ห้าปีก่อน
“ใครสั่งให้มึงสะเหล่อไปตามกูถึงที่นั่น?!!”
ดวงตาแดงเถือกจากฤทธิ์แอลกอฮอล์เพ่งมองเธออย่างเอาเรื่อง น้ำเสียงของเขานั้นช่างรุนแรงไม่ต่างจากความเร็วของลัมโบกินีสีเพลิงคันโปรดเท่าไหร่นัก เท้าใหญ่เปลือยเปล่าเหยียบคันเร่งเกือบมิดบนเส้นทางถนนที่คดเคี้ยวไปยังคฤหาสน์ของพี่ชายเขา
แสงรุ่ง ภัณภะรักษณ์ เด็กสาวผู้เทิดทูนในความรักตอนนี้นั่งตัวสั่นบ้างก็สะดุ้งตามเสียงตะคอกด่าจากเขา..
อาร์มาติโน่ เคอวิซ เอลวานอฟ เขาคือรักแรก และเป็นผู้ชายคนแรกของเธอ
“กูถามจริงๆเถอะ มึงจะตามอะไรกูนักหนาเนี่ย..เชี่ย!” คนเอ่ยถามทิ้งเสียงสบถหยาบในลำคอ กับความเร็วในการขับที่ยังคงความหวาดเสียวไม่ลดละ
“ค่อยๆขับได้มั้ยคะรุ่งกลัว”
“กูถามว่ามึงตามมาทำไม!” เมื่อถูกตะคอกถามอีกครั้งเธอรีบตอบเสียงรนราน “กะ..ก็แม่พี่อยากคุยด้วยและอยากถามเรื่องของเราว่าจะเอาอย่างไรกันดี?”
แสงรุ่งสะดุ้งโหยงหัวใจตกวาบลงช่องท้องเมื่อเขาจงใจหักพวงมาลัยซ้ายขวาจนร่างเล็กสั่นคลอน เด็กสาววัยสิบเจ็ดปีสวมกางเกงลำลองตัวสั้นจู๋กับเสื้อตัวโคร่งของมาร์ตินที่ยาวลงมาถึงหัวเข่าประหนึ่งแสดงความเป็นเจ้าของ แต่สายตาเจ้าของเสื้อนั้นมองเธออย่างไร้ค่านัก
“ใกล้จะถึงแล้วขับช้าๆก็ได้ค่ะ”
เธอนั่งตัวสั่นเทาสายตาหวาดผวาเมื่อมองหุบเหวสองข้างทาง เธอเพิ่งนึกขึ้นได้ว่าควรคาดสายเบลท์ สองเท้าเรียวยกขึ้นนั่งตัวลีบในท่ากอดเข่าหวั่นกลัวว่าเขาจะพาเธอเอาชีวิตมาทิ้งที่นี่
สาเหตุที่ทำให้เขาโกรธเธอเป็นฟืนเป็นไฟเพราะว่าเธอวานให้บอดี้การ์ดของพี่สาวช่วยพาเธอไปที่บ้านพักส่วนตัวของเขาที่เชิงเขา หรือที่เรียกง่ายๆว่าเป็นแหล่งมั่วสุม ข้างในนั้นเต็มไปด้วยอบายมุข เสียงดังกระหึ่มและเพื่อนฝูงที่มัวเมาจนไม่ได้สติ เธอเดินผ่านพลางกลั้นหายใจไม่อยากรับกลิ่นควันบุหรี่กระทั่งไปเจอเขากำลังทำเรื่องไม่ดีบางอย่าง เขาเงยหน้าขึ้นและหันขวับมามองเธอด้วยแววตาดุขวางน่ากลัวและกระชากลากถูเธอออกมาราวกับสัตว์เพื่อขึ้นมานั่งในรถเพื่อไปส่งเธอ และแน่นอนเขายังคงจะกลับไปยังปาร์ตี้มั่วสุมนั่น
“เราเหรอ? เฮอะ!” เขายังคงนึกขันในประโยคเมื่อครู่
เราหรือ? เขาไม่ได้ต้องการหล่อนเลยสักนิด พยายามตีตัวออกห่างก็แล้ว
“นี่มึงยังไม่รู้ตัวอีกหรือ?”
“คะ?”
“โง่ขนาดนี้ใครมันจะไปรักลงวะ” เขาพึมพำเพียงลำพัง แต่เธอได้ยิน
“แสดงว่าพี่จะไม่รับผิดชอบกับสิ่งที่พี่ทำกับหนูหรือไง?”
“รับผิดชอบอะไรของมึง! ก็มึงง่ายถ่างขาให้กูเอาเอง”
เธอจุกอกจนพูดไม่ออก ทำได้แค่ปล่อยน้ำตาไหลพรากลงมาเป็นสาย ยกฝ่ามือขึ้นปิดปากกลืนก้อนสะอื้นไว้ในอกปานจะขาดใจตาย
“ใจง่ายแถมจืดชืดขนาดนี้ถ้าไม่ติดว่าเป็นน้องของดารัณ กูยิงทิ้งตั้งแต่คืนแรกแล้ว!!”
เขาตอกย้ำเธอด้วยวาจาร้ายกาจ เด็กสาวผู้อ่อนต่อโลกไม่สามารถยอมรับกับสิ่งที่ได้ยิน เพราะรักของเธอมันยิ่งใหญ่เสียจนบดบังสมองไร้เดียงสาเอาไว้
“แต่รุ่งรักพี่มาร์ตินมาก ฮึก ทำไมทำกับรุ่งแบบนี้” น้ำเสียงสั่นเครือเต็มไปด้วยความน้อยเนื้อต่ำใจ มองชายคนที่เธอรักจนแทบถวายหัวก็ไม่สามารถช่วยเธอแก้ปัญหานี้ได้ซ้ำยังผลักไสไล่ส่ง แล้วเธอจะหันหน้าไปทางไหนดีล่ะ
“รักกูมากเหรอ เหอะ ห่างกูแค่สองวันแล้วจะขาดใจตายก็ให้มึงตายๆไปเถอะ!”
“อย่าท้าฉันนะ”
“เฮอะ มึงกล้าโดดลงรถมั้ยล่ะ?” เขาเปิดประทุนรถออกเพื่อลองใจเด็กน้อยที่แค่กำลังหลงไหลในความสัมพันธ์อันฉาบฉวยนี้ ทั้งๆที่ไม่รู้ด้วยซ้ำว่ารักคืออะไร
“ได้ ฉันจะตายให้พี่ดู”
สมองน้อยคิดเพียงแค่อยากจะกระโจนหนีปัญหาที่เกิด เธอมองไม่เห็นหนทางใดๆเลยในตอนนี้ นอกจากกระโดดมันเสีย
“เฮ้ย!”
มาร์ตินตกใจจนทำอะไรไม่ถูกด้วยสติสัมปชัญญะที่ไม่เต็มผู้เต็มคนในขณะนั้นทำให้เขาปล่อยมือหนึ่งข้างออกจากพวงมาลัยรีบคว้าผมเธอไว้พร้อมกระชากลงมาเต็มแรง
“โอ๊ย!”
“มึงนี่มันวอนหาที่จริงๆเลย”
“ฮึก เลว ทำร้ายได้กระทั่งผู้หญิง” แรงกระชากของเขาทำเอาเธอจุก เธอตรงลูบท้องน้อยอย่างเบามือ
“กูเลวได้มากกว่าที่มึงคิดอีก”
“ว้าย!!”
เสียงแตรรถบรรทุกขนส่งสินค้าคันใหญ่ขับสวนลงมาจากคฤหาสน์ของโลอาห์นดังขึ้นในระยะประชิดเพราะรถของมาร์ตินขับส่ายเกินจะหลบหลีกได้
“เฮ้ย!”
มาร์ตินหักพวงมาลัยเลี้ยวลงข้างทางจนกระทั่งรถเสียหลักพุ่งชนกับต้นไม้ใหญ่ สองร่างกระเด็นกระดอนออกคนละทิศ ส่วนรถคันโปรดของเขากำลังพลิกหลายตลบก่อนตกลงสู่หุบเหวลึก
“โครม!”