หญิงสาวพยายามที่จะหลบหนีออกมาจากห้อง ตั้งใจจะวิ่งไปยังศาลพระภูมิที่รั้วบ้านเพื่อให้พระภูมิเจ้าที่ช่วยโดยลืมไปว่าผีตนนี้เข้ามาในบ้านของเธอได้ ก็ต้องเป็นเพราะมีฤทธานุภาพมากกว่าพระภูมิเจ้าที่ มาตระหนักได้อีกทีก็ตอนที่แขนข้างหนึ่งของเธอถูกมือใหญ่คว้าเอาไว้และกระชากกลับเข้าไปในห้องนั้น
“อย่าคิดจะหนี เสียแรงเปล่า”
ดึงกลับเข้ามาได้ก็เหวี่ยงร่างบางไปยังเตียงนอน เจ้าขาสะดุดล้มฟุบลงไป พลันรีบดันตัวขึ้นนั่งเพื่อตั้งท่ารับกับการจู่โจมของเขา
ทว่า...เขากลับไม่ได้ทำอะไร เพียงแค่ยืนมองเฉยๆ เท่านั้น ทำให้เจ้าขาเดาไม่ถูกว่าเขาต้องการอะไรกันแน่ แต่จะต้องการอะไรก็ช่างเถอะ ตอนนี้เธอควรเอาชีวิตรอดก่อนมากกว่า!
“คะ...คุณลุงอยากได้อะไรก็เอาไปเลยค่ะ แต่อย่าเอาชีวิตหนูไปเลยนะ หนูขอร้อง”
วิงวอนออกมาเท่าที่จะทำได้ มือก็พนมยกขึ้นไหว้ประหลกๆ ท่าทางนั้นชวนให้เวทนาอยู่ไม่น้อย แต่คุณลุงก็ไม่ได้แสดงท่าทีอะไร นอกเสียจากยกมือขึ้นกอดอก มองหญิงสาวขอร้องเขาเท่านั้น
“นะคะคุณลุง ได้โปรดเถอะ อย่าทำอะไรหนูเลยนะ”
พูดไปก็น้ำตาคลอไป เธอทั้งหวาดกลัว ทั้งรู้สึกน้อยใจที่คุณลุงตรงหน้ามีท่าทีกับเธออย่างนี้ทั้งๆ ที่ในใจของเธอนั้นรู้สึกกับเขาในแง่ดี
คิดว่าจะเป็นคุณลุงใจดีที่ช่วยชีวิตเธอถึงสองครั้ง ที่ไหนได้ เป็นผีร้ายหรอกหรือนี่!?
ยิ่งคิดก็ยิ่งกลั้นน้ำตาไม่อยู่ ปล่อยให้ไหลอาบใบหน้าจนได้ ทำเอาคุณลุงที่ยืนมองอยู่ต้องเอ่ยปากถาม
“อยากให้ฉันไว้ชีวิตเธอใช่ไหม”
เจ้าขาพยักหน้ารับหงึกหงักโดยแทบไม่ต้องคิด
“ถ้างั้นไหนลองบอกฉันหน่อยซิว่าฉันควรจะไว้ชีวิตเธอไปทำไมในเมื่อเธอรู้ความลับของฉันแล้วว่าฉันไม่ใช่มนุษย์”
เจ้าขาไม่รู้หรอกว่าเหตุผลไหนที่สมควรค่าแก่การมีชีวิตอยู่ต่อ แต่เธอก็ตอบไปตามความรู้สึกนึกคิดของตัวเอง
“นะ...หนูยังไม่ได้ทดแทนบุญคุณตายายเลย หนู...ฮึก...หนูยังอยากอยู่ดูแลพวกท่านก่อนค่ะ...”
พูดไปก็สะอึกสะอื้นไปด้วย ไม่น่าเชื่อว่าในห้วงสุดท้ายของชีวิต สิ่งที่เธอคิดถึงกลับเป็นคุณตาและคุณยายแทนที่จะเป็นชีวิตของตัวเอง ไอ้ชีวิตของเธอ เธอก็รักนั่นล่ะ แต่เธอเป็นห่วงคุณตากับคุณยายมากกว่า ซึ่งนั่นทำให้คนมองลอบยกยิ้มขึ้นมาโดยที่เจ้าขาไม่รู้ตัว
“แค่เหตุผลนี้เท่านั้นเหรอ”
เจ้าขาพยักหน้าอีกครั้ง มือก็ยกขึ้นปาดน้ำตาป้อยๆ ท่าทางน่าสงสารเป็นอย่างมาก บอกตามตรงว่าท่าทางอย่างนี้ก็ทำให้คุณลุงเวทนาเธออยู่เหมือนกัน แต่เรื่องที่เกิดขึ้นนั้นมันช่วยไม่ได้ อย่างไรเสีย เขาก็ต้องจัดการ
หากแต่...ไม่ได้จัดการด้วยการเอาชีวิตเธอ เขาเพียงแต่แกล้งพูดไปอย่างนั้นด้วยอยากให้เธอกลัว
ทำไมน่ะหรือ?
ก็เขาเห็นเธอมาตลอดนี่นาว่ามีเมตตากับพวกผีสัมภเวสีแค่ไหน ผีตนไหนขออะไร เธอก็ให้ตามปรารถนา จึงมักเห็นผีอยู่ร่ำไป ทำให้เขาคิดว่าการที่เธอมีญาณอย่างนี้เป็นอันตรายต่อเธอมากถ้าหากไม่รู้จักการวางตัวและใช้ญาณในหนทางที่ถูกต้อง โดยเฉพาะการที่เจ้ากรรมนายเวรรู้ว่าเธอมีญาณและมาทวงหนี้กรรมคืน
คิดหรือว่าอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นในวันนี้มันเป็นเรื่องบังเอิญน่ะ?
แน่ละว่ามันเป็นหนี้กรรมที่เจ้ากรรมนายเวรจากชาติไหนสักชาติของเธอมาทวงคืน เหมือนกับอุบัติเหตุตอนที่เธออายุสิบสามขวบนั่นแหละ เพียงแต่เจ้าขาไม่เคยรับรู้เรื่องนี้มาก่อน คนที่รับรู้ก็มีเพียงเขา...เขาที่อยู่กับเธอมานานแสนนาน
“อย่า...ฮึก...อย่าทำหนูเลย...”
เจ้าขายังคงร้องไห้อย่างต่อเนื่อง คุณลุงอดไม่ได้ที่จะคลายแขนออกจากการกอดอก ทิ้งตัวลงนั่งบนเตียงเบื้องหน้าของเธอ ก่อนยื่นมือไปซับน้ำตาให้
“ไม่ต้องร้องหรอก มันไม่เจ็บ แป๊บเดียวเธอก็จะไม่รู้สึกอะไร”
เจ้าขาคิดไม่ออกว่ามันเป็นความรู้สึกแบบไหน แต่ที่แน่ๆ เธอไม่อยากให้เขาทำแบบนั้น ขณะที่คุณลุงตั้งท่าจะอธิบายต่อว่าสิ่งที่เขาจะทำ ไม่ใช่เรื่องของการเอาชีวิต แต่เป็นเรื่องของการลบเลือนความทรงจำและปิดญาณทิพย์ของเธอต่างหาก
เป็นเขาเองที่ผิดที่ยอมให้เธอมีญาณทิพย์อย่างนี้จนกระทั่งเกิดเรื่องใหญ่ ถ้าวันนี้เขาไม่ได้อยู่กับเธอ มันจะเกิดอะไรขึ้นบ้าง ที่ขู่ก็เพื่อต้องการให้กลัวในสิ่งลี้ลับที่เธอมองเห็นเท่านั้น ต่อไปหญิงสาวจะได้ไม่ใจดีมีเมตตากับผีสัมภเวสีหรือเจ้ากรรมนายเวรตนใดที่จ้องจะทำร้ายเธออีก
หากแต่ไม่มีโอกาสได้บอกไป เพราะเพียงพูดและกระทำอย่างนั้น เจ้าขาก็ปล่อยโฮออกมาอย่างสุดกลั้น
“หนูไม่อยากตาย...ฮึก...คุณลุงอยากได้อะไรก็บอกหนูมา หนูจะทำให้ แต่อย่าเอาชีวิตหนูไปเลยนะ...”
“ฉัน...”
“หนูยังอยากอยู่ดูแลตากับยาย ถ้าคุณลุงเมตตา หนูยอมให้
คุณลุงทำอะไรกับหนูก็ได้ แต่อย่าเอาชีวิตหนูไปเลย...ฮือ...”
