ง่วงแล้วเหรอ’ ผมถามด้วยภาษามืออย่างเคย และเธอก็พยักหน้าตอบ ‘คุณพักที่ไหน?’ ปิ่นโตเงยหน้ามองผม ก่อนส่ายหน้าเบาๆ แล้วยกมือขึ้นวาดในอากาศแปลได้เป็นข้อความที่ทำเอาผมอ้าปากน้อยๆ อย่างไม่อยากจะเชื่อ ผมไม่ได้แปลผิดใช่มั้ย? ที่ปิ่นโตบอกผมว่า... ‘ขอไปพักกับคุณด้วยคนสิ’ ผมพาเธอกลับมาที่โรงแรมที่พักแบบงงๆ กับชีวิตไม่หาย โดยที่ปิ่นโตเองก็ไม่ได้มีอะไรติดตัวมามากมายนอกจากกระเป๋าย่ามแบบเข้ากับชุดที่เธอใส่ซึ่งผมเห็นเธอสะพายมาแต่แรก พอเข้ามาในห้องได้ปิ่นโตก็ตรงดิ่งไปที่หน้าต่างกระจกใสริมระเบียงที่พอเปิดม่านออกจะเห็นแสงสีระยับของเมืองที่ไม่เคยหลับแบบพัทยา ‘ไปอาบน้ำสิ’ พอปิ่นโตหันกลับมาสะบัดมือบอกด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม ผมก็ชี้มือเข้ามาตัวเองแบบสติสตังไม่ค่อยอยู่กับเนื้อกับตัวเท่าไหร่ และสาวน้อยข้างหน้าต่างก็พยักหน้าหงึกหงักก่อนหันไปมองวิวด้านนอกต่อ ปล่อยให้ผมเข้าไปอาบน้ำชำระล้างร่างกายด้วยความรู้สึกตื่นเต้นยังไงชอบกล แปลกคนจริงไอ้ต๊ะ! ทำเหมือนพวกไก่อ่อนไปได้... ทั้งที่ไม่ใช่ครั้งแรกซักหน่อย!
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม