ภานนท์ละสายตาจากจอคอมพิวเตอร์เมื่อประตูห้องทำงานถูกผลักเข้ามาโดยแรง
มือหนาประกอบด้วยนิ้วเรียวยาวค่อนข้างขาววางประทับบนเมาท์ขยับเบาจนไม่เป็นที่สังเกต
ภาพโครงสร้างทางเคมีกระจายอยู่เต็มจอเปลี่ยนเป็นภาพเกมที่เล่นค้างไว้ขึ้นมาแทน
ตลอดเวลาที่มือขยับสายตาเขาแทบจะไม่ได้ละจากผู้บุกรุกที่ก้าวฉับๆ เข้ามาหยุดอยู่ด้านหน้าโต๊ะ
ภาพที่ปรากฏในคลองจักษุคือหญิงสาวที่มีรูปร่างหน้าตายิ่งกว่าชวนมอง
ใบหน้าเรียวเกือบเป็นรูปไข่งามสมบูรณ์ ประกอบด้วยแก้มเนียนเปล่งปลั่งด้วยเลือดฝาด
ตากลมโตเป็นดวงตาที่งดงามอย่างยิ่ง และคงทำให้ผู้ชายคนไหนก็ตามถูกดวงตาคู่นี้มองอย่างออดอ้อนเข่าอ่อนได้นั่นเลย
แต่ขณะนี้ดวงตาคู่งามมองออกมาจากกรอบแผงขนตางอน ฉายประกายขุ่นเคืองอย่างเห็นได้ชัด
‘ทอร์นาโดก่อตัวอีกแล้ว’
ชายหนุ่มบอกตัวเอง แต่ยังใจเย็นเผชิญหน้าพายุลูกกะทัดรัด
“มีเรื่องอยากพูดด้วย!”
เสียงมีกังวานใสที่ตอนนี้ขุ่นพอๆ กับแววตา เปิดฉากก่อน
“ครับ เชิญ”
เขาพูดพร้อมกับทิ้งตัวพิงพนักเก้าอี้ตามสบายในท่าเตรียมฟัง
“ที่ฉันจะเดินทางไปภูเก็ตวันมะรืนนี้ฉันไม่ต้องการคนติดตาม ฉะนั้นนายจะต้องถอนตัว”
“ผมก็อยากทำอย่างนั้นนะครับ” ภานนท์ตอบเนิบๆ “แต่ทีนี้ ผมรับคำสั่งเป็นคำขาดมาแล้วจากคุณพ่อของคุณ ซึ่งเป็นนายจ้างของผม ให้ผมไปเป็นเพื่อนคุณ”
“ฉันไม่ต้องการเพื่อน!”
เสียงตอบกลับทันควันเกือบเป็นตวาด และคงรู้ตัวว่าตนกำลังแสดงออกถึงอาการควบคุมอารมณ์ไม่ได้ ระดับเสียงจึงลดลงเมื่อกล่าวต่อ
“ฉันไม่สนว่านายจะไปพูดกับนายจ้างของนายยังไง ถ้านึกคำพูดไม่ออก พอถึงวันเดินทางนายจะทำเป็นไม่สบาย ท้องร่วง ท้องเสียยังไงก็ตามใจ แต่นายต้องไม่ไปกับฉัน หวังว่าจะเข้าใจ”
“เข้าใจครับ แต่ว่า...นั่งก่อนดีมั้ยจะได้ไม่เมื่อย”
คำพูดเรื่อยๆ ของเขาเกือบจะกลายเป็นเชื้อเพลิงชั้นดีไปในทันที
“ฉันไม่เมื่อย! แล้วนายก็ไม่ต้องมาเบี่ยงเบนประเด็น ตกลงจะว่าไง?”
“ว่าไงเรื่องอะไรละครับ อ้อ นึกออกละ เรื่องที่คุณแนะให้ผมโกหกนายจ้าง”
เขารีบพูดติดต่อกันไปเมื่อตาคู่งามทำท่าจะขว้างกริชเข้าใส่
“ฉันไม่ได้แนะให้โกหก ก็แค่...”
“พูดไม่จริง” เขาต่อให้ “ผมสบายดี ก็จะให้ปดเจ้านายว่าท้องร่วงท้องเสีย เรียกว่าอยู่ดีๆ ก็แช่งตัวเองซะงั้น”
“พูดแบบนี้แปลว่านายจะไม่ให้ตามที่ฉันขอ?”
“ขอหรือครับ เอ ผมว่าหูของผมคงจะไม่ค่อยดีเสียแล้ว เพราะตั้งแต่คุณเดินเข้ามานี่ผมก็ได้ยินแต่คำสั่ง ไม่เห็นได้ยินคำขอสักคำ”
“นาย!”
ทิราภาพยายามจะสูดลมหายใจเข้าลึกๆ รู้ว่าตนถูกยั่วอีกแล้ว
เป็นอย่างนี้ทุกครั้งเวลาเจอกัน ไม่ว่าเขาเปิดฉากก่อน หรือเธอเป็นฝ่ายเริ่ม ลงท้ายเธอคือคนที่ลุกเป็นไฟจากความช่างยั่วและยังใจเย็นของชายหนุ่ม
กับคนอื่นก็เห็นเขาพูดจาดี ไม่พูดจาวกวนยั่วโมโหอย่างที่ทำกับเธอ
“ตกลงจะไม่นั่งลงก่อนหรือครับ หรือว่า...เพราะลมมันเย็น”
“บ้า!”
ทิราภาแทบลืมตัวกระทืบเท้ากับสุ้มเสียงเลียนโฆษณาดังในยุคหนึ่งได้เกือบเหมือน เธอไม่รู้ว่าตัวเองจะแค่หน้าแดงหรือถึงขั้นหน้าเขียวหน้าเหลือง ขณะชายหนุ่มพูดต่อด้วยน้ำเสียงเสแสร้ง
“ท่าทางเราจะพูดกันนาน ผมแค่เป็นห่วงกลัวจะเมื่อย”
“เมื่อยก็ขาฉัน นายไม่ต้องมาทำเป็นห่วงเลย หรือถ้าห่วงนักก็รีบรับปากมาว่าจะไม่ร่วมเดินทางไปกับฉัน”
“เห็นจะไม่ได้ ขืนรับปากคุณก็เท่ากับผมลองดีนายจ้างด้วยการขัดคำสั่ง ผมไม่อยากเสี่ยงตกงาน งานดีๆ หายากเสียด้วย เอางี้ ถ้าคุณทนร่วมเดินทางกับผมไม่ได้ ก็ไปพูดกับคุณพ่อของคุณเองละกัน”
“ฉันไปแน่หากนายยังไม่ยอมรับรู้ถึงความต้องการของฉัน ถึงตอนนั้น...”
“ผมรับรู้” เขาพูดแทรก “แต่ทำตามไม่ได้”
“ทำไม่ได้เพราะไม่อยากทำน่ะสิ!”
นอกจากกระแทกเสียง เธอยังมองเขาประหนึ่งเขาคือตัวก่อกวน
“ฉันไม่เข้าใจจริงๆ นายไม่ชอบหน้าฉันพอๆ กับที่ฉันไม่ชอบหน้านาย แล้วทำไมถึงยอมเดินทางร่วมกับคนที่นายเกลียดขี้หน้าด้วยล่ะ”
“อย่าเอาความรู้สึกของตัวเองมาเป็นบรรทัดฐานตัดสินความรู้สึกของคนอื่นสิครับ โดยเฉพาะของผม”
เขาแย้งยิ้มๆ ไม่ได้มีท่าทีร้อนใจไปกับความขัดเคืองใจของหญิงสาว
“อย่าบอกนะว่านายไม่ได้รู้สึกอย่างเดียวกับฉัน จ้างให้ฉันก็ไม่เชื่อ”
“งั้นผมไม่บอกละ บอกไปคุณก็ไม่เชื่อ แต่ยังไงเรื่องที่จะไม่ให้ผมไปภูเก็ตด้วขอแนะนำอีกครั้ง ว่าให้ไปพูดกับคุณพ่อของคุณเองจะดีกว่า ผมเป็นลูกจ้างท่าน มีหน้าที่แค่รับคำสั่งแล้วทำตาม”
“แหม! ช่างเป็นลูกจ้างที่ดีเหลือเกินนะ!”
เขายิ้มให้กับเสียงประชด
“ครับ แน่อยู่แล้ว”
เขามองเธอคล้ายจะขบขัน
“อย่ามามองฉันแบบนั้นนะ!”
“มองแบบไหนหรือครับ”
ถามไม่รู้ไม่ชี้ แต่แววตากลับดูว่าระยับยิ่งกว่าเดิม
“อย่างกับว่า...ฉันโง่เต็มทีน่ะสิ!”
เสียงตอบกลับมาห้วนๆ
“ผมไม่คิดอย่างนั้นหรอก ในเมื่อรู้อยู่ว่าลูกสาวของนายจ้างผมนอกจากสวยยังฉลาด นับเป็นอีกหนึ่งข้อยกเว้น”
“ข้อยกเว้นอะไร?” ถามเสียงระแวง ลืมไปแล้วว่าตั้งใจมาพูดธุระอะไรกับเขา
ก็อย่างนี้ทุกที ผู้ชายคนนี้ทำให้เธอหลุดจากภาวะควบคุมตัวเองได้เกือบทุกครั้งที่เผชิญหน้ากัน เพราะอย่างนี้ไงเธอถึง...ไม่ชอบเขาเลย
“ข้อยกเว้นที่ว่าความสวยของผู้หญิงมักจะแปรผันกับระดับมันสมองยังไงล่ะครับ”
“ความคิดเห็นของพวกอวดฉลาด แถมหลงตัวเอง” ว่าอย่างหมั่นไส้
“รอให้คุณหนูกะทิหลงก็ไม่ยอมหลงสักทีนี่ครับ ผมเลยต้องหลงตัวเองไปพลางๆ”
“นายภานนท์!”
‘คุณหนูกะทิ’ แทบจะตัวสั่นเทิ้มเมื่อสบเข้ากับนัยน์ตากะลิ้มกะเหลี่ย
แต่ก่อนจะเผลอลืมตัวเต้นแร้งเต้นกา ก็นึกขึ้นได้ว่ากำลังถูกพาออกนอกเรื่อง
ฉลาดนักนะนาย!