ไม่รู้ว่าพูดออกมาโดยไม่ได้ไตร่ตรองหรืออย่างไร แต่ก็ทำให้
คุณลุงนิ่งงันไปในทันที
ทำอะไรกับเธอก็ได้อย่างนั้นหรือ?
เธอหมายความว่าอะไร
เพื่อความกระจ่างและแน่ชัด คุณลุงจึงเป็นฝ่ายเปิดปาก
“หมายความว่ายังไงที่ให้ทำอะไรเธอก็ได้”
“กะ...ก็...คุณลุงอยากทำอะไร หนูก็จะยอมทั้งหมดน่ะค่ะ”
เจ้าขาพูดพลางปาดน้ำตา ขณะที่คนตรงหน้าจ้องดวงหน้าที่แดงเรื่อและเปรอะเปื้อนไปด้วยหยาดน้ำตานิ่ง
นี่เธอหมายถึง...แม้แต่เขาอยากจะนอนด้วย เธอก็จะยอมอย่างนั้นหรือ?
และคำพูดของเธอก็ตอกย้ำให้เขามั่นใจขึ้นไปอีก
“ต่อให้คุณลุงอยากจะมีอะไรกับหนู หนูก็จะยอมค่ะ ขอแค่ไม่ฆ่าหนูก็พอ”
เป็นสิ่งที่เขาไม่คิดเลยว่าหญิงสาวที่เขาเห็นมาแต่เล็กแต่น้อยจะคิดอย่างนี้ จากความเวทนาก็กลับกลายเป็นความโกรธเสียแล้ว เขาไม่คิดเลยว่าเจ้าขาจะไม่เห็นค่าตัวเองขนาดนี้
“ถึงกับต้องเอาตัวเองมาเสนอ กลัวตายขนาดนั้นเลยหรือไง”
น้ำเสียงไม่พอใจหลุดออกจากปาก เจ้าขาชะงักไปเล็กน้อยคล้ายกับว่าคิดได้ แต่แล้วก็พยักหน้า
ใช่ เธอกลัวตายจนยอมให้ได้ทุกอย่าง แต่...ไม่ได้หมายความว่าจะเป็นใครก็ได้ทั้งนั้น ทว่าเพราะคนที่จะเอาชีวิตเธอคือคุณลุง ดังนั้นเพราะไม่อยากตายและเห็นว่าเป็นคุณลุง เธอจึงยอมได้แม้กระทั่งการ
‘มีความสัมพันธ์ทางกายอย่างลึกซึ้ง’ กับเขา
จะเรียกว่าเป็นเพราะความรู้สึกภายในใจโหยหาเขามาตลอดถึงได้ยอมแบบนี้ก็ได้ เจ้าขาจำนนต่อคนตรงหน้าตราบใดที่ทำให้เขาไม่เอาชีวิตเธอได้ ขณะที่คุณลุงมองหน้าเธอแล้วนิ่งคิดไป
“เธอ...ไม่เคยมีอะไรกับผู้ชายคนไหนมาก่อน” แล้วก็เปล่งเสียงออกมา
เจ้าขาเหลือบมองด้วยแววตาสงสัยว่าเขารู้ได้อย่างไรว่าตั้งแต่เกิดจนอายุใกล้เข้าเบญจเพส เธอยังถือครองพรหมจรรย์อยู่
“คุณลุงรู้...”
ไม่ทันจะได้ถาม อีกฝ่ายก็แทรกขึ้นเสียแล้ว
“แต่จะยอมยกพรหมจรรย์ให้ฉันทั้งๆ ที่ฉันจะมาเอาชีวิตเธอ และก็รู้ว่าฉันไม่ใช่มนุษย์อย่างนั้นน่ะนะ?”
เจ้าขากลืนน้ำลายลงคออึกหนึ่งก่อนพยักหน้า ทำเอาคุณลุงถึงกับนิ่วหน้าจนร่องรอยเหี่ยวย่นปรากฏที่หางตาและหน้าผาก
“ทำไมถึงเป็นคนใจง่ายอย่างนี้”
น้ำเสียงของเขาฟังดูผิดหวัง แต่เจ้าขาก็ให้เหตุผล
“เพราะหนูกลัว...”
“กลัวงั้นเหรอ”
“ละ...แล้วก็...”
“...”
“เป็นเพราะว่าเป็นคุณลุงด้วยค่ะ หนูถึงยอม”
เธอพยายามจะอธิบายว่าเพราะอะไร แต่พอพูดประโยคนั้นแล้ว เธอก็พูดต่อไม่ออกด้วยความรู้สึกบางอย่างมันไหลเอ่อท่วมหน้าอกไปหมด ก่อนจะแผ่กำจายไปทั่วสรรพางค์กาย
ความรู้สึกนั้น...อบอุ่น โหยหา และปรารถนาเป็นอย่างมาก มาก...จนเธอไม่สามารถอธิบายออกมาเป็นถ้อยคำได้ ได้แต่มองเขาด้วยแววตาที่ยากจะอ่าน ขณะที่อีกฝ่ายรับรู้ได้ถึงความรู้สึกของเธอ
เขารับรู้...รับรู้มาตลอดมาเธอรู้สึกอย่างไร แม้กระทั่งในตอนนี้ เขาก็เข้าใจทุกอย่างชัดแจ้ง
เธออยากอยู่ในอ้อมแขนของเขาอีกครั้ง...นั่นเป็นสิ่งที่เขาสรุปได้
แต่มันต้องไม่ใช่แบบนี้!
พลันก็นึกเปลี่ยนใจขึ้นมา เขาไม่ควรหลอกให้เธอกลัวด้วยวิธีนี้เลย น่าจะบอกเธอไปตรงๆ มากกว่าว่าเขาเป็น ‘ตัวอะไร’ และทำไมถึงได้ช่วยชีวิตเธอถึงสองครั้งสองครา
หากแต่พอจะพูด เขาก็ดันพูดไม่ออกเมื่อเจ้าขาถามออกมาอีกครั้ง
“ถ้าคุณลุงได้หนูแล้ว คุณลุงจะไว้ชีวิตหนูไหมคะ”
เขาสิ้นสุดความอดทนแล้ว!
แผนการที่วางมาพังพินาศป่นปี้ ถ้าเป็นอย่างนั้น เขายกเลิกก็ได้
“ฉันไม่คิดเอาชีวิตเธอแล้ว”
พอพูดไปอย่างนั้น สีหน้าของเจ้าขาก็มีคำถามทันที
“ทะ...ทำไมคะ”
“เพราะ...”
เขาพูดไม่ออก จะบอกว่าเพราะเขาเป็น...
“ไม่อยากได้หนูเหรอคะ”
...เธอก็พูดขึ้นมาเสียก่อน มิหนำซ้ำยังเป็นการพูดที่ละม้ายคล้ายเชิญชวนอีกด้วย
คุณลุงยกมือขึ้นป้องปาก ทำท่าครุ่นคิด
ไม่อยากได้...เขาควรจะตอบไปอย่างนี้สิ แล้วทำไมถึงได้มีท่าทางคิดไม่ตกด้วยล่ะ
เขาไม่มีก้อนเนื้อในอกข้างซ้าย ไม่มีอวัยวะภายในเหมือนกับมนุษย์ แต่ไม่รู้ทำไมพอเจ้าขาถามเขาอย่างนั้น ความรู้สึกบางอย่างก็แล่นพล่านไปตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้า มันเป็นความอยากกระสัน เขารู้ แต่ก็ไม่สามารถจะหักห้ามมันได้ ได้แต่ปล่อยให้มันพร่างพราวไปทั่วร่าง ขณะที่สายตาก็พินิจดวงหน้าพริ้มเพราของหญิงสาวไปด้วย
ในวันที่เขาช่วยชีวิตเธอเป็นครั้งแรก เธอยังเป็นเด็กหญิง
ตัวน้อยอยู่เลย แล้วดูตอนนี้สิ เป็นสาวเต็มตัวเสียแล้ว
เด็กอะไรช่างโตเร็วนัก โตแล้วยังสวยเสียด้วย ถึงแม้ว่าเขาจะเคยเห็นคนที่สวยกว่าเจ้าขามามากมายก็เถอะ แต่ในสายตาเขาตอนนี้เห็นแต่ความสวยงามของเธอเพียงคนเดียวทั้งสิ้น
ไม่เพียงแต่จ้องดวงหน้าหวานเท่านั้น ยังเหลือบมองไปยัง
เรือนร่างบอบบางที่ซ่อนส่วนโค้งส่วนเว้าเอาไว้อีกด้วย เขารู้สึกไม่ต่างอะไรจากเ*******ูเลยแม้แต่น้อย แต่ก็อดใจไม่มองไม่ได้จริงๆ ยิ่งนึกถึงตอนที่เจ้าขาอยู่ในสภาพเปลือยเปล่า ไร้อาภรณ์ใดๆ ปกปิดที่เขามัก
แอบดูเป็นประจำ เขายิ่งเกิดความกำหนัดจนแทบจะควบคุมไว้ไม่อยู่
ทำไมถึงได้คิดอุบาทว์กับเด็กในการดูแลได้ขนาดนี้นะ!
