ตอนที่1

3245 คำ
     ในห้องส่งของสถานีที่เตรียมเผยโฉมหน้าผู้เข้าแข่งขันที่ผ่านขั้นตอนคัดสรร จากคณะกรรมการของรายการ (เกมส์รอดชีวิตพิชิตเงินล้าน)พิธีกรกำลังชี้แจงหลักการคัดตัวของผู้ที่ผ่านการคัดเลือก ผู้ที่ผ่านการคัดเลือกนั้นถูกทดสอบให้ใช้ทักษะการเอาตัวรอดแบบคนป่า โดยต้องผ่านปัจจัยสำคัญ ในการมีชีวิตรอดในป่าโดยที่ไม่มีอะไรเป็นตัวช่วยแบบสมัยใหม่ ดังนี้ 1.คุณต้องสามารถก่อไฟได้โดยไม่พึ่งไฟแชคหรือไม้ขีดไฟ 2.คุณต้องสามารถหาอาหารยังชีพได้ด้วยความสามารถของตัวเอง 3.คุณต้องหาแหล่งน้ำหรือวิธีการทำน้ำจืดเพื่อประทังชีวิตรอดเมื่อคุณต้องติดในเกาะร้างกลางทะเล 4.ทุกคนต้องผ่านการตรวจสุขภาพและมีใบรับรองจากแพทย์ที่เชื่อถือได้ว่ามีสุขภาพร่างกายที่แข็งแรงไม่มีโรคประจำตัวที่อาจจะส่งผลต่อการแข่งขันและความเสี่ยงต่อชีวิต 5.ได้รับการทดสอบด้วยการปีนหน้าผาจำลอง (จำเป็นในเกมส์ที่คุณต้องติดเกาะด้วยสภาพภูมิศาสตร์ที่มีทั้งช่องเขาและหน้าผาสูงชัน) 6.ต้องสามารถทำอาหารกินเองได้ด้วยทักษะส่วนตัวคุณเพื่อความอยู่รอด "และตอนนี้ผู้ที่ผ่านการทดสอบจำนวนสิบท่านก็อยู่ในห้องส่งแล้วเรียบร้อย ซึ่งผมบอกเลยว่าอดที่จะตื่นเต้นไปกับภารกิจของพวกเธอไม่ได้ และที่สำคัญมันเป็นอะไรที่ทำให้ผมต้องทึ่งกับความสามารถของพวกเธอจริง ๆเพราะดูรูปร่างหน้าตาแต่ละคนนี่ก็ไม่ได้ใหญ่โตบึกบึนเหมือนทีมชายเลย" พิธีกรชายกล่าวขึ้นพร้อมกับมองกลุ่มสาว ๆ ทั้งสิบที่ผ่านการคัดเลือก "และที่ผมอึ้งมากคือในทีมที่ผ่านเข้ามามี ทั้งดาราและนางแบบด้วยและอีกคนแม้ จะเป็นอดีตนักกีฬาทีมชาติผมก็ยังทึ่งที่เธอผ่านการคัดเลือกของรายการเรามาได้ อยากจะบอกว่าทีมหญิงแกร่งของเราแต่ละท่านไม่ธรรมดากันเลยทีเดียว ก่อนจะให้สาว ๆ แนะนำตัว เดี๋ยวทางทีมงานจะให้ท่านผู้ชมได้ชมวีดีโอ ขั้นตอนการคัดเลือกที่สาว ๆสามารถผ่านด่านมาได้นะครับ" เมื่อพิธีกรประจำรายการกล่าวจบ ก็ตัดภาพไปยังจอแสดงวีดีโอเป็นเวลาเกือบสิบนาที และเสียงปรบมือชื่นชมในความสามารถของสาว ๆ ก็ดังขึ้นเมื่อวีดีโอจบลง "คราวนี้เราจะมาทำความรู้จักกันกับผู้เข้าแข่งขันทั้ง10 ท่านกัน ขอเชิญท่านแรกแนะนำตัวเลยครับ" "ฉัน กิ่งกานต์  เป็นแพทย์ทหารค่ะ" "ฉัน