“กลับไปเอาเสื้อผ้าในรถฉันสิ ฉันไปด้วย”
“มุกตื้นๆ น่า จะหนีหรือไง ไม่มีทางหรอก หนีออกไปเจอลูกน้องผม ยิ่งไม่เคยเห็นผู้หญิงสวยๆ อดอยากปากแห้งได้โดนรุมโทรมแน่ หรือถ้าทรหดหนีรอดไปได้ เพราะเจอมาร้อยเอ็ดเจ็ดย่านน้ำ หลงป่าไปเจอเสือ เสือขย้ำตายคาที่ เลือกเอาแล้วกันจะเอาแบบไหน”
“ไม่ต้องมาขู่นะ จริงๆ นายรู้ไหม คู่หมั้นของฉันเป็นขาใหญ่ที่นี่”
พวงชมพูเพิ่งคิดได้เมื่อครู่ แทนที่เธอจะบอกว่าคู่หมั้นที่ไม่เคยเห็นหน้ากันเลยเฉิ่มเชย บอกว่าเป็นขาใหญ่ข่มขู่คนตรงหน้าดีกว่า เมื่อกี้เธอไม่น่าหลุดปากวิจารณ์ไปตรงๆ เหมือนอย่างที่เคยคิดวาดฝันเอาไว้ในใจเลย
“อ้าว... ไหนบอกว่าเฉิ่มเชย บ้านนอก ไหงตอนนี้มาบอกว่าขาใหญ่ล่ะ”
“เมื่อกี้ฉันคิดเอาเองไง แต่คุณพ่อบอกว่า คู่หมั้นฉันน่ะขาใหญ่ประจำที่นี่เลยนะ พ่อเขามีอิทธิพลมาก ถ้านายทำอะไรฉัน เขาต้องไม่เอานายไว้แน่ๆ”
พวงชมพูหน้างอเมื่ออีกฝ่ายระเบิดหัวเราะออกมาดังๆ แทบไม่อั้นเสียงเลย
“หัวเราะอะไรของนาย”
“คู่หมั้นคุณชื่ออะไรล่ะ ผมจะได้รู้จัก เผื่อใหญ่จริง ผมจะได้รีบปล่อยคุณไปด้วยความกลัว ขาใหญ่นี่ใหญ่เป็นไขมันอุดตันในเส้นเลือดหรือเปล่า ฮ่าๆๆๆ” อุกฤษฏ์หัวเราะไม่ออมเสียงอีกเช่นเคย “หรือว่าอะไรใหญ่กันแน่” เขามีสีหน้าเจ้าเล่ห์จนเธอหน้าแดง
“ชื่อ เอ่อ...” เฮ้ย! เขาชื่ออะไรแล้วนะ เวรกรรม พวงชมพูนึกไม่ออก
“ว่าไงล่ะ รีบตอบมาสิ อย่าบอกนะว่าจำชื่อคู่หมั้นตัวเองไม่ได้”
ซวยแล้ว... เขาจับติด พวงชมพูร้อนใจ สีหน้าแสดงพิรุธอย่างเต็มที่ อุกฤษฏ์หรี่ตามอง ใบหน้าบึ้งตึงเต็มกำลัง หญิงสาวไม่กล้ามองหน้าเขา เขาหน้าบึ้งเพราะคิดว่าเธอหลอกเขาแน่ๆ เลย
แต่อุกฤษฏ์หน้าบึ้งเพราะเหตุผลส่วนตัว!!! ที่เขาเองก็รู้ว่ามันคืออะไร ยัยหน้าหวานตัวหอม จำชื่อเขาไม่ได้ น่าจับปล้ำสามวันเจ็ดวันให้ครางแต่ชื่อเขานัก!!!