คุณลุงถึงกับสบถด่าตัวเองในใจ ถึงกระนั้นก็ยังไม่เลิกมองเธออยู่ดี มิหนำซ้ำยังมีความคิดน่ารังเกียจปรากฏพรายขึ้นมาในหัว
หากเขาไม่เป็นคนแรกที่พรากพรหมจรรย์ของเธอ เธอก็ต้องถูกผู้ชายคนอื่นพรากเอาไปอยู่ดี
ถ้าอย่างนั้น...สู้ให้เป็นเขาที่ได้ครอบครองความสาวของเจ้าขาเป็นคนแรกไม่ดีกว่าหรือ?
คิดอย่างนั้นได้อย่างไรนะ ไอ้จัญไร!
คิดแล้วก็ก่นด่าตัวเอง คุณลุงสับสนในตัวเองเหลือคณา เขารีบละสายตาออกจากเรือนร่างของคนตรงหน้า ขณะที่เจ้าขามองเขาด้วยความฉงน
“คุณลุง...เป็นอะไรหรือเปล่าคะ”
“ไม่เป็นไร”
และก็ไม่มีเหตุผลใดๆ ที่ต้องอยู่ตรงนี้อีกต่อไปแล้ว ขืนอยู่ต่อไป มีหวังเขาได้ตบะแตกแน่ เพราะตั้งแต่ที่คำพูดนั้นหลุดออกจากเรียวปากสีชมพูเรื่อมา เขาก็ไม่สามารถที่จะคิดกับหญิงสาวเหมือนวันวานได้อีกเลย
เขาอยากปกป้องดูแลเจ้าขาไม่ใช่หรือ แล้วทำไมตอนนี้ถึงอยากได้เป็นเมียขึ้นมาเล่า!?
คุณลุงไม่มีคำตอบให้กับตัวเอง ได้แต่ลุกขึ้นพรวดพราดแล้วตั้งใจจะกลับไปยังที่ของตน หากทว่าเมื่อเจ้าขาเห็นคนตรงหน้าลุกขึ้นแล้ว เธอก็ลุกขึ้นตาม อีกทั้งยังรีบก้าวยาวๆ ไปคว้าแขนของอีกฝ่ายไว้อีก
เขาชะงักฝ่าเท้า หันมามองด้วยสีหน้าตึงเครียด ทำให้เจ้าขาประหวั่นพรั่นพรึงในใจ
“เอ่อ...”
“รั้งฉันไว้ทำไม”
เจ้าขาเองก็ไม่มีคำตอบให้เหมือนกัน ได้แต่เหลือบมองใบหน้าคร้ามครันผ่านโลกมามากนั้นนิ่งๆ
“ถ้าไม่มีเหตุผลอะไรที่รั้งฉันไว้ก็ปล่อยซะ”
ปล่อยเสียก่อนที่ฉันจะทำอะไรชั่วๆ กับเธอ...
เขารำพึงรำพันในใจ ไม่ยอมปริปากออกมาด้วยเกรงว่าความรู้สึกของเจ้าขาที่มีต่อเขาในเชิงยกย่องเทิดทูนจะเปลี่ยนไป หากแต่มือเล็กๆ นั้นกลับไม่ยอมปล่อย มิหนำซ้ำยังจะจับแน่นกว่าเดิมอีก
“เจ้าขา...ปล่อย”
คุณลุงจำต้องปั้นเสียงเข้มบอกกับเธอ เจ้าขาเม้มริมฝีปากแน่น ดวงตาจับจ้องยังใบหน้าเขาไม่หยุด
“ฉันบอกให้ปล่อย”
คราวนี้เจ้าขาถึงคลำหาคำพูดของตัวเองเจอ “ปล่อย...แล้ว
คุณลุงจะไปไหนคะ”
“ไปในที่ของฉัน”
เขาตอบห้วนๆ แต่ก็ไม่ทำให้มือข้างนั้นของหญิงสาวปล่อยได้เลย
“เจ้าขา”
เขากดเสียงต่ำเรียกอีกที ตอนนี้เองที่เจ้าขายอมปริปากออกมาอีกครั้ง
“หนูไม่อยากให้คุณลุงไป”
“...”