กรนันท์  ทำธุรกิจส่วนตัวค่ะ" "ฉัน ณัฐพัช  ปัจจุบันค้าขายค่ะ" "ฉัน เรวิกา อาชีพนางแบบค่ะ" "ฉัน กัณภัค  อาชีพรับจ้างทั่วไปค่ะ" "ฉัน มณนิชา รับจ้างเหมือนกันค่ะ" "ชาลิศาค่ะ นักแสดง ช่วงนี้ว่างงานเลยมารับจ๊อบค่ะ" ฮาเสียงปรบมือปนเสียงขำขันมุขตลกของนางร้ายคนสวย "ฉัน นรากร นักแข่งรถค่ะ" "ฉัน อัญญาวี  นักสำรวจธรณีวิทยาค่ะ" "ฉัน เนย่า  นางแบบค่ะ" "เอาละครับพวกเราก็ได้รู้จักชื่อหน้าตาและอาชีพของพวกเธอทั้งสิบคนไปแล้ว เป็นยังไงครับแต่ละคนไม่ธรรมดาจริง ๆ ผมว่าเกมส์เอาตัวรอดในเกาะร้างครั้งนี้ ดูจากความสามารถของพวกเธอที่ผ่านการคัดเลือกมาได้นี่ ไม่น่าจะมีปัญหาในการใช้ชีวิตที่เกาะเพียง 7 วันนะครับ" หนุ่มพิธีกรเอ่ยเย้าออกไป พร้อมกับยิ้มให้ผู้เข้าแข่งขัน "และเท่าที่ผมรู้มาบางคนก็รู้จักและเป็นเพื่อนกันอยู่แล้วด้วยอย่างคุณ เนย่ากับคุณเรวิกา พวกเราน่าจะพอรู้จักพวกเธอบ้างนะครับ  ส่วนอีกสองสาวคือ คุณกัณภัคกับคุณมณนิชา นี่ก็บอกว่าเป็นรุ่นพี่รุ่นน้องที่สนิทกันอยู่แล้ว แหมเหมือนจับมือแทคทีมกันเข้ามาเลยนะครับ คราวนี้เราจะให้จับสลากคู่บัดดี้กันนะครับ ขอ 5 คนที่จะเป็นผู้จับครับเชิญออกมาเลยครับ" สาว ๆ พากันมองซ้ายขวาส่งยิ้มว่าใครจะเป็นคนจับก่อน มาถึงจุดนี้แต่ละคนก็พอจะรู้จักกันบ้างแล้ว "อ้าวเชิญเลยครับใครจะยอมเป็นผู้ถูกเลือกก็ให้ยืนรอ ใครจะเป็นคนเลือกคู่ให้เดินออกมาครับ คนแรกมาแล้วครับ อดีตนักกีฬาของเราครับ คนต่อมา คุณหมอ ใครอีกครับ อ้าว สองสาวพี่น้องคนสนิท คนสุดท้ายใครครับ โอเค คุณไนซ์นักแข่งรถสาวสวยอีกคนครับ คราวนี้เรามาลุ้นใครจะได้คู่ใครนะครับ เดี๋ยวรอเจ้าหน้าที่เขียนชื่อผู้ถูกเลือกสักครู่นะครับ จะว่าไป ผมไม่ได้เล่นเกมแต่ผมก็ตื่นเต้นเหมือนกันนะ" คำกล่าวของพิธีกรอารมณ์ดีเรียกเสียงฮาได้อีกรอบ "พร้อมแล้วครับเชิญคนแรกจับครับ คุณณัฐพัช จับคู่กับใครเอ่ย คุณกรนันท์ครับนักธุกิจเจ้าของรีสอร์ทนี่เอง คนต่อไปคุณหมอเชิญจับครับ คุณหมอกิ่งจับได้คู่คุณอัญนักสำรวจธรณีครับ ต่อไปเชิญคุณกัณภัคเลือกคู่ครับ" หญิงสาวร่างสูงใบหน้าสวยคม แม้จะไม่ได้สวยมากมายเหมือนดารา แต่ใบหน้าเรียวกับดวงตาสีนิลแววระยับบวกผิวสีน้ำผึ้ง และหุ่นที่หากบอกว่าเป็นนางแบบอีกคนก็คงจะมีคนเชื่อ กัณภัคล้วงมือลงไปหยิบม้วนกระดาษใบเล็กในกล่องก่อนจะยื่นให้พิธีกรอ่าน "คุณกัณภัคจับได้คู่คุณเรวิกาครับ" กัณภัคหันไปมองหญิงสาวที่ส่งยิ้มมาบาง ๆ เธอยกยิ้มตอบก่อนจะเดินกลับไปยืนข้าง ๆ กัน "เหลือสองคู่สุดท้ายหนึ่งนางร้ายกับหนึ่งนางแบบจะคู่กับใคร เชิญสาวน้อยประจำทีมจับฉลากเลยครับ" มณนิชาฉีกยิ้มสดใสให้ผู้ชมในห้องส่ง ใบหน้าน่ารักที่ดูจะมีเสน่ห์ตรงลักยิ้มสองข้างแก้ม เวลาที่เจ้าตัวแจกยิ้มนี่แหละ แววตาซุกซนทะเล้นหน่อย ๆ ทำให้คนเห็นอดยิ้มเอ็นดูไม่ได้ "น้องเล็กของเราจับได้ คุณแบม ๆนางร้ายคนสวยครับผม  เอาละครับคุณนักแข่งสาวคงไม่ต้องจับแล้วเพราะเหลือคุณเนย่านางแบบหุ่นดีคนเดียว " นรากรยิ้มขำกับคำพูดพิธีกรก่อนจะเดินไปยืนข้างสาวลูกเสี้ยว ใบหน้าสวยที่ส่งยิ้มตอบกลับมา ทำให้หัวใจคนมองเต้นรัวขึ้นอย่างห้ามไม่อยู่ "การจับคู่บัดดี้จะไม่มีคะแนนพิเศษอะไรนะครับ แต่เราแค่อยากให้แต่ละคนช่วยเหลือดูแลกันได้มากขึ้นเท่านั้นเองเดี๋ยวจากนี้ผมจะแจ้งสัมภาระสิ่งของที่ผู้แข่งขันสามารถนำติดตัวไปได้นะครับ" พิธีกรหนุ่มเตรียมอ่านรายละเอียดสิ่งจำเป็น ที่ผู้แข่งขันจะสามารถนำไปได้ "เสื้อผ้าสำหรับใส่ให้เพียงพอจำนวน 7 วัน ของใช้จำเป็นพื้นฐานที่ทางรายการอนุโลมให้ใช้ได้คือ ยาสีฟันยาสระผม และเพื่อไม่ให้ดูใจร้ายสำหรับสาว ๆ เกินไปเนื่องจากเราไปอยู่กลางป่า แน่นอนพวกยุงแมลงทั้งหลายต้องมีให้นำยาทากันยุงไปได้ด้วย" ชายหนุ่มเหล่มองสาว ๆ ก่อนจะยิ้ม "เพราะหากเกิดผู้แข่งขันป่วยเป็นไข้เลือดออกทางทีมงานคงโดนผู้ชมประนามแน่ ๆ ส่วนนอกเหนือจากนั้นหากเกิดเหตุสุดวิสัยทางทีมงานมีแพทย์พร้อมอุปกรณ์รักษาเบื้องต้นเตรียมรับมืออยู่แล้วครับ อันนี้ไม่ต้องห่วงและหากเกิดเหตุที่รุนแรงจนเป็นอันตรายทีมงานก็พร้อมเคลื่อนย้ายด้วยเฮลิคอปเตอร์ทันที" การแข่งขันแบบนี้ ทางรายการต้องรอบคอบและเตรียมพร้อม เพื่อให้ผู้แข่งขันได้รับความปลอดภัยด้วย "และรายการนี้มันคือเกมแสดงถึงความสามารถในการเอาตัวรอด ทางรายการก็ไม่ใจร้ายขนาดจะไม่ให้อุปกรณ์อะไรติดตัวเลย เรายังใจดีอยู่ครับท่านผู้ชม โดยทางรายการจะให้มีดไปสองเล่ม และหม้อสำหรับใช้ปรุงอาหารได้ แต่เราห้ามไม่ให้นำเครื่องปรุงทุกชนิดไปนะครับผู้แข่งขันต้องไปเลือกสรรจากธรรมชาติกันเอาเอง" สาว ๆ ที่ตั้งใจฟังก็พากันถอนหายใจเหมือนโล่งอก ยังดีที่มีอุปกรณ์ช่วยทำอาหาร  "และสุดท้ายอันนี้คงสำคัญมาก ทีมงานจะสร้างสุขาหรือห้องน้ำชั่วคราวให้ครับ เพราะถ้าจะให้ลำบากเหมือนทีมชายไม่มีห้องสุขาให้ก็ดูจะโหดเกินไปนะครับ ทางรายการก็เลยอนุโลมให้ในจุดนี้ ส่วนน้ำจืดที่จะอาบ ก็คงให้ผู้แข่งขันใช้ความสามารถหากันเอาเองนะครับ หรือจะอาบแต่น้ำทะเลหรือไม่อาบกันเลยทั้งเจ็ดวัน อันนี้ก็ไม่ผิดกติกาครับ" เสียงหัวเราะขัน เมื่อพิธีกรเอ่ยแซว   "เราจะออกเดินทางไปจังหวัดกระบี่ในเช้าวันอาทิตย์ และจะข้ามไปเกาะในวันนั้นเลย เช้าวันจันทร์เราจะเริ่มถ่ายทำและไปสิ้นสุดในวันอาทิตย์ เพราะฉะนั้นผู้ร่วมแข่งขันทุกท่าน มีเวลาเตรียมตัวเตรียมร่างกายอีกเพียงสองวันเท่านั้น ขอให้ทุกท่านโชคดีและผ่านทุกอย่างไปได้ ด้วยความช่วยเหลือสามัคคีกันนะครับ"     หลังจากอัดรายการเรียบร้อยสาว ๆ ทั้งสิบคนก็เข้ามาประชุมกับทีมงาน ที่จะร่วมเดินทางไปถ่ายรายการในครั้งนี้ หัวหน้าทีมกำลังชี้แจงรายละเอียดให้ผู้ร่วมแข่งขันได้ทราบ ถึงกฏระเบียบที่ต้องปฏิบัติ "เกาะที่เราจะไปเป็นเกาะขนาดกลางเนื้อที่ประมาณ12 ตร.กม. สภาพภูมิศาสตร์จะมีทั้งที่ราบเป็นชายหาดและช่องเขาหินผาสูงชันบางจุด เจ้าหน้าที่จะพาเราไปลงเรือในจุดที่เป็นหาดทรายตรงนี้นะครับ" หัวหน้าทีมชี้ไปยังจอสไลด์แผนที่ถ่ายจากดาวเทียมให้ดู "แล้วเกาะนี้มีสัตว์ใหญ่หรือเปล่าคะ หมายถึงพวกเสืออะไรแบบนี้ค่ะ" เนย่ายิงคำถามให้เอกพลหัวหน้าทีมงาน และทุกคนในห้องอดขำไม่ได้ "เท่าที่สอบถามจากเจ้าหน้าที่มา ไม่มีนะครับคุณเนย่า และที่เราได้ข้อมูลมาคือในเกาะนี้จะไม่มีพวกสัตว์ใหญ่และพวกสัตว์สงวนตามพระราชบัญญัติครับ" "เฮ้อ โล่งอก นึกว่าจะต้องหนีเสือไปเจอะปลาฉลามซะอีกค่ะ" ฮ่า ๆ ไม่คิดว่าสาวสวยนางแบบจะเป็นคนอารมณ์ขันแบบนี้ "คุณเอกพลช่วยขยายภาพในจออีกได้มั้ยคะ ขอดูอะไรเพิ่มหน่อยค่ะ" อัญญาวีบอกกับหนุ่มร่างใหญ่ "ได้ครับคุณอัญ" เมื่อภาพเกาะถูกขยายจนขนาดภาพแตกเบลอ อัญญาวียกยิ้มมุมปากอย่างนึกพอใจ เมื่อบางอย่างที่เห็นในภาพมันคือตัวช่วยชีวิตอีกอย่าง เธอรีบวาดภาพรูปร่างของเกาะลงในสมุดโน๊ตทันที "โอเค ขอบคุณค่ะ" "ใครมีคำถามอะไรเพิ่มเติมอีกมั้ยครับ เราจะได้จบการประชุมกัน" "ขอถามอีกเรื่องค่ะ" "ครับคุณกรนันท์จะถามอะไรเชิญครับ" "นอกจากพวกสัตว์บางชนิดที่ห้ามจับ แล้วพวกพืชหรือต้นไม้นี่มีห้ามด้วยหรือเปล่าคะ" "ต้นไม้หมายถึงการที่ คุณกรนันท์จะตัดต้นไม้มาทำที่พักแบบนี้หรือเปล่าครับ ถ้าเป็นต้นไม้ขนาดเล็กก็ไม่มีปัญหาครับเราทำเรื่องขออนุญาตไปแล้ว มีคำถามอื่นเพิ่มมั้ยครับ ถ้าไม่มีเราจบการประชุมเลยนะครับให้ทุกท่านกลับไปเตรียมตัว พบกันที่สนามบินเช้าวันอาทิตย์ครับ" เมื่อผู้เข้าแข่งขันรับทราบข้อมูลสำคัญและเข้าใจกติกาในการแข่งขัน เอกพลจึงได้ปิดการประชุมไป "เดี๋ยวขอใช้ห้องต่ออีกสักครึ่งชั่วโมงได้มั้ยคะ ขอประชุมกับผู้แข่งขันทุกคนก่อนค่ะ พวกเราอยู่ก่อนนะคะพี่ขอคุยอะไรนิดนึง" อัญญาวีบอกกับเพื่อนร่วมทีมและทุกคนก็พร้อมกันพยักหน้ารับรู้ "ได้ครับเชิญตามสบายเลย" หลังจากทีมงานของรายการออกจากห้องไปหมดเหลือเพียงผู้เข้าแข่งขัน อัญญาวีก็มองหน้าทุกคนที่เกือบทั้งหมดนั้นอายุอ่อนกว่าเธอ ยกเว้นหมอกิ่งกานต์ที่อายุเท่ากัน นักสำรวจธรณียิ้มให้ทุกคน "เมื่อกี้ใครสังเกตุเห็นอะไรในภาพ ที่ถูกขยายมั้ยคะ" "อะไรเหรอพี่ ม่อนเห็นแต่สีเขียวสีน้ำตาลกับสีน้ำทะเลอ่ะ" มณนิชาโพร่งขึ้นพร้อมทำหน้ายุ่ง ก็เธอมองไม่ออกจริง ๆ นิ "นั่นสิคะพี่อัญเห็นอะไรเหรอคะ" ชาลิศาถามขึ้นมาบ้างและก็แอบหวังว่าน่าจะเป็นอะไรดี ๆ ไม่งั้นสาวรุ่นพี่คงไม่อมยิ้มแบบนี้แน่ "พี่เห็นต้นมะพร้าวค่ะ" "ว้าว! จริงเหรอคะ" เสียงร้องตื่นเต้นดีใจจากทุกคน ทำให้อัญญาวีพยักหน้ายิ้ม ๆ "แต่จุดที่พี่เห็นมันเป็นอีกฝั่งที่ไม่ใช่จุดที่เราจะลงเรือนะคะ  เพราะฉะนั้นถ้าเราไปถึงเกาะคงต้องสำรวจเส้นทางเพื่อข้ามไปฝั่งนั้นให้ได้ เพราะถ้ามีต้นมะพร้าว มันคงมีลูกพอให้เราได้กินน้ำมะพร้าวแทนน้ำจืดไปได้ หากว่าเราโชคร้ายไม่เจอแหล่งน้ำจืดในเกาะนะ" "แค่นี้ก็ถือว่าเป็นเรื่องดีอย่างหนึ่งแล้วนะคะ อย่างน้อยก็มีน้ำมะพร้าวประทังชีวิตได้ ถ้าไม่มีน้ำจืดเราคงต้องใช้วิธีกลั่นน้ำทะเลแทน" กัณภัคเอ่ยเสริมให้ทุกคนพยักหน้าเห็นด้วย "อีกทางหนึ่งถ้าหากเกาะนั้นมีเถาวัลย์น้ำหรือเครือเขาน้ำ เราก็ยังมีน้ำจืดพอประทังความหิวได้อีกทางนะคะ" เรวิกาเสนอขึ้นบ้าง เพราะเธอเป็นลูกนายทหารถูกฝึกสอนเรื่องพวกนี้มาบ้าง เพราะชอบผจญภัยจำเป็นต้องศึกษาสิ่งที่มีในธรรมชาติให้เป็นประโยชน์มากที่สุด  การเอาตัวรอดถ้ารู้จักปัจจัยสำคัญในการดำรงชีพมันก็ไม่ใช่เรื่องยากเท่าไหร คนเราแค่มีน้ำกับอาหารให้กินก็มีชีวิตรอดได้แล้ว "ติดเกาะครั้งนี้หวังว่าพวกเราจะไม่โชคร้ายกันเกินไปนะคะ" กิ่งกานต์เปรยขึ้นมาพร้อมรอยยิ้ม "นัฐว่าพวกเราคงเอาตัวรอดได้นะคะพี่หมอ ถ้าดูความสามารถของพวกเราแต่ละคน อย่างน้อยตอนนี้เรารู้ว่ามีมะพร้าวบนเกาะ คราวนี้ในทะเลคงจะพอมีอะไรให้เราจับมาเป็นอาหารกันบ้างแหละ 7 วันนี้ถือว่าเข้าคอร์สลดหุ่นก็แล้วกันนะทุกคน อิ่มบ้างอดบ้าง" ณัฐพัชกล่าวกลั้วขำ เมื่อนึกถึงหุ่นแต่ละคนก็รู้แล้วว่าไม่จำเป็นจะต้องเข้าคอร์สอย่างว่าเลย "ม่อนอยากกินกุ้งล๊อบสเตอร์อ่า แถวนั้นมันจะมีให้จับมั้ย" น้องเล็กของทีมเอ่ยขึ้นมา เรียกรอยยิ้มขำจากพี่ ๆ "นี่ ถ้าเธอไม่ได้กินจากเกาะ กลับมาเดี๋ยวฉันพาไปกินก็ได้ แต่พวกเราต้องชนะเกมนะ" ชาลิศาบอกกับคู่บัดดี้ที่อายุห่างเธอสามปี "อา จริงเหรอเจ๊ " "นี่ ฉันบอกว่าอย่าเรียกเจ๊ฉันยังไม่แก่นะ เรียกพี่เหมือนคนอื่นเขาไม่ได้หรือไงฮึ "ไมอ่ะ ก็เค้าอยากเรียกเจ๊ ความหมายก็พี่เหมือนกันแหละ" ดู ๆ จะไม่ให้โมโหได้ยังไง ตั้งแต่คัดเลือกผ่านเข้ามาและได้รู้จักชื่อกัน เจ้าเด็กนี่เรียกคนอื่นในทีมว่าพี่หมดยกเว้นเธอ ฮ่า ๆ "เอาน่าแบม อย่างที่น้องมันบอกแหละ ความหมายเจ๊ก็แปลว่าพี่เหมือนกันไม่ได้หมายถึงแก่หรอก น้องมันเรียกต่างจากคนอื่นแสดงว่าแบมพิเศษกว่าคนอื่นไงใช่มั้ยม่อน" นรากรที่นั่งฝั่งตรงข้ามกับคู่กัดบัดดี้เอ่ยขัดตาทัพ ทั้งขำไปด้วย สองคนนี้น่าจะทำให้เกาะร้างไม่เงียบเหงา "ช่ายเลย พี่ไนซ์พูดถูก เพราะเจ๊อ่ะเป็นบัดดี้เค้าเลยต้องเรียกพิเศษกว่าคนอื่นไง เจ๊ควรภูมิใจนะ" "สรุป ฉันควรภูมิใจใช่มั้ยเนี่ย" แทนคำตอบของทุกคนนั่นคือเสียงหัวเราะเบา ๆ ก่อนที่จะได้แยกย้ายกันเพื่อไปเตรียมตัว สำหรับภารกิจติดเกาะในอีกสองวันข้างหน้า โอ้ทะเลแสนงาม  ฟ้าสีครามสดใส ไม่เห็นมีเรือใบ ลอยอยู่ในทะเล ชาลิศามองไปยังเจ้าเด็กตัวสูง ที่ไปยืนทำท่าเกาะหัวเรือเป็นนางเอกในภาพยนต์ชื่อดัง แล้วไอ้ท่าเอาแขนชูขึ้นส่ายโยกซ้ายขวาไปมา แหกปากร้องเพลงแข่งกับเสียงเครื่องยนต์ที่กำลังมุ่งหน้าไปสู่เกาะกลางทะเล นี่มันเด็กน้อยจริง ๆ 24 หรือสี่ขวบกัน จะว่ามันน่าเอ็นดูกับความเริงร่าเกินเหตุก็ใช่ แต่เห็นแล้วอดหมั่นไส้ไม่ได้เหมือนกัน ส่วนคนอื่นก็ได้แต่อมยิ้มขำตาม ๆ กัน "ดูรุ่นน้องคุณนี่เป็นคนอารมณ์ดีจังเลยนะคะ ตั้งแต่รู้จักกันมาเกือบเดือน เจอกันฉันยังไม่เห็นม่อนเขามีอารมณ์อื่นเลย" เรวิกาที่นั่งข้าง ๆ กัณภัคเปรยขึ้นมาพลางยิ้มขำ เมื่อเห็นนางร้ายอย่างชาลิศา โดนมณณิชาลากไปยืนกางแขนท้าลมอยู่หัวเรือด้วยกัน "ม่อนมันเป็นคนอารมณ์ดีแบบนี้แหละค่ะ รู้จักกันมาตั้งแต่เด็กมันก็บ้า ๆ บอ ๆ ทะลึ่งทะเล้นแบบนี้ สงสัยจะได้เชื้อลุงอ่ำพ่อของม่อนน่ะ แกเคยเป็นตลกประจำคณะหมอลำมาก่อนสมัยหนุ่ม ความรั่วความฮาอารมณ์ดีคงตกทอดมาสู่ลูกมั้ง" กัณภัคเล่าออกมาพร้อมรอยยิ้ม เมื่อนึกถึงครอบครัวที่เธอนับถือเสมือนญาติผู้ใหญ่ เพราะตั้งแต่พ่อแม่เธอจากไปด้วยอุบัติเหตุตอนที่เธอยังเรียนอยู่มัธยมห้า คนที่คอยดูแลใกล้ชิดก็มีเพียงครอบครัวนี้ เพราะญาติโดยตรงของเธอพวกเขาก็มีครอบครัวและอยู่ต่างถิ่นต่างที่กัน นาน ๆ ถึงจะมีใครติดต่อถามข่าวคราวเธอมาบ้าง  โชคดีที่พ่อกับแม่รับราชการครูเมื่อท่านจากไปด้วยอุบัติเหตุ เงินช่วยเหลือจากหน่วยงานและเงินประกันชีวิตที่ท่านทำไว้ ถึงได้ทำให้เธอมีทุนเรียนจนจบมหาลัยมาได้ "จะว่าไปถ้าฉันไม่ได้ครอบครัวเจ้าม่อนมาเป็นเหมือนเสาหลักที่สองของฉัน ฉันก็ไม่รู้เหมือนกัน ว่าจะผ่านช่วงเวลาของความสูญเสียในตอนนั้นมาได้แบบไหน บางครั้งฉันแอบร้องไห้ ก็มีไอ้ป่วนนี่แหละที่มาคอยแหย่คอยแกล้งให้ยิ้มและหัวเราะได้น่ะ" เรวิกาพยักหน้า เพราะเธอพอรู้ข้อมูลของบัดดี้ตัวเองมาว่ากัณภัคเสียครอบครัวไปเพราะอุบัติเหตุ และเรื่องนี้เคยเป็นข่าวดังเมื่อหลายปีก่อน เพราะรถตู้ที่พาเหล่าคณะอาจารย์ไปอบรมเกิดเหตุยางแตก ไถลลงไหล่เขาเสียชีวิตเกือบทั้งคันรถ คนที่รอดชีวิตมาได้ถือว่าดวงยังไม่ถึงฆาตจริง ๆ
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม