Chapter 6 คนรักเก่า

1672 คำ
ตะวันวาดหยุดขาที่กำลังก้าวตามเขาทันทีที่เขาพูดจบประโยค พร้อมกับรั้งตัวเอาไว้ไม่ให้เดินตาม หากแต่แรงของเธอก็ไม่มากพอที่จะต้านแรงของเขาได้ “ไม่เอานะ...ยาหยีเจ็บยังไม่หาย ได้โปรด!” หญิงสาวบอกเสียงลนลาน พลอยทำให้คนดึงเผลออมยิ้มออกมา แต่อีกคนกลับไม่มีโอกาสได้เห็นรอยยิ้มอบอุ่นของเขา ชายหนุ่มกดไหล่ของหญิงสาวให้นั่งลงบนเตียง ก่อนที่ตัวเขาจะเดินย้อนกลับไปที่ตู้หัวเตียงอีกฝั่งและถือหลอดยาติดมือกลับมา จากนั้นก็ใช้นิ้วแตะตัวยาหมายจะทาให้เธอ “ฉันทาเอง” ตะวันวาดแย่งหลอดยาในมือของเขามาถือไว้ พร้อมทั้งขยับลุกออกจากเตียง แต่ชายหนุ่มก็คว้าข้อมือบางไว้ได้ทัน เขาเพียงกระตุกเบาๆ เธอก็เซกลับมานั่งบนตักของเขา “ฉันขอร้อง...ปล่อยเถอะค่ะ” “เธอไม่มีสิทธิ์ร้องขอ เปิดเสื้อออก” ชายหนุ่มสั่งเสียงเรียบ หากอีกคนที่โดนสั่งกลับหน้าแดงลามไปถึงใบหู ให้เปิดเสื้อคลุมทั้งที่ไม่มีอันเดอร์แวร์ คงอายไปถึงไหนต่อไหน ต่อให้เขาเคยเห็นมาหมดทุกส่วนแล้วก็ตาม เมื่อเห็นอีกคนนั่งนิ่งหน้าแดงคนสั่งก็แอบซ่อนยิ้มพอใจ แต่เขาก็กลบเกลื่อนมันออกได้ทันก่อนที่หญิงสาวจะเห็น พร้อมกับสั่งอีกครั้งด้วยน้ำเสียงแข็งกระด้างกว่าเดิม “จะเปิดเองหรือให้ฉันถอดออก” ตะวันวาดยอมเปิดสาบเสื้อออกอย่างเงอะงะเก้อเขิน ยอมให้เขาทายาแค่ช่วงต้นคอกับหน้าอกที่เห็นรอยแดงชัดเจน มือข้างหนึ่งกำสาบเสื้อสองข้างรวบหากันไว้แน่น ตัวสั่นเป็นลูกนกทั้งที่ยังนั่งอยู่บนตักของเขา มือข้างหนึ่งเกี่ยวรอบเอวบางของตะวันวาด ขณะที่อีกข้างก็ทายาให้อย่างแผ่วเบาผิดกับน้ำเสียงเมื่อครู่ลิบลับ ความอ่อนโยนของเขาทำให้คนบนตักหยุดการแข็งขืน ยอมนั่งนิ่งๆ ให้เขาทายาให้ เห็นอย่างนั้นคนบริการก็อดหากำไรเอาเปรียบไม่ได้ ปลายจมูกโด่งจึงกดลงบนพวงแก้มครั้งแล้วครั้งเล่า ทายาเสร็จชายหนุ่มก็คลายมือออกเพื่อเก็บยา แต่อีกคนที่กำลังหาจังหวะก็รีบลุกออกจากตักเขาไปทันที เป้าหมายคือนอกบริเวณสายตาของเขา แต่เพียงไม่นานที่เธอก้าวพ้นห้องนอน คนในห้องก็ได้ยินเสียงกรี๊ดดังลั่น “กรี๊ดดด” ชายหนุ่มวิ่งพรวดตามออกไปทันที สาเหตุที่ทำให้เกิดเสียงร้องคงหนีไม่พ้นแฟรงค์ซึ่งเป็นทั้งเลขาฯ และบอดี้การ์ดของเขา ด้วยความเคยชินที่ต้องทำอะไรเองมาโดยตลอดทำให้พชรดูแลคนสนิทเหมือนเพื่อน และอยู่ร่วมห้องเดียวกันมาตลอด อีกฝ่ายจึงมักเดินเปลือยกายท่อนบนไปรอบบ้าน แต่นั่นไม่ใช่สิ่งที่คุ้นชินสำหรับหญิงสาว หากภาพแฟรงค์และสามหนุ่มในชุดสูทสีดำโค้งให้ตนก็ทำให้เขาตกใจไม่แพ้กัน และสิ่งที่เกิดขึ้นก็คงหนีไม่พ้นบิดาบุญธรรมที่ห่วงความปลอดภัย ทั้งที่เขาก็แจ้งไปแล้วว่าแฟรงค์เพียงคนเดียวก็เกินพอ เพราะที่นี่เมืองไทยบ้านเกิดเมืองนอนของเขา ไม่ใช่อเมริกา หญิงสาวหันไปมองหน้าพชรด้วยความงุนงง สิ่งแวดล้อมรอบตัวในห้องยิ่งทำให้เธอสงสัย เขาเป็นเพียงนักเรียนทุนรัฐบาลแล้วทำไมถึงมีที่พักหรูหราอย่างนี้ หากชายหนุ่มกลับสนใจสั่งงานมากกว่าที่จะอธิบายให้ความกระจ่างลบข้อสงสัยของเธอ “พวกนายกลับอเมริกาไปได้แล้ว ฉันบอกไปแล้วว่าแค่แฟรงค์คนเดียวก็พอ” “แต่มันเป็นคำสั่งของคุณพาร์คเนอร์ พวกผมต้องอยู่ที่นี่ครับคุณแพทริก” เสียงรายงานของลูกน้องหนึ่งในสามของเขาทำให้ตะวันวาดรู้ว่าเขาไม่ใช่พชรคนเดิมของเธอ แต่ชีวิตเขาในสิบปีที่ผ่านมาเป็นไปเป็นมาอย่างไรคือสิ่งที่เธอต้องหาคำตอบต่อไป หากตอนนี้คงไม่เหมาะที่เธอจะยืนฟังบทสนทนาอย่างไร้มารยาทอยู่อย่างนี้ หญิงสาวยิ้มให้สามหนุ่มอย่างเป็นมิตรก่อนที่จะหันหลังกลับเข้าห้องไป โดยที่ไม่ได้เห็นสายตาอาฆาตของคนหวงรอยยิ้มเธอที่ยืนอยู่ข้างๆ สักนิด หลังจากสั่งงานเสร็จคนที่เพิ่งเดินทางมาถึงเมืองไทยได้ไม่กี่ชั่วโมงก็เดินหัวเสียกลับเข้ามาในห้องนอนอีกครั้ง เป็นครั้งแรกในรอบหลายปีที่คนทุ่มเทกับงานถึงขั้นเรียกว่าบ้างานอยากหยุดอยู่กับบ้านนอน ทว่าก็คงได้แค่คิด เพราะมีคำมั่นสัญญาที่เขาให้ไว้กับบิดาค้ำคออยู่ อีกทั้งยังมีโปรเจ็กต์สำคัญที่เขาใช้ความพยายามมากว่าห้าปีกว่าที่บิดาบุญธรรมจะใจอ่อนยอมเปลี่ยนสถานที่ก่อสร้างโรงแรมแห่งใหม่มาที่เมืองไทย แทนที่จะไปสร้างบนเกาะบาหลีเมืองท่องเที่ยวที่สามารถสร้างเม็ดเงินได้มากกว่าหลายเท่า ถึงแม้จะมีโปรเจ็กต์ใหม่ แต่เขาก็ต้องดูแลโรงแรมโซนเอเชียในเครือเรย์ดอนกรุ๊ปทั้งหมดเหมือนเดิม นั่นคือข้อตกลงในเชิงธุรกิจระหว่างเขากับบิดาบุญธรรม เขายอมเหนื่อยเพียงเพื่อจะได้กลับมาเมืองไทย มาหาคนที่เขาให้คำมั่นสัญญา แต่เธอกลับหักหลังเขาอย่างไม่ไยดีในวันแรกที่เขากลับมาเมืองไทยด้วยซ้ำ หญิงสาวนั่งอยู่บนเตียง เธอถือวิสาสะเปลี่ยนชุดเป็นเสื้อเชิ้ตของเขา เสื้อพอดีตัวของเขาแต่พอมาอยู่บนเรือนร่างอรชรกลับกลายสภาพเป็นเดรสไปโดยปริยาย ถึงจะหลวมไปบ้างแต่ก็ยังดีกว่าให้เธอสวมชุดคลุมอาบน้ำทั้งวัน หรือไม่ก็ชุดแต่งงานที่ติดตัวมา นิ้วมือเรียวยาวพลิกสร้อยคอเส้นเล็กในมือหาทางซ่อมให้มันกลับมาเป็นเหมือนเดิม แต่ถึงแม้ว่ามันจะขาดออกเพียงแค่จุดเดียว ทว่าความเล็กของมันก็ไม่สามารถทำให้เธอซ่อมเองได้ หญิงสาวเผลอถอนหายใจออกมาเบาๆ ซึ่งเป็นจังหวะที่อีกคนเดินเข้ามาพอดี สร้อยเส้นเล็กถูกกระชากออกจากมือด้วยเพลิงโกรธของเจ้าของห้อง รู้ดีว่าเขาเป็นคนให้เธอแต่หากจี้อีกอันที่เคียงคู่กันอยู่กลับสะกิดอารมณ์ให้เขาโกรธได้ทุกครั้งที่เห็น