“อยู่กับหนูก่อนได้ไหมคะ”
คำขอร้องที่แฝงไปด้วยความปรารถนาบางอย่างทำให้คุณลุงนิ่งงัน เธอคิดอะไรนั้น เขารับรู้ได้เป็นอย่างดี จะเรียกว่าเป็น ‘ญาณพิเศษ’ ที่เชื่อมต่อความคิดของเธอกับเขาได้ก็ไม่แปลกนัก แต่นั่นไม่ใช่เรื่องสำคัญที่จะต้องมาอธิบายในตอนนี้ เพราะวินาทีนี้ หญิงสาวกำลังทำให้เขาหมดความอดทนมากกว่าเดิม
“ปล่อยฉันก่อนที่ฉันจะเปลี่ยนใจ เข้าใจไหม”
เปลี่ยนใจเรื่องอะไร เจ้าขาไม่แน่ใจนัก แต่ก็ไม่รู้ทำไมเธอถึงไม่ยอมปล่อยมือออกจากเขาเสียที
“เปลี่ยนใจ...ที่จะฆ่าหนูใช่ไหมคะ”
ทว่าเธอก็เอาชนะความกลัวของตัวเองจนได้ พอเปล่งเสียงถามไปอย่างนั้น ความรู้สึกผิดชอบชั่วดีสุดท้ายของคุณลุงก็ขาดสะบั้นลงทันที
เขาหันกลับมาคว้าข้อมือของเธอที่ยังจับเขาอยู่เอาไว้ ก่อนจะดันร่างแน่งน้อยถอยหลังไปจนสะดุดกับขอบเตียงและล้มหงายลงไป
คุณลุงไม่รอช้า โถมทับร่างตามลงมาทันที
ไออุ่นร้อนผะผ่าวที่แผ่ซ่านผ่านเนื้อผ้าซึมซาบไปทุกอณูผิวหนัง ก้อนเนื้อในอกข้างซ้ายของเจ้าขาเต้นเร็วรี่ หากแต่มันไม่ได้เต้นแรงเพราะความกลัว ทว่าเป็นเพราะความตื่นเต้นเมื่อกายใหญ่สัมผัสกับร่างกายของเธอต่างหาก แม้ว่าเธอจะพยายามคิดว่ามันไม่ใช่ความยินดีที่ความปรารถนาในส่วนลึกของเธอนั้นสมประสงค์ แต่คุณลุงก็รับรู้ได้ว่าแท้จริงแล้วเธอคิดอะไรอยู่ และเขาก็ชักจะควบคุมความปรารถนาของตัวเองไม่ได้บ้างแล้วเช่นกัน พลันก็โน้มใบหน้าลงไปดอมดมซอกคอ
หอมกรุ่นของคนใต้ร่างอย่างอดใจไม่ไหว
หนวดเคราที่ขึ้นรอบคางของคุณลุงทำให้เจ้าขาขนลุกชันไปทั้งตัว แต่ก็ไม่ใช่ความลุกชันเพราะรังเกียจ มันเป็นความยินดีต่างหาก และความยินดีนั้นก็พุ่งทะยานไปจนสุดขอบเพดานเมื่อเขาไล้ริมฝีปากไปตามลำคอระหง ไล่ระเรื่อยไปยังใบหู ก่อนจะอ้าปากงับที่ติ่งหูเบาๆ ให้เธอได้สะดุ้งน้อยๆ ก่อนที่น้ำเสียงเข้มจะดังขึ้น ปลุกสติสัมปชัญญะของเจ้าขาให้กลับคืนมา
“เชื้อเชิญฉันขนาดนี้ แล้วอย่ามาเสียใจทีหลังที่มีผัวเป็นผีก็แล้วกัน”