บทนำ
เด็กชายสะดุ้งตื่นด้วยความตกใจ มือเล็กป้อมยกขึ้นขยี้ตาขับไล่ความง่วงงุน เขานั่งตัวแข็งทันทีที่หายงัวเงีย เมื่อได้ยินเสียงเกรี้ยวกราดแฝงความโหดเหี้ยมเย็นชา
“บอกมา เบรนดอน อินวิซิเบิลแมนอยู่ที่ไหน?”
“ไม่มีอินวิซิเบิลแมน”
เด็กชายได้ยินบิดาตอบ
“โกหก!”
เสียงแหบห้าวเหมือนถูกบีบออกมาจากหลอดเสียงแห้งผากที่เด็กชายไม่เคยได้ยินมาก่อนตวาดลั่น ฟังว่าใกล้คลั่งเต็มที
“คนของฉันที่แฝงตัวเข้าไปรายงานว่าการทดลองโครงการอินวิซิเบิลที่กองทัพเป็นตัวตั้งตัวตีให้เงินสนับสนุนประสบความสำเร็จ แล้วจะไม่มีอินวิซิเบิลแมนได้ยังไง?”
“คนของแกโกหกน่ะสิ”
“ไม่! คนของฉันไม่กล้าแม้แต่จะคิดโกหกฉัน บอกมาเถอะ เบรนดอน แล้วฉันจะไว้ชีวิตแกกับเมียแก”
“ฉันบอกแล้วว่าไม่มีอินวิสเบิลแมน ข่าวการทดลองสร้างมนุษย์ล่องหนเป็นแค่ข่าวลือ”
“บอก!”
เสียงออกคำสั่งฟังห้าวและต่ำลึก
“ถ้าไม่อย่างนั้น แกจะได้เห็นว่าความปากแข็งของแกได้พรากชีวิตเมียของแกไปจากแกยังไง!”
เด็กชายได้ยินเสียงผู้หญิงอุทาน หรืออาจจะเป็นเสียงครางด้วยความตื่นตระหนก เขาไม่แน่ใจนัก แต่จำได้ว่าเสียงนั้นคือเสียงมารดา
“มอมมี่” เขาเรียกมารดาด้วยเสียงกระซิบ
สัญชาตญาณของเด็กน้อยบอกเขาว่าทั้งพ่อและแม่ของเขากำลังตกอยู่ในอันตราย มีคนร้ายบุกเข้ามาในบ้านกลางดึก และมันก็กำลังจะทำร้ายแม่ที่รักของเขา
เด็กชายตัวสั่นเทา เขากลัว แต่เขาก็จะต้องลงไปช่วยพ่อกับแม่
ร่างเล็กปีนลงจากเตียง แต่ขาเด็กสี่ขวบสั้นกว่าความสูงของเตียง เขาจึงพลิกตัวคว่ำหลังจากเลื่อนมาที่ริมเตียง จากนั้นก็ค่อยๆ เลื่อนตัวลงสู่พื้น
เขาได้ยินเสียงมาดาร้องกรี๊ดขึ้นตามด้วยเสียงตะโกนอย่างโกรธจัดของบิดา
“ปล่อยเธอ เมียฉันไม่เกี่ยวอะไรกับเรื่องนี้!”
“ถ้าอยากให้ปล่อยก็บอกมาสิวะ อินวิซิเบิลแมนถูกเก็บไว้ที่ไหน”
“บอกแล้วว่าไม่มีอินวิซิเบิลแมนบ้าบออะไรทั้งนั้น!”
“ยังจะปากแข็ง แปลว่าแกอยากเห็นเมียสุดที่รักของแกตายไปต่อหน้าต่อตายอย่างนั้นใช่มั้ย?”
เด็กชายรีบวิ่งออกจากห้องหลังจากขยื้อเขย่งจนมือถึงตัวลูกบิดบนประตู และสามารถเปิดออกได้สำเร็จ
เท้าเล็กในถุงเท้าขาววิ่งออกไปที่ชานพักชั้นบน ชะงักนิดหนึ่งเมื่อพบว่าคนร้ายไม่ได้มีแค่คนเดียว แต่มีถึงสามคน
คนหนึ่งยึดต้นแขนมอมมี่ของเขาเอาไว้มั่น อีกคนกดมือลงบนต้นคอพ่อของเขาที่นั่งคุกเข่าบนพื้น แล้วเขาก็รู้ว่าเสียงที่ได้ยินมาจากชายร่างสูงใหญ่ที่ยืนอยู่เบื้องหน้าพ่อของเขา
ในมือของชายคนนั้นมีปืน เขารู้จักมันดี
พ่อของเขาสะสมปืนโบราณไว้หลายกระบอก เวลาพ่อเอาปืนที่มีลวดลายสวยงามที่ด้ามเหล่านั้นออกมาทำความสะอาด เขามักจะเข้าไปนั่งดูอยู่ใกล้ๆ พ่อก็จะสอนเขาให้ระวัง ยังบอกให้รู้ถึงอันตรายของมันที่สามารถทำให้คนหรือสัตว์ตายได้ถ้าถูกยิง
เวลานี้ชายร่างใหญ่ที่ส่งเสียงเกรี้ยวกราดข่มขู่พ่อของเขา ก็กำลังหันปลายกระบอกปืนไปทางแม่ของเขา
ปืนนั้นกระบอกสั้นและเล็กกว่าปืนสะสมของพ่อ แต่ก็คงยิงคนตายได้เช่นกัน
“ฉันจะนับหนึ่งถึงสาม ถ้าแกยังปากแข็งเมียของแกจะลงไปรอแกอยู่ในนรก! หนึ่ง...”
เด็กชายวิ่งลงบันใดอย่างไม่คิดชีวิต เสียงเล็กๆ ตะโกนนำไปก่อน
“อย่าทำอะไรมอมมี่นะ!”
เขาลงไปถึงพื้นเบื้องล่าง ได้ยินเสียงร้องกรี๊ดของแม่
“พอลอย่าลงมาลูก กลับขึ้นไป!”
พร้อมกันนั้นพ่อของเขาก็โผนมาข้างหน้า คนร้ายที่คุมตัวตัวพ่อคงคาดไม่ถึงว่าพ่อจะตัดสินใจเช่นนั้น
แรงโถมปะทะของพ่อทำให้ชายที่มีปืนในมือเสียหลัก ปืนหลุดจากมือตกสู่พื้น พ่อพยายามจะก้มลงเก็บ แต่ชายคนนั้นใช้เท้าเตะเพื่อไม่ให้พ่อของเขาได้เข้าถึง จากนั้นก็ใช้เข่าข้างหนึ่งกระทุ้งใส่บริเวณหน้าอกของพ่อ จนพ่อของเขาตัวงอ
เด็กชายมองปืนที่มาหยุดอยู่ตรงปลายเท้า หูได้ยินเสียงคำรามอย่างโกรธจัดของคนร้าย
พ่อของเขาถูกเตะ ต่อย ลงไปกองกับพื้น
“แกอยากตายนักใช่มั้ย เอาล่ะ ฉันจะให้แกได้สมใจ!”
เสียงคนร้ายพูดเป็นคำรามหอบๆ
เด็กชายรู้ว่าพ่อของเขาจะต้องถูกฆ่าตาย มอมมี่ของเขาก็ด้วย แล้วจากนั้นพวกมันก็คงจะฆ่าเขาอีกคน
เขาก้มลงหยิบปืนขึ้นมา มันค่อนข้างหนักสำหรับมือเล็กป้อมของเขา นอกจากหนักยังเย็นเยียบราวกับหิมะ
เด็กชายได้เสียงคลิก เมื่อนิ้วเล็กของเขาสอดผ่านเข้าไปในวงกลม แขนทั้งสองเหยียดไปข้างหน้าสั่นๆ
เขาจะต้องช่วยพ่อกับมอมมี่ เด็กชายบอกตัวเองขณะเล็งมือไปทางชายร่างสูงใหญ่ที่กำลังจะยกเท้ากระทืบลงไปบนร่างนอนคุดคู้บนพื้นของพ่อของเขาซ้ำอีกครั้ง
เขาเหลือบมองมารดา ทันเห็นมอมมี่มองเขาด้วยดวงตาเบิกโต
“อย่าลูก พอล! หนีไป!”
ปัง!