ยิ่งเห็นรอยยิ้มของเธอที่มีให้คนอื่นเมื่อครู่ก็ยิ่งพานโกรธมากขึ้น “อาลัยอาวรณ์มันมากขนาดนี้ ใครให้มาล่ะ” “คนพาลอย่างคุณคงไม่เข้าใจหรอก ขอของฉันคืนเถอะ” “ถ้าไม่บอกฉันจะปามันลงหน้าต่างเดี๋ยวนี้!” หญิงสาวลอบถอนหายใจออกมา ถ้าขืนไม่บอกไม่เล่าเรื่องราวก็คงไม่จบ คนพาลอย่างเขาคงหาเรื่องขุดคุ้ยมาถามอยู่ร่ำไป หากหญิงสาวกลับเชิดหน้าตอบกลับอย่างท้าทาย “ก็เชิญเถอะค่ะ ของของคุณ ฉันรักษามันเอาไว้อย่างดีมานาน แต่เมื่อถึงวันที่มันจะโดนเจ้าของปาลงหน้าต่าง ฉันก็ไม่มีสิทธิ์ขวาง” หญิงสาวบอกพร้อมกับลุกหนี หากลำแขนของเขากลับเกี่ยวเอวบางเอาไว้ก่อนจะทิ้งตัวนั่งลงบนเตียง พาให้คนไม่ทันตั้งตัวเซล้มลงบนตักของเขา “อย่ามายั่วฉันนะตะวันวาด...เธอก็รู้ว่าฉันหมายถึงอะไร” “ฉันไม่ได้ยั่ว” “ก็ได้...ถ้าไม่บอกก็อยู่บนเตียงกันทั้งวันนี่แหละ เอาไง!” หญิงสาวกลอกตามองเพดาน มือบางขยับหมายจะแกะมือของเขาออกทว่าอีกฝ่ายก็ยิ่งรัดแน่นเหมือนรู้ทัน “สร้อยเส้นนี้เป็นสิ่งที่ฉันหวงแหนมากที่สุด และสวมมันติดตัวไม่เคยถอดมานับสิบปี จี้หัวใจแทนหัวใจผู้ชายที่ฉันรักและคำสัญญาที่ให้รอ แต่พอถึงวันที่ฉันต้องหยุดการรอคอย ฉันก็เลยซื้อจี้อีกอันแทนหัวใจของฉันมาเคียงคู่ เพื่อจะสื่อว่าหัวใจของฉันจะยังอยู่คู่กับเจ้าของจี้อันนี้เสมอ” สิ่งที่ออกจากปากทำให้หัวใจคนฟังเต้นถี่ด้วยความยินดี เธอยังไม่ได้ลืมเขา แต่ความคิดอีกอย่างก็เข้ามากดทับความรู้สึกเอาไว้ทันทีเหมือนกัน ‘ถ้ารัก ถ้ารอ จะแต่งงานกับคนอื่นทำไมกัน’ “ตีสองหน้าเก่งนักนะ รัก หวงแหน แต่ก็มั่วผู้ชายไม่เลือก” หญิงสาวหันกลับไปประจันหน้ากับคนพูดทันที “หมายถึงอะไร” “ความหมายตรงตัว” “ถ้าคุณหมายถึงเรื่องแต่งงาน ฉันมีความจำเป็นต้องทำ แต่คงไม่จำเป็นต้องอธิบายให้คุณเข้าใจ เพราะคุณก็พังมันไปแล้วกับมือ ปล่อยได้แล้วค่ะ” ไม่เพียงไม่ปล่อยตามที่หญิงสาวร้องขอ แต่เขากลับเกี่ยวเอวเธอเข้ากับตัวพร้อมกับขยับไปเปิดลิ้นชักหัวเตียงแล้วหยิบซองเอกสารออกมายื่นให้หญิงสาว “แล้วนี่ล่ะ...จะสร้างละครฉากไหนมาหลอกฉันอีก” พอเห็นสิ่งที่อยู่ในซองหญิงสาวก็รู้ความหมายและความโกรธแค้นของชายหนุ่มได้ทันที ไม่แปลกที่เขาจะโกรธ แต่แปลกที่เขาได้ภาพพวกนี้มาได้อย่างไร ในเมื่อหลายภาพเป็นภาพเมื่อหลายปีก่อนด้วยซ้ำ แต่หากจะให้เธอพูดและอธิบายก็ยิ่งเป็นการขายพี่สาวของตัวเอง เธอไม่รู้ว่าใครจะมีเหตุผลอะไรบ้าง แต่เหตุผลของเธอคืออย่าทำให้ใครเดือดร้อนหรือลำบากใจเป็นพอ “หากคุณเชื่อใจและมองทุกอย่างโดยปราศจากอคติ คุณก็จะเข้าใจ แต่ฉันจะไม่แก้ตัวหรืออธิบายอะไรทั้งสิ้น” “ยอมรับงั้นซิ!”
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม