บรื๊นนนนนน
เสียงยานพาหนะสองล้อแล่นไปบนถนนด้วยความเร็วราวพายุพัด และดูท่าจะไม่มีผ่อนแรงลงเลย ด้วยความมาดมั่นว่าตนนั้นเก่งและความคึกคะนองทำให้มือหนานั้นบิดเร่งเครื่องให้เร็วขึ้น
“ไอ้สัสเติร์ด มึงผ่อนแรงลง ข้างหน้าทางโค้ง เข้าโค้งด้วยความเร็วขนาดนี้ไม่ได้!” เสียงน่านฟ้าเอ่ยปรามเพื่อน ที่เพิ่งเป็นมือใหม่หัดแข่งด้วยความชำนาญการณ์กว่า แต่ดูเหมือนเติร์ดจะไม่ฟังเขาเลย
“กูเอาอยู่ มึงเชื่อกู” เติร์ดกล่าวอย่างมาดมั่นพร้อมกับบิดคันเร่งด้วยความเร็วขึ้นไปอีก
ฟิ้ว เอี๊ยดดดดดด
“ชิบหายแล้ว!” น่านฟ้าอุทานก่อนจะพยายามตั้งรับ กับการลงข้างหน้า ยานพาหนะสองล้อถูกหักตอนเข้าโค้งด้วยความเร็วที่ตั้งรับไม่ไหว ทำให้รถ
แสลกไปกระแทกกับตอหม้อข้างทางที่ข้างๆมีป้ายเตือนความเร็วอยู่หลายป้าย ร่างของเติร์ดปลิวไปกระแทกอย่างแรงที่เสาไฟฟ้าสลบคาที่ ส่วนน่านฟ้าที่ลงถูกวิธีทำให้ได้รับบาดเจ็บแผลถลอกและเคล็ดขัดยอกไม่มากนัก
“เติร์ด!!” เสียงน่านฟ้าเรียกสติเพื่อน ร่างสูงคลานเข้าไปหาเพื่อนที่หมดสติไปแล้ว มือหนาเขย่าตัวเพื่อนแต่ก็ไร้เสียงตอบรับใดๆ
@โรงพยาบาบาลเอกชน
นักศึกษาแพทย์ปี4ถูกเรียกรวมเนื่องจากมีเคสฉุกเฉินเข้ามา ด่วนและหลายที่ จึงจำเป็นต้องเรียกนักศึกษาปี4เข้ามาช่วยชั่วคราวก่อน
“ฟิวส์ไปกับหมออุ้ม ส่วนปันปันไปกับพี่ เราต้องไปช่วยนักแข่งที่รถล้มกัน”หมออาร์ตกล่าว ก่อนจะรีบขึ้นไปที่รถฉุกเฉิน ส่วนปันปันที่ไม่เคยได้ออกนอกพื้นที่ยืนตัวสั่นไม่ยอมก้าวขึ้นรถไปด้วย “ปันปัน ช้าแค่วินาทีเดียวก็พลาดโอกาสช่วยคนได้เลยนะ มัวทำอะไรอยู่ รีบขึ้นมา!!”ปันปันเมื่อได้สติก็รีบก้าวขาขึ้นไปนั่งบนรถฉุกเฉิน หัวใจที่เต้นแรงตอนนี้มันเต้นโครมครามราวกับจะกระเด็นออกมาด้านนอก มือเล็กกำแน่นที่หน้าขาจนเหงื่อซึม กรอบหน้าสวยๆก็มีเม็ดเหงื่อผุดขึ้นมาด้วยความรู้สึกประหม่าอยู่ไม่น้อย “เป็นอะไร?”หมออาร์ตเมื่อเห็นท่าทีตื่นกลัวของนักศึกษาแพทย์รุ่นน้องก็ถามขึ้นด้วยความไม่พอใจ สำหรับเขาทุกอย่างต้องเนี้ยบ ต้องเป๊ะ แต่เมื่อเห็นท่าทีของปันปันก็ชวนให้หงุดหงิดทุกที
“คือ…เปล่าค่ะ แค่ตื่นเต้นไม่เคยออกมาแผนกฉุกเฉินแบบนี้ค่ะ” ปันปันกล่าว ทั้งที่ความจริง เธอไม่กล้าที่จะบอกความจริงด้วยซ้ำ เพราะกลัวหมออาร์ตจะดุเอา แค่ท่าทีแบบนี้เขาก็รู้สึกไม่พอใจแล้ว ขืนบอกความจริงไปว่ากลัวเลือดมีหวังต้องด่ายับแน่ๆเลย
“พึงระลึกเอาไว้ว่าเป็นหมอ ต้องทำหน้าที่ของหมอให้สมบูรณ์ที่สุด อย่าเอาปัญหาส่วนตัวมาทำให้หน้าที่หมอต้องแปดเปื้อน พลาดแค่วินาทีเดียวคนไข้ก็มีโอกาสตายได้”หมออาร์ตเอ่ยบอกด้วยน้ำเสียงจริงจัง
“ค่ะหมอ” ปันปันพยักหน้ารับ นอกจากจะกดดันหนักกว่าเดิมแล้ว ยังไม่เคยพูดจาให้กำลังใจกันเลยแม้แต่นิดเดียว
หมออาร์ตเป็นหมอที่อยู่แผนกฉุกเฉิน แกอายุมากกว่าคนอื่น หรือจะบอกว่าเป็นหัวหน้าแผนกของแผนกนี้ก็คงจะเป็นแบบนั้น หมออาร์ตค่อนข้างเข้มงวด ดุดัน ไม่เป็นมิตร จริงจังกับทุกอย่างจนทุกคนพลอยเกร็งไปด้วย และที่สำคัญ ถึงแม้ว่าจะรู้ว่าเธอเป็นลูกสาวของเจ้าของโรงพยาบาล ก็ปฏิบัติกับเธอเหมือนคนอื่นๆ หรืออาจจะเยอะกว่าคนอื่นด้วยซ้ำเพราะอะไรน่ะหรอ เพราะเขามองว่าเธอมีสิทธิพิเศษกว่าคนอื่น ใช้เส้นสายพ่อแม่และถูกมองว่าไม่มีความสามารถจริงๆ
ณ ที่เกิดเหตุ
“ผู้ป่วยด้านนี้หมดสติ แล้วก็เสียเลือดมาก ปันปัน ไปดูผู้ป่วยด้านนู้นแล้วกัน เคสนั่นไม่น่าจะหนัก รับมือได้ใช่ไหม?” หมออาร์ตกล่าว แล้วยื่นกล่องปฐมพยาบาลเบื้องต้นไปให้เธอ
“ค่ะหมออาร์ต” ปันปันถือกล่องปฐมพยาบาลเดินลงจากรถไป ด้วยมือที่สั่น ใจสั่นไม่ต่างจากมือ กรอบหน้ามีเหงื่อเม็ดเล็กๆผุดขึ้นมา ใบหน้าซีดเผือด รู้สึกประหม่า
ตึก ตึก ตึก!!
สองเท้าเล็กค่อยๆเดินเข้าไปหาชายร่างสูงที่นั่งรอรับการรักษาอยู่ข้างๆหลักกิโลที่ห่างจากเพื่อนไม่ไกลมาก ใบหน้าสวยหวานซีดเผือด ดวงตากลมโตหลับปี๋ แต่เท้าก็ยังคงก้าวไปยังผู้ป่วยที่บาดเจ็บช้าๆทีละก้าว
“ปันปัน! อย่าเสียงาน!”เสียงเน้นย้ำของหมออาร์ตยังคงเอ่ยเตือนสติเธอ ทำให้ชายร่างสูงที่กำลังสำรวจดูแผลตัวเองอยู่นั้นหันมามองนักศึกษาแพทย์หญิงที่กำลังเดินมาด้วยท่าทีสั่นหวั่นกลัว
“เชี้ย! น่ารักสัส!”น่านฟ้าเอ่ยขึ้น ดวงตาดุจจิ้งจอกเจ้าเล่ห์จับจ้องมองดวงหน้าที่สวยหวานน่ารักไร้ที่ติ กลิ่นหอมๆที่ยิ่งเดินเข้ามาใกล้ก็ยิ่งหอมหวาน ชวนให้สูดเข้าไปจนสุดปอด นี่มันเทพธิดาบนดินชัดๆ
“เอ่อ…ขะ…ขอดูแผลหน่อยนะคะ” ปันปันเอ่ยตะกุกตะกัก แล้วค่อยๆนั่งลงข้างๆร่างสูงโดยที่ดวงตากลมโตยังคงหรี่อยู่ไม่กล้าลืมเต็มตา
“ครับคุณหมอ” หนุ่มหล่อหน้าหวานเอ่ยขึ้น จากนั้นก็เลิกแขนเสื้อขึ้น ในจังหวะเดียวกับที่ร่างบางค่อยๆลืมตามองแผลที่มีเลือดสดๆไหลอาบลงมาเป็นทาง หัวใจดวงน้อยก็เต้นแรงราวกับกำลังจะระเบิดออกมาด้านนอก มือไม้ที่สั่นแต่ทุนเดิมอยู่แล้วสั่นหนักเข้าไปอีก ดวงตาเห่อร้อนเริ่มมีน้ำใสๆเอ่อรอบดวงตา การหายใจเร็วขึ้นจนร่างสูงนั้นรู้สึกได้ถึงความผิดปกติบางอย่าง
“ละ…เลือด…” เสียงแผ่วเบาเอ่ยก่อนที่จะล้มพับลงไปต่อหน้าต่อตาน่านฟ้า
“เห้ย! คุณหมอ!”ร่างบางเป็นลมไปแล้ว ทำเอาน่านฟ้าถึงกับงงเลย “กลัวเลือดหรอวะ? แล้วมาเป็นหมอเพื่อ?”
“ปันปัน!!” เสียงหมออาร์ตที่จัดการปฐมพยาบาลเบื้องต้นให้เพื่อนของน่านฟ้า หันมาเรียก แต่เนื่องจากว่าคนเจ็บรายนี้ค่อนข้างที่จะสาหัส จึงไม่มีเวลาที่จะมามัวสนใจ ต้องรีบส่งผู้ป่วยไปรักษาให้เร็วที่สุด
“คุณหมอไปเถอะครับ ผมไหวไม่ได้เจ็บมาก ฝากเพื่อนของผมด้วย” น่านฟ้าเอ่ยบอก
“ครับ ขอโทษแทนนักศึกษาแพทย์คนนี้ด้วยครับที่ทำหน้าที่ได้ไม่ดี อีก5นาทีจะมีรถมาอีกคันครับ” น่านฟ้าพยักหน้ารับ รถที่หมออาร์ตพาเพื่อนของเขาที่ไร้สติออกไปได้ไม่นาน ก็มีรถอีกคันแล่นเข้ามา
“คนเจ็บอยู่นิ่งๆค่ะ” พยาบาลสาวเอ่ยขึ้นทันทีที่เห็นน่านฟ้าพยายามพยุงตัวลุกขึ้น
“ผมไหวครับ แค่ถลอก” จากนั้นก็ก้มลงไปช้อนตัวปันปันขึ้นไปนอนบนเตียงแทน
ภายในรถน่านฟ้าก็หยิบนั่นหยิบนี่มาทำความสะอาดแผล ดีที่เขารู้วิธีตั้งรับ ไม่งั้นคงได้หมดสติไปเหมือนเติร์ด ระหว่างทำแผลด้วยตัวเอง แทนที่หน้าที่นี้จะเป็นของนักศึกษาแพทย์คนนี้ กลับกลายเป็นเขาที่ต้องอุ้มเธอขึ้นมานอนบนเตียงนี่อีก ดวงตาแสนเจ้าเล่ห์ราวจิ้งจอกนั้นมองดวงหน้าสวยหวาน แทบจะวางตาไม่ได้ ในใจก็นึกขำที่ต้องมาเจออะไรผิดแผนแบบนี้
แชะ!!
“หึๆ ปัณณพร อภินันท์ประภากร” น่านฟ้ายกโทรศัพท์ขึ้นบันทึกภาพใบหน้าของปันปัน แม้จะซีดเซียวแต่ก็ยังคงสวยน่ารักน่ามอง จากนั้นก็อ่านไปที่ป้ายชื่อที่หน้าอกของเธอ
“เจอกันครั้งแรกก็ประทับใจเลย”