“เร็วสิครับ รีบบอกชื่อผมมา ถ้าช้าผมจะถือว่าคุณพูดโกหก”
“ฉันขอนึกก่อน มันนานหลายปีแล้ว ไม่ได้ติดต่อกันนี่นา” เธอสารภาพหมดเปลือก ยอมหน้าแตก “แต่ฉันมีคู่หมั้นที่นี่จริงๆ นะ เขาขาใหญ่จริงๆ” เธอรีบพูดอีก ส่วนเรื่องติดต่อกันนานหลายปี โม้ทั้งเพ อุกฤษฏ์เองก็รู้ เพราะคู่หมั้นที่เธอพูดถึงก็เขาไง นั่งอยู่ตรงนี้ ตรงหน้าเธอนี่แหละ นี่ถ้าเธอใส่ใจเขาสักนิด อย่างน้อยก็คงจำชื่อเขาได้บ้าง พูดแล้วน่าจับปล้ำเสียตอนนี้เลย
“เอาให้นึกได้ก่อนค่อยว่ากัน ถ้ามันไม่ถือสาหาความ คุณเป็นเมียผมก่อน ถ้ามันตามมาพบ ผมจะยกคุณให้มันดีไหม”
“ไม่ดี เฮ้ย!” พวงชมพูอยากจะกรีดร้อง ตอนนี้ทำอะไรก็ไม่ได้ จะหนีก็ไม่ได้ คิดสมองแทบแตกก็ไม่รู้จะทำยังไงดี
“ตอนนี้ผมหายเหนื่อยแล้ว ไหนๆ ก็ไหนๆ แล้ว คุณเป็นเมียผมเดี๋ยวนี้เลยนะ” เขาไม่พูดเปล่า ขึ้นคร่อมทับเธออย่างรวดเร็ว
“กรี๊ดด... ว้าย!!! ไอ้บ้า โรคจิตปล่อยเดี๋ยวนี้นะ”
พวงชมพูตกใจที่โดนกดให้นอนหงาย แล้วร่างสูงใหญ่ก็ขึ้นมาทาบทับ เธอยิ่งดิ้นเขายิ่งขบขัน ซุกไซ้รุกไล่เธอไม่ยอมปล่อยง่ายๆ จริงๆ เขาแค่อยากแกล้ง ไม่ได้คิดเอาจริงจัง
“โอ๊ย!” อุกฤษฏ์ร้องอย่างตกใจเมื่อโดนกัดเข้าที่หู พอเขาสะบัดหลุดเธอก็ตามมากัดที่แขนต่อ
เรียกว่ากัดไม่ปล่อย!!!
“เป็นหมาหรือไง ปล่อย อ๊ากก!!!”
เสียงร้องลั่นของอุกฤกษ์คือเสียงความเจ็บปวด พวงชมพูถีบเขาที่หว่างขาของเขาเป็นการตบท้าย ซึ่งเป็นจุดยุทธศาสตร์หลักๆ ร่างสูงหงายหลังดังโครม
“โอ๊ย!!!”
“โอ้โห... เจ้านายเบาๆ หน่อยสิ เดี๋ยวสาวช้ำหมด” เสียงแซวและผิวปากดังมาจากภายนอกกระท่อม ก่อนจะได้ยินเสียงโห่ของลูกน้อง อุกฤษฏ์กุมเป้ากางเกงหน้าเขียวหน้าเหลือง พวงชมพูหน้าตาเหรอหรา ลูกน้องของเขามาได้ยังไง หรือมาคอยเรียงคิวต่อจากเขา ไม่เอานะ เธอขอตายดีกว่า
“เจ้านายเบาๆ หน่อย เดี๋ยวกระท่อมพัง”
“ฮ่าๆๆๆ” เสียงหัวเราะก๊ากดังอย่างต่อเนื่อง ก่อนที่จะได้ยินเสียงโครมอีกครั้ง ประตูกระท่อมเปิดออกมาจนทุกคนที่หัวเราะอยู่ด้านนอกหยุดกึก
“เจ้านาย!!!”
เสียงเรียกดังประสานกัน ก่อนจะได้ยินเสียงโห่อีกครั้งเมื่อบรรดาลูกน้องเห็นอุกฤษฏ์กุมเป้ากางเกงหน้าเขียวหน้าเหลือง และหลังจากนั้นพวงชมพูก็ไม่เห็นอะไรอีกเลย พอแผ่นหลังบึกบึนของเขาหายไป เธอก็เห็นเพียงประตูที่ปิดลงในทันที
โครมใหญ่...
พวงชมพูนั่งมองประตูกระท่อมด้วยหัวใจที่เต้นแรง เธอกล้าหาญมากที่ทำอย่างนั้นกับเขาได้ ผู้ชายจะได้รู้ว่าผู้หญิงไม่ได้อ่อนแอ และกล้าที่จะต่อสู้เพื่ออิสรภาพ ในป่าแบบนี้คงไม่มีสัญญาณโทรศัพท์ แต่นั่นไม่สำคัญเท่ากับว่าเธอใส่โทรศัพท์เอาไว้ในกระเป๋าและอยู่ในรถ ตอนลงมาจากรถเพื่อดูคนที่นอนขวางทางอยู่ ก็ไม่ได้พาลงมาด้วย จึงลืมมันไปได้เลยว่าจะใช้โทรศัพท์เครื่องนั้นติดต่อกับใครได้
