Chapter.8 อรุณรดา กับเวลาสองเดือน
“กล้าออกไปทั้งที่สภาพกระโปรงเปื้อนน้ำเมือกน้ำอะไรแบบนี้จริงๆหรือ?”
ประโยคถามจากเขายิ่งเพิ่มยางอายให้เธอจนชะงักมือที่กำลังถือแป้งพัฟ แต่เพียงแค่สามวินาทีเท่านั้นแหละเธอก็รีบเติมหน้าทาปากต่อทำเหมือนกับว่าเสียงของเขาไม่มีผลกับเธอ เธอยังคงนั่งพับเพียบบนพื้น สวมเสื้อผ้ายับย่น ใช้มือสางผมเป็นขั้นตอนสุดท้าย รวบมันขึ้นปล่อยเป็นหางม้าก่อนเดินไปสวมรองเท้าที่อยู่คนละทิศ
“ฟู่ว”
เธอสูดลมหายใจเข้าปอดลึกสุดก่อนก้าวเท้าเดินออกไป
“เดี๋ยว” มาร์ตินรีบก้าวท้าวไปคว้าแขนเธอไว้
“จะไปสภาพนี้น่ะหรือ?”
“พอเถอะค่ะ อย่ามายุ่งกับฉันเลย” เธอพนมมือไหว้อย่างยอมแพ้ กับน้ำเสียงที่ดูเหนื่อยอ่อนไร้แรงจะปะทะคารมทำเอาเขาเผลอไผลคลายมือออก
ขณะที่เธอจะเข้าใกล้ประตูไปมากกว่านี้ เขารีบโพล่งข้อเสนออกมาเพื่อรั้งให้อยู่ต่อ
“ถ้าออกไป รับรองเธอและเพื่อนเธอซวยแน่”
เธอหยุดฝีเท้า หันกลับไปมองเขาอย่างเอาเรื่อง
“ทำไม”
“ก็จะถูกทางโรงแรมส่งหนังสือไปทางมหาลัยแจ้งว่าเธอและเพื่อนมีพฤติกรรมไม่เหมาะสมตั้งแต่วันสัมภาษณ์เลยน่ะสิ”
“ฉันและเพื่อนไม่ได้ทำอะไรผิด”
“แต่เธอผิด” เขาอวดมือถือซึ่งมีภาพเธอตอนนั่งเปลือยบนพื้น “และเพื่อนก็พลอยซวยไปด้วย”
“สารเลว”
“แค่ไปฝึกงานที่รีสอร์ตทางภาคใต้ เธอและเพื่อนได้ทั้งขึ้นทั้งล่อง แต่ถ้าไม่ รับรองว่าฉันจะทำทุกอย่างให้เธอและเพื่อนไม่มีที่ฝึกงาน”
“ออ ที่แท้ก็เป็นแบบนี้นี่เอง คุณเป็นเจ้าของรีสอร์ตที่นั่นสินะ” ถึงว่าสิเงินเดือนเด็กฝึกงานที่ไหนจะสูงขนาดนั้น
“แน่นอน เข้าใจแล้วก็ไปนั่งรอเสื้อตัวใหม่จากเรฟที่โซฟาซะ”
“ฝันไปเถอะ”
เธอกัดฟันกรอด เดินหน้าไปต่อ
“อาจารย์อะไรนะแฟนเธอ... อืม จำชื่อไม่ได้ แต่รู้แค่ว่าอยู่ใกล้ๆนี่แหละ”
“อย่ายุ่งกับเค้า”
“เฮอะ ถ้าตราบใดยังยืนยันจะหนีฉันรับรองได้ว่าชีวิตไอ้อาจารย์นั่นมันวุ่นวายแน่ ลองดูไหม?”
“ได้โปรด อย่าทำอะไร และอย่าบอกเรื่องของเราให้เค้ารู้”
“ก็รีบกลับไปนั่งรอที่โซฟาเซ่!”
เขาตะคอกเสียงดังลั่นทำเอาเธอสะดุ้งกลัว รีบเดินผ่านหน้าไปนั่งลงบนโซฟาแบบไม่กล้ามอง
อรุณรดาทนนั่งสัปหงกไม่กล้าเผลอหลับขณะรอเสื้อผ้า เมื่อคืนเธอเตรียมพร้อมท่องข้อมูลที่สำคัญเกี่ยวกับโรงแรมแห่งนี้จนถึงดึกดื่นและตั้งใจว่าจะนอนพักผ่อนเอาตอนบ่ายหลังสัมภาษณ์เสร็จเพื่อชดเชยที่อดหลับอดนอน และอาการของเธออยู่ในสายตาของมาร์ตินตลอดเวลา อาจจะดูเหมือนสนใจเพียงแต่แฟ้มเอกสารตรงหน้าแต่เขาแอบมองเธอผ่านกล้องบนหน้าจอแล็บท็อป ขอทำอะไรที่ซับซ้อนแบบนี้ยังจะดีเสียกว่าหันไปมองเธอบ่อยๆให้เสียฟอร์ม
ก็เธอน่ะมีคนรักแล้ว ส่วนเขาเองก็เช่นกัน
เมื่อคิดถึงความเป็นจริงตรงนั้น ร่างใหญ่รุดขึ้นยืนเต็มความสูง กราดดวงตาสีครามอำมหิตไปที่เธอก่อนออกไปนอกระเบียงเพื่อสูบบุหรี่เพียงไม่นาน พอกลับมาก็พบว่าเธอนั่งหลับปุ๋ยเอนกายส่วนบนซบกับพนักโซฟา เขาฉวยโอกาสนั้นในการแอบเปิดดูข้างในกระเป๋าสะพายของเธอ กระเป๋าหนังเทียมสีดำราคาถูกสภาพด้านในเยินไม่ต่างจากด้านนอก มีมือถือที่พยายามเปิดดูแล้วแต่ไม่สามารถเข้าได้เพราะเธอตั้งรหัสผ่าน กระเป๋าสตางค์สีน้ำตาลมีรูปขนาดสองนิ้วของเธอและบัตรประชาชน
“อรุณรดา เทมสัน ..” มาเฟียหนุ่มบิดริมฝีปากขณะอ่านชื่อเธอบนบัตรก่อนหันไปมองเจ้าตัวที่หลับสนิท
โกรธทุกคนที่รวมหัวกันวางแผนเรื่องนี้รวมไปถึงเธอเองก็ด้วย ไม่ว่าจะเหตุผลอะไรก็ตามแต่เขาไม่สนุกด้วยที่ต้องเสียใจและเสียเวลาทำตัวไร้ชีวิตชีวามากว่าห้าปีให้กับความสูญเสียจอมปลอม แต่เอาเถอะ ในเมื่อทุกคนต้องการให้เขาเข้าใจว่าแบบนั้น เขาก็จะทำเป็นไม่รู้ไม่เห็นต่อไป
“อื้ม”
เสียงฮึมฮัมของเธอทำเอาเขานั่งนิ่งเป็นหินเพื่อไม่ให้ถูกจับได้ เมื่อเธอยังหลับต่อเขาจึงรื้อกระเป๋าเธอออกมาจนหมด ข้างในมีปากกา ผ้าเช็ดหน้าและตลับเครื่องสำอางขนาดเล็กไม่มีอะไรน่าสนใจ กระทั่งเจอกระดาษแผ่นหนึ่งที่เธอเขียนเอาไว้ทั้งภาษาอังกฤษและไทยเกี่ยวกับการเตรียมตัวสัมภาษณ์ฝึกงาน มันทำให้เขายิ้มออกมาไม่รู้ตัว การที่ได้เจอเธออีกครั้งมันทำให้รู้ว่าบุคลิกและอุปนิสัยเธอได้เปลี่ยนไปแล้วจริงๆ
“ไม่ใช่แสงรุ่งคนเดิมจริงๆด้วยแฮะ”
ร่างเล็กที่เริ่มขดตัวเข้าด้วยความหนาวของเครื่องปรับอากาศภายในห้อง มาร์ตินยืนชั่งใจอยู่ครู่หนึ่ง
“นอนแข็งตายเถอะ”
เขาเดินไปที่โต๊ะทำงาน แต่พอเจอสูทสีเทาของตนเองที่ถอดพาดไว้อย่างไร้ประโยชน์จึงพ่ายแพ้ให้แก่ความเป็นห่วงเป็นใยหยิบมันไปห่มให้เจ้าหล่อนในที่สุด
“โอ๊ะโอ มาไม่ทันครบวันก็ใช้ห้องทำงานเป็นห้องเชือดเลยนะครับ” เรฟเอ่ยแซวเจ้านายทันทีที่เข้ามาถึง
“กูอยากได้เสื้อ”
เขาปรับสีหน้าบึ้งตึงยื่นมือรอรับถุงเสื้อผ้าของเธอ เสียงพูดคุยกันของทั้งสองปลุกให้เธอตื่นขึ้นมาด้วยความทรมาน เธอยังก้ำกึ่งระหว่างฝืนตัวเองให้ลุกขึ้นหรือจะนอนต่อใต้ผ้าหอมและอุ่นผืนนี้
ว่าแต่ ผ้าผืนนี้มาจากไหน?
อรุณรดาขยี้เปลือกตามองเสื้อสูทสีเทาซึ่งเป็นของมาร์ตินอยู่บนตัวเธออย่างไม่น่าเชื่อ
“ตื่นขึ้นมาก็ดีรีบไปเปลี่ยนเสื้อผ้าเถอะ เหม็นคาวไม่ไหวแล้ว” เธอจำใจรับมันมาจากเขาด้วยความโกรธจัด แต่ยังหาทางเอาคืนได้
“เอาเสื้อของคุณไปด้วยค่ะ นี่ก็เหม็นคาวจะแย่เหมือนกัน เอ ไม่ยักจะรู้นะคะว่าคุณมาร์ตินก็มีน้ำใจกับฉันอุตส่าห์มาห่มผ้าให้ราวกับพระเอกในนิยายแน่ะ”
“ไอ้เรฟ กูบอกแล้วใช่มั้ยว่าอย่าทะลึ่งเอาเสื้อกูไปคลุมให้เธอน่ะ เห็นมั้ย เธอหลงตัวเองคิดว่ากูเป็นห่วงจะแย่แล้ว”
“ครับ ขอโทษครับ” เรฟเอ่ยไปตามน้ำ
“ขอบคุณนะคะคุณโลวา”
“เรียกเรฟเหมือนเดิมเถอะครับ”
“ค่ะคุณเรฟ สบายดีไหมคะ”
“ให้ตายเถอะยืนนานๆไม่กลัวเรฟเหม็นคาวหรือไง?” เขาโพล่งออกมาทำเอาหญิงสาวอายจนหน้าม้าน
อรุณรดารีบหมุนตัวหันหลังให้เขาก้าวเท้าว่องไวเข้าไปเปลี่ยนเสื้อผ้าในห้องน้ำให้เร็วที่สุด จะได้รีบไปจากที่นี่สักที
“ขอบคุณนะคะสำหรับเสื้อผ้า ไว้ฉันหาเงินได้มากพอจะชดใช้ค่าเสื้อที่คุณซื้อให้เมื่อไหร่แล้วจะติดต่อไปค่ะ”
เธอเดินออกมาด้วยชุดใหม่ที่คล้ายแบบเก่ามากจนแยกไม่ออก แต่ทว่าราคานั้นแตกต่างกันมากมายเหลือเกิน
“ไม่เป็นไร ไว้ฉันจะหักกับเงินเดือนห้าหมื่นของเธอก็ได้”
“ใครบอกว่าฉันจะไป”
“ความจำสั้นหรือไง หรือวอนอยากให้เพื่อนกับไอ้นั่นเดือดร้อนจริง อืม เบอร์โทรท้ายๆ358หรือเปล่านะ?”
“ขอร้องล่ะค่ะอย่าทำเค้าเลย”
“โอเค เอาเป็นว่าตกลงแล้วนะว่าจะไปฝึกงานที่นั่น”
“ทำไมถึงได้เลวขนาดนี้กันนะ จะตามรังควานกันไปถึงไหน หรือต้องให้ตายใช่ไหมถึงจะหยุด!” เธอแผดเสียงออกมาอย่างเคียดแค้น
“ใจเย็นๆน่าแสงรุ่ง เอ้ย คุณอรุณรดา โทษฐานที่ทำให้ตราตรึงต่อให้เปลี่ยนชื่อใหม่ หรือตายตกนรกขุมไหนกูก็จะตามไปรังควานไม่เลิกอยู่แล้ว แต่ถ้าวันไหนกูเบื่อหรือไม่อยากเอาต่อแล้ว ต่อให้ร้องไห้หรือคลานตามเหมือนหมากูก็กล้าเขี่ยทิ้ง”
เธอกัดฟันกรอด สองมือกำหมัดไว้แน่น
“เหมือนตอนนั้นไง ถ้างั้นก็อย่าเล่นตัวนักเลย รีบๆนอนพลีกายให้จัดทุกคืน จะได้รีบเบื่อแล้วรีบไป”
เธอเจ็บใจจนพูดอะไรไม่ออก ทำได้แค่รีบวิ่งออกไปจากห้องนี้ให้เร็วสุดก่อนที่น้ำตาจะไหลออกมาให้ขายขี้หน้า
ดวงตาสีฟ้าครามที่เพ่งมองเธออย่างเหยียดหยันทอดอ่อนลงหลังจากเธอที่เดินออกไป
“ผมว่าเจ้านายพูดแรงไปนะครับ”
“ไม่แรงหรอก หล่อนน่ะคงชินแล้ว” เขาก้มหน้าลงเพื่อเก็บอาการสับสนและรู้สึกผิดในคำพูดและการกระทำในวันนี้
“เห้อ เอาล่ะวันนี้มีงานด่วนอะไรไหม?”
“อะไรก็ไม่ด่วนเท่าคู่หมั้นที่โทรตามหาเจ้านายเป็นร้อยๆรอบหรอกครับ ออ นั่นไง พูดไม่ทันขาดคำ” เขารีบยื่นมือถือคืนเจ้าของที่ตั้งใจฝากเอาไว้
“ไง ที่รัก”
‘บ้าจริง นี่คุณหายหัวไปไหนมาตั้งหลายวัน คุณจะเอายังไงกับฉันว่ามาเลยนะไอ้บ้า!’
“โอ ใจเย็นที่รัก ผมแค่มีงานด่วนน่ะ”
‘รีบถึงขนาดไม่บอกไม่กล่าวกันเลย คุณนี่มัน หื้ม... ยอดเยี่ยมจริงๆมาร์ติน’
“เอาน่า ถ้าใจร้อนก็เลือกแหวนก่อนได้เลยไม่ต้องรอผม”
‘ใจร้อนเหรอ? เฮอะ แล้วไอ้บ้าที่ไหนมันใจร้อนก่อนล่ะ?’
“โอเค ไอ้บ้านี่แหละใจร้อน แต่ตอนนี้มีเรื่องที่ต้องสะสางให้จบ”
‘นานแค่ไหนคะกว่าจะจบ’
“สองเดือนที่รัก ขอเวลาแค่สองเดือนหลังจากนั้นเราจะแต่งงานกัน” เขาบอกกับเธอเสียงราบเรียบ แววตาดูว่างเปล่าออกจะไปทางหม่นเศร้าในความรู้สึกของเรฟที่เฝ้าดูอยู่
“สองเดือนที่เจ้านายบอกเธอ หมายถึงการใช้ชีวิตอยู่กับอรุณรดาช่วงที่ฝึกงานน่ะหรือครับ”
“อืม ก็ใช่ไง หลังจากนั้นแล้วต่างคนก็ต่างแยกย้ายไปตามทางตนเอง” เขาแค่นยิ้มออกมา “ฉะนั้น กูเลยต้องรีบมาตักตวงน้ำพริกถ้วยเก่าเอาให้เบื่อไปข้างยังไงล่ะ”
“ถ้างั้นก็ช่วยพูดกับเธอให้ดีๆหน่อยเถอะครับ ผมขอล่ะ เห็นเธอมาตั้งแต่ยังเด็กตอนที่คอยส่งข้อความหาเจ้านายมาจนถึงตอนนี้แล้วก็สงสาร”
เขาได้เห็นพัฒนาการของอรุณรดามาตั้งแต่ยังเด็กจนกระทั่งเธออายุสิบเจ็ดที่พลาดท่าเสียทีให้เจ้านายเขาจนเกิดเรื่องราวใหญ่โตมากมาย พอมาวันนี้แม้เธอคนใหม่จะไม่ทักทายเขาด้วยรอยยิ้มแสนซื่อเขาก็เข้าใจในความรู้สึกเธอดี ว่าเธอน่ะเจ็บปวดจากมาร์ตินมากแค่ไหน
“อืม จะพยายาม”
รีดทุกท่านสามารถแสดงความคิดเห็นได้ตามสบายเลยนะคะ
ราตรีสวัสดิ์ค่ะ
รักๆ