อาร์มาติโน่ เคอวิซ เอลวานอฟรู้สึกตัวอีกทีก็ได้ยินความวุ่นวายของเสียงรถพยาบาลฉุกเฉินและเสียงใบพัดเฮลิคอปเตอร์ผสมปนเปกันวุ่น ศีรษะที่แตกจนเลือดอาบหน้าปวดตุบจนไม่สามารถลืมตาหรือขยับกายลุกขึ้นได้ว่องไวดังใจคิด ร่างใหญ่กำลังถูกเคลื่อนย้ายไปนอนเปลและเตรียมจะพาเขาขึ้นรถ ทว่าฝ่ามือหยาบเต็มไปด้วยรอยแผลยกขึ้นเพื่อให้หยุดก่อนคว้าอากาศควานหาคนข้างๆ
“นายครับ”
นั่นเสียงของเรฟ บอดี้การ์ดคนสนิทของเขาที่กำลังอุทานเสียงหลงด้วยความดีใจ
“นายรอดแล้วนะครับ พระเจ้า เหลือเชื่อเลยนายแค่บาดเจ็บเล็กน้อยเองไม่เป็นอะไรจริงๆด้วย”
ใช่ เขารอดตาย พยายามนึกย้อนไปถึงเหตุการณ์ก่อนหน้าที่เขากระเด็นออกจากรถก่อนจึงไม่เป็นอะไรมาก
‘แล้วอีกคนล่ะ?’
เขาใช้ข้อศอกดันพื้นเพื่อพยุงกายขึ้น นิ้วทั้งห้าบีบแขนเรฟไว้แน่นขณะพยายามเปล่งเสียงอย่างยากลำบาก
“เรฟ..”
“ผมว่านายอย่าขยับร่างกายเลย นอนนิ่งๆดีกว่านะครับ”
ลูกน้องคนสนิททำได้แค่เอ่ยห้าม แต่ก็ต้องจำใจพยุงแผ่นหลังเจ้านายให้ลุกขึ้นนั่งพลางโน้มเอียงศีรษะฟังสิ่งที่มาร์ตินกำลังเอ่ย
“แสงรุ่งอยู่ไหน?”
ดวงตาพร่ามัวกวาดมองไปโดยรอบ เขามองไม่เห็นอะไรได้ชัดเจนนักราวกับว่ามีหมอกหนาทึบบดบังรอบตัวเขาเอาไว้ หวังเหลือเกินว่าเธอจะรอดปลอดภัยเหมือนกัน
“น้องสาวคุณดารัณตายแล้วครับนาย”
หลังจากได้ยินข่าวร้ายจากเรฟ ร่างใหญ่อ่อนยวบลงนอนตามเดิม ริมฝีปากอ้าค้างหวอ
‘ไม่จริง เธอต้องไม่ตายสิ!’
ดวงตาพร่ามัวโอบอุ้มหยดน้ำตาเอาไว้จนแดงกร่ำ ก่อนที่เปลือกตาจะปิดลง สติได้ดับวูบหมดสติอีกครั้ง …
ส่วนเด็กสาวผู้กำลังได้รับบาดเจ็บจากอุบัติเหตุอันเกิดจากความมักง่ายของมาร์ตินและดูเหมือนว่าเขานั้นจงใจให้มันเกิดขึ้นเพื่อขจัดตัวรำคาญอย่างเธอออกไปให้พ้นจากชีวิต
แต่เสียใจด้วยที่เธอยังไม่ตาย!
เดชะบุญที่เธอยังมีสติในการปลดเข็มขัดนิรภัยและกระโดดลงจากรถได้ทันเวลาเพียงเศษเสี้ยวนาทีหลังจากรถชนกับต้นไม้ หากช้ากว่านั้นร่างของเธอคงแหลกละเอียดคาซากรถแล้วร่วงสู่เหวก็เป็นได้
เด็กสาวที่นอนไม่ได้สติมาเกือบสองวันนอนนิ่งประหนึ่งยังไม่ฟื้นดีทั้งที่หูฟังสิ่งที่พี่สาว แม่สุภา และผู้ใหญ่ฝั่งนั้นพูดคุยหารือกันเรื่องนี้
“ฉันเสียใจกับเรื่องที่เกิดจริงๆนะคะ”
“เราสัญญาว่าจะไม่ให้ลูกชายไปยุ่งเกี่ยวกับลูกสาวคุณอีก”
“ฮึก ไหนๆมันก็เกิดขึ้นแล้ว แสงรุ่งก็แท้งแล้ว”
ทันทีที่ดารัณเอ่ยจบ น้ำตาเธอไหลพราก เมื่อการรอดชีวิตในครั้งนี้มันแลกมาด้วยความสูญเสีย นั่นคือลูก..
เธอช่างเป็นแม่ที่ไม่ได้เรื่องโดยแท้ แค่เลือดเนื้อเชื้อไขในในท้องยังไม่สามารถรักษาไว้ได้ มัวแต่หลงใหลกับไอ้ผู้ชายที่ไร้ความเป็นคนจนลืมนึกถึงลูกน้อยในท้องของตนเอง
‘ลูกจ๋า แม่ขอโทษ’
ปัจจุบัน
อรุณรดาดีดกายจากเตียงนอนรีบเอื้อมมือไปกดปิดเสียงนาฬิกาปลุกบนโต๊ะข้างหัวเตียงเอาไว้ แล้วทิ้งตัวลงนอนใหม่พลางนึกถึงฝันซึ่งเป็นความทรงจำที่โหดร้ายและไม่มีทางลืมเลือน
“ฟู่ว”
ห้าปีแล้วสินะ ถ้าสมมติว่าตอนนั้นเธอใช้สมองประคองชีวิต มีสติและรักตัวเองให้มากป่านนี้ลูกของเธอคงวิ่งเล่นในบ้าน และนอนเคียงข้างกัน เธอคงจะเป็นซิงเกิลมัมที่มีความสุขกว่าตอนนี้...
“เฮ่ย!”
“เลิกคิดได้แล้ว เลิกคิดได้แล้ว เลิกคิดได้แล้ว!”
หญิงสาวรีบสะบัดศีรษะพลางลงจากเตียง หยิบผ้าเช็ดตัวเดินงัวเงียผ่านชุดนักศึกษาที่รีดไว้ตั้งแต่เมื่อคืนเพราะวันนี้มีเรียนช่วงเช้า
“ว้าย สายแล้ว”
เท้าเล็กวิ่งปรู๋เข้าไปในห้องน้ำเพราะกลัวเข้าเรียนไม่ทันเวลา