หญิงสาวกวาดสายตามองรอบกาย กระท่อมไม้ไผ่ดูแข็งแรงและทนทาน เขาไม่ได้กักขังเธอโดยการล่ามโซ่หรือล็อกประตูหน้าต่างแน่นหนา แต่กลับเปิดโล่งให้เธอชะโงกหน้าออกไปมองทัศนียภาพภายนอกได้
“คิดจะกระโดดหน้าต่างหนีเหรอครับนายหญิง”
“ว้าย!” พวงชมพูผงะถอยหนี เมื่อเห็นเด็กหนุ่มผมหยิกหงอย ตัวดำปี๋ ฟันนี่ขาวจัดเวลายิ้ม เธอนึกถึงเรื่องเงาะป่า ซึ่งเป็นหนังสือที่เธอเคยอ่าน ด้านในมีภาพประกอบแทรกอยู่ตลอดทั้งเล่ม ตอนกลับมาเยี่ยมคุณยาย คนตรงหน้าไม่ต่างกับภาพวาดที่เธอเคยเห็นจนติดตา
“ตกใจหมดเลย” เมื่อเห็นอีกฝ่ายยิ้มยิงฟันขาว เธอจึงคิดว่าเขาไม่น่าจะทำอันตรายอะไรเธอ จึงชวนคุย
“นายเป็นลูกน้องอีตานั่นเหรอ”
“ตาไหน” ฉิมพลีเกาหัวแกรกๆ แล้วถามอย่างงงๆ
ซื่อจัง พวงชมพูหันหน้าไปทางอื่น ก่อนถอนใจ
“หมายถึงเจ้านายของนายน่ะสิ แล้วนายชื่ออะไรล่ะ”
“ผมชื่อฉิมครับ ชื่อจริงว่าฉิมพลี”
พวงชมพูได้ยินแล้วหัวเราะก๊าก คนอะไรชื่อฉิมพลี พ่อแม่ช่างตั้ง แต่ก็เถอะ ยังดีกว่าชื่อคนสมัยโบราณกว่านี้ เรียกยากมากกว่าเป็นไหนๆ ตัวอย่างเช่นแม่ครัวกับคนขับรถที่บ้านคุณตาคุณยาย ชื่อแปลกสั้น แต่เรียกยาก
“หัวเราะอะไรฉิม” พวงชมพูหยุดหัวเราะกึก มองคนที่หัวเราะประสานกับเธอด้วยความสงสัย
“เห็นนายหญิงหัวเราะ เลยหัวเราะด้วย”
“ทำไมเรียกฉันว่านายหญิงล่ะ มันฟังดูแปลกๆ”
“นายหญิงก็แปลว่าเมียนาย”
“แค่กๆๆๆ” พวงชมพูถึงกับสำลักเมื่อได้ยินคนตรงหน้าพูดเช่นนั้น
“นายหญิงเป็นอะไร”
“อย่าเรียกฉันว่านายหญิงอีก ฉันไม่ใช่เมียอีตานั่น” พวงชมพูตาเขียว
“นายหญิงโหดจัง” ฉิมพลีหน้าซีดทำท่าจะร้องไห้เหมือนกลัว
“อะไรกัน เป็นผู้ชายร้องไห้ได้ยังไง” ใบหน้าของพวงชมพูเหรอหราเมื่อเห็นคนตรงหน้าร้องไห้
“ก็นายหญิงทำเสียงดุ๊ดุ” ฉิมพลีหน้างอจนพวงชมพูเลิกคิ้วขมวดเข้าหากัน พอสังเกตดีๆ ฉิมพลีไม่เหมือนคนปกติ น่าจะเป็นทางด้านสติปัญญา คนเราเลือกเกิดไม่ได้ บางทีเห็นแล้วก็หดหู่ใจ
“โอ๋ๆๆๆ ไม่ร้องไห้นะฉิมพลี ให้เรียกก็ได้ แต่เรียกฉันว่าพิ้งค์ โอเคไหม”
“พิ้งค์คืออะไร” ฉิมพลีหยุดร้องไห้ถามตาใสเหมือนเด็ก พวงชมพูยิ้มอย่างเอ็นดู
“เป็นชื่อเล่นของฉันไง เหมือนฉิมพลีก็ชื่อฉิม อะไรประมาณนี้แหละ” เธออธิบายอย่างใจดี มองเด็กหนุ่มอย่างสงสาร อายุน่าจะไม่เกินยี่สิบ น่าจะซักสิบสามสิบสี่
“อ๋อ... ต่อไปฉิมจะเรียกนายหญิงว่าพิ้งค์” ฉิมพลียิ้มยิงฟันเช่นเดิม
“คุยอะไรกัน” เสียงเข้มๆ ของอุกฤษฏ์ทำให้ทั้งสองสะดุ้ง ฉิมพลียิ้มร่าวิ่งเข้าไปประจบประแจง น่าแปลกที่คนขี้โมโหอย่างอีตานั่น กลับลูบหัวฟูๆ หยอยๆ ของเด็กหนุ่มอย่างรักใคร่เอ็นดู
“กำลังทำความรู้จักกับนายหญิง อุ๊บ! พิ้งค์” ฉิมพลียกมืออุดปาก เมื่อเผลอพูดคำที่โดนสั่งห้าม
“หึ! คุยอะไรกันล่ะ” อุกฤษฏ์ทำเสียงเล็กน้อย ตวัดสายตามองหญิงสาวอีกด้าน ก่อนหลับมามองเด็กหนุ่มตรงหน้า
“พิ้งค์โกรธฉิมด้วย พอเรียกนายหญิง บอกว่าไม่ใช่เมียนาย” ฉิมพลีฟ้องไม่หยุดปาก พวงชมพูหน้างอทันที