บทที่ 2

1309 คำ
เรื่องราววันนี้ทำให้เจ้าขาเหนื่อยล้าก็จริง โชคยังเข้าข้างเธอที่วันนี้คุณตากับคุณยายไปเที่ยวบ้านของญาติที่ต่างจังหวัด เลยทำให้เธอไม่ต้องเล่าหรือตอบคำถามใดๆ เกี่ยวกับเรื่องที่เกิดขึ้นวันนี้ให้พวกท่านฟัง และแน่ละว่ามันจะกลายเป็นความลับที่เธอไม่คิดจะปริปากบอกตลอดไปแน่ๆ ด้วยไม่อยากให้พวกท่านเป็นห่วง เธอพยายามทำตัวให้เป็นปกติ แต่ก็ไม่ใช่เรื่องง่ายเลยแม้แต่น้อยสำหรับคนที่เพิ่งประสบเหตุไม่คาดฝันมา ทว่าสำหรับเจ้าขาแล้ว เรื่องอุบัติเหตุในวันนี้เธอคิดถึงแค่กระผีกเดียวเท่านั้น สิ่งที่เธอคิดถึงมากกว่าก็คือชายวัยกลางคนคนนั้นมากกว่า ถึงตอนนี้จะใกล้เวลานอนของเธอแล้ว เธอยังอดคิดถึงภาพใบหน้าของชายวัยกลางคนผู้มีผมสีดอกเลาที่ใช้ตัวเองเป็นเกราะกำบังเธอจากรถทัวร์ไม่ได้เลย ภาพใบหน้าของเขายังคงติดตา และทุกครั้งที่คิดถึง ก้อนเนื้อในอกข้างซ้ายของเธอก็อุ่นวาบไปพร้อมๆ กันด้วย หญิงสาวไม่เข้าใจสิ่งที่เกิดขึ้นกับตัวเองสักนิด ก่อนหน้านี้ยามคิดถึงเขา เธอจะรู้สึกแค่อยากเจอเขาอีกครั้งเท่านั้น ไม่ได้รู้สึกใจเต้นอะไรอย่างที่เป็นอยู่ อาการที่เกิดขึ้นทำให้หญิงสาวไม่เข้าใจว่าเธอจะ ติดใจอะไรกับชายวัยกลางคนคนนั้นหนักหนา ทั้งที่เขาก็น่าจะอายุ อานามคราวพ่อแล้ว แต่เธอกลับรู้สึกว่าเขามีเสน่ห์เหลือเกิน บางทีนี่อาจเป็นอาการตกหลุมรัก? เจ้าขาไม่กล้าคิดอะไรมากไปกว่านี้เลย ด้วยพอรู้สึกอย่างนั้น เธอก็ตระหนักได้ว่าผู้ชายคนนั้นไม่ใช่มนุษย์ ความสัมพันธ์เชิงชู้สาวมันไม่มีทางเป็นไปได้ และเธอก็ไม่คิดที่จะมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งกับอะไรที่ไม่มีตัวตนด้วย หญิงสาวเริ่มกลัวว่าตัวเองจะคิดเกินเลยไปมากกว่านี้จึงตัดสินใจที่จะเข้านอน แต่ก็ไม่ลืมที่จะสวดมนต์แผ่เมตตาให้กับสัมภเวสีที่มาออกันหน้าบ้าน พร้อมกับอธิษฐานลงท้ายอย่างเช่นทุกวัน “ขอให้ผลบุญกุศลที่เกิดจากการสวดมนต์ของข้าพเจ้าในครั้งนี้เผื่อแผ่ไปยังเทวดาประจำตัวของข้าพเจ้าด้วย...” ครั้นสิ้นเสียง ร่างบางก็ล้มตัวลงนอน เธอพยายามทำสมาธิเพื่อที่จะได้ไม่คิดฟุ้งซ่านและเข้าสู่นิทรารมย์ หากแต่ยังไม่ทันที่จะได้เคลิ้มหลับแต่อย่างใด เสียงดังกุกกักที่ดังขึ้นจากหน้าห้องนอนก็ทำให้เธอต้องขมวดคิ้วมุ่น เสียงอะไรน่ะ? ใจอยากจะออกไปดู ทว่าพอคิดว่าบางทีอาจจะเป็นเสียงของพระภูมิเจ้าที่ที่ตรวจตราอะไรภายในบ้าน เธอก็นอนนิ่งเหมือนเดิม จนกระทั่ง... “เจ้าขา...” ...ได้ยินเสียงเรียกชื่อจากใครบางคน ครั้งแรกที่ได้ยิน เจ้าขาไม่แน่ใจว่าหูฝาดไปหรือเปล่า เธอจึงนอนนิ่งโดยไม่สนใจอะไร แต่แล้วก็มีเสียงเรียกขึ้นมาอีก “เจ้าขา...ได้ยินที่เรียกหรือเปล่า” ไม่ผิดแน่ มีใครบางคนกำลังเรียกเธออยู่ หากทว่าหญิงสาวไม่ยอมลุกขึ้นจากเตียงเพราะรู้ด้วยสัญชาตญาณว่าเสียงเรียกนั้นเป็นเสียงของสิ่งลี้ลับบางอย่าง ซึ่งเธอมั่นใจเป็นอย่างมากกว่าไม่ใช่เสียงของ พระภูมิเจ้าที่แน่นอน เพราะรายนั้นไม่เรียกชื่อเธอ แต่จะเรียกแทนตัวเธอว่า ‘แม่หนู’ แทน แล้วเสียงนั้นเป็นเสียงของใคร? เจ้าขาใจเต้นระรัวด้วยความหวั่นใจ สัมภเวสีตนใดกล้าเข้ามาในบ้านเธอกัน? และถ้าหากเสียงนั้นเป็นเสียงของสัมภเวสีจริงๆ ก็ต้องแสดงว่ามันต้องมีพลังอำนาจแก่กล้ามากๆ ถึงฝ่าด่านพระภูมิเจ้าที่เข้ามาได้ ยิ่งคิดก็ยิ่งขดตัวอยู่ใต้ผ้าห่มมากกว่าเดิม หลับตาปี๋หมายจะรอให้เสียงนั้นหายไป แต่ไม่...ไม่หายไปเลย นอกจากจะเป็นเสียงเรียกแล้ว ยังจะมีเสียงเคาะประตูดังตามมาอีก “อยู่ที่ห้องนี้ใช่ไหม” ไร้ซึ่งเสียงตอบรับจากหญิงสาว เธอท่องนะโมตัสสะฯ ในใจเป็นพัลวัน ถึงจะเคยเห็นผีมาบ่อยครั้ง แต่การที่ถูกผีถามหาอย่างนี้ นับว่าเป็นครั้งแรกในชีวิตของเธอเลย และพอไม่ตอบ เสียงนั้นก็เงียบหายไปครู่หนึ่ง หญิงสาวลืมตาขึ้นมา คิดว่ามันคงจะไปแล้ว แต่แล้วก็ต้องสะดุ้งเฮือกเมื่อมีอีกเสียงตามมา “ถ้าไม่ตอบอะไร ฉันจะพังประตูเข้าไปนะ” ตึงๆๆ! ไม่ใช่แค่พูด เจ้าของเสียงทำจริงๆ สิ้นเสียง ประตูห้องของเธอก็สั่นไหว เจ้าขาลุกพรวดจากเตียงทันใด สายตารีบมองหาของที่พอจะเอามาทำเป็นอาวุธได้พัลวัน มาอีหรอบนี้ ดูท่าทางจะไม่ใช่ผีแล้ว น่าจะเป็นโจรมากกว่า! เจ้าขาคิดอย่างนั้นไปด้วยสัญชาตญาณ หากแต่ยังไม่ทันจะได้หาอะไรมาทำเป็นอาวุธได้ ประตูที่สั่นไหวก็หลุดโพละออกมา พร้อมกับการปรากฏตัวของใครบางคน ซึ่งใครคนนั้นก็คือ... “คะ...คุณลุง?” หญิงสาวเลิกคิ้วสูงทันทีที่เห็นว่าเจ้าของเสียงนั้นคือชาย วัยกลางคนผมสีดอกเลาและมีหนวดเคราสีเดียวกับเส้นผม การแต่งตัวของเขายังคงเหมือนเดิม แต่สิ่งที่เปลี่ยนไปคือความหวาดกลัวของเจ้าขาค่อยๆ เลือนหายไปเมื่อเห็นใบหน้าของชายคนนี้ “ทำไมคุณลุงถึงมาอยู่ที่นี่ได้?” และเมื่อหายกลัวก็เปล่งเสียงถามออกไป ชายที่ถูกเรียกว่า คุณลุงจ้องมองมาที่ร่างบางในชุดนอนบางเบา เขาไม่ได้ตอบในทันที ยืนมองเธอเฉยๆ กระทั่งหญิงสาวรู้สึกอึดอัดและถามออกไปอีกครั้ง “เข้ามาได้ยังไง คุณตาเจ้าที่อนุญาตเหรอคะ” เพราะรู้ว่าเขาไม่ใช่มนุษย์แน่ๆ ถึงได้พูดออกไปอย่างนั้น แต่ก็ยังไม่ได้รับคำตอบจากคุณลุงอยู่ดี เขาทำเพียงก้าวเข้ามาหาเธอช้าๆ ขณะที่หญิงสาวก้าวถอยหลังด้วยรู้สึกว่ามีอะไรบางอย่างไม่ชอบมาพากล กระทั่งแผ่นหลังของเธอถอยไปติดชิดกำแพงและเขาก็มาหยุดยืนตรงหน้า ห่างจากเธอเพียงก้าวเดียวเท่านั้น “คุณลุง...ต้องการอะไรคะ” เมื่อไม่มีทางหนีแล้ว ปากก็ถามออกไปอีกครั้ง คุณลุงมองเธอนิ่งๆ พินิจดวงหน้าจิ้มลิ้มพริ้มเพราแล้วก็พรูลมหายใจออกมา “ฉันมีเรื่องที่จะต้องสะสางกับเธอ” “สะสาง? สะสางเรื่องอะไร” เจ้าขารู้สึกไม่ปลอดภัยขึ้นมาน้อยๆ เธอไม่ได้ไปทำอะไรเขาสักหน่อย มีเรื่องอะไรที่เขาจะต้องมาสะสางกับเธอด้วย แต่ก็เข้าใจได้เมื่อเขาเอ่ยออกมาอีกครั้ง “เธอรู้ความลับของฉันแล้ว” “ความลับที่คุณลุงไม่ใช่มนุษย์น่ะเหรอ” เขาพยักหน้าช้าๆ เจ้าขากลืนน้ำลายลงคออย่างยากลำบาก “ละ...แล้วคุณลุงอยากได้อะไรคะ” ถามทั้งๆ ที่รู้ดีว่าไม่ควรถาม ในเมื่อรู้สึกไม่ปลอดภัยอย่างนี้แล้ว อีกฝ่ายก็ต้องไม่ได้มาดีแน่ ซึ่งก็จริงเสียด้วยเมื่อริมฝีปากหยักหนาของ คน...ไม่สิ ของผีตรงหน้าขยับขึ้น “ฉันจะต้องเอาชีวิตเธอ” เท่านั้นเจ้าขาก็พรึงเพริด ตั้งแต่ที่เห็นผีมา ก็มีครั้งนี้นี่ล่ะที่ผีจะเอาชีวิตเธอเพราะดันไปมองเห็นผีเข้า แล้วมีหรือที่เจ้าขาจะยอม พอรู้ว่าคนตรงหน้าประสงค์สิ่งใด สัญชาตญาณเอาตัวรอดก็สั่งให้เธอหนี
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม