กริ๊ง... กริ๊ง... มือถือของหิรัญดังขึ้นมาขัดจังหวะ เขารีบกดรับสาย เพราะเป็นสายที่มาจากที่ผับ
“ว่าไง”
(“สายรายงานมานะครับ วันนี้ตำรวจจะลงมาตรวจผับครับ”) ผู้จัดการของผับนั่นเอง
“เรียกประชุมพนักงานด้วย เดี๋ยวผมเข้าไป” เขาบอกก่อนจะวางสาย
“นี่ผ้าเช็ดตัวค่ะ”
เธอยื่นผ้าเช็ดตัวให้เขา พยายามทำสีหน้าให้เป็นปกติที่สุด สภาพเธออาจจะเยินมากในตอนนี้ เธอยังเห็นตัวเองในกระจก ผมเผ้ายุ่งเหยิงไปหมด เทียบกับแม่ดาราสาวอลิเชียไม่ได้สักนิด
โบนิตารู้แค่ว่าเขาสนุกที่ได้มีอะไรกับเธอ และคงจะเป็นอะไรที่เรียกว่าติดใจในความสดที่เธอยังไม่เคยผ่านมือผู้ชายคนอื่นมาก็เท่านั้น
เขารับมันมาถือ ก่อนจะจับมือไม่ให้เธอเดินหนี แล้วก็ขยับตัวเข้าไปใกล้ ๆ ลุกขึ้นกอดเธอเอาไว้ทั้งตัว
“จะอาบน้ำแต่งตัวแล้วไปกินข้าวด้วยกันไหม”
“ไม่ค่ะ” เธอปฏิเสธ เขาทำหน้าฉงน แต่เห็นน้ำใส ๆ ในตาของเธอรื้นขึ้น
“งั้นคุณพอจะทำอะไรให้ผมกินได้ไหม” เขาทำเสียงอ่อนหวาน
“ถ้าคุณไม่รังเกียจฉันจะทำอะไรให้คุณกินก็ได้ แต่ถ้าไม่อร่อยอย่ามาว่ากันนะ”
หิรัญไม่ตอบแต่กลับคลี่ยิ้มออกมา
จุ๊บ... เขาหอมแก้มเธอ
“งั้นผมขอใช้ห้องน้ำของคุณนะ”
เธอพยักหน้า โบนิตามองตามแผ่นหลังของเขาที่หายเข้าไปในห้องน้ำ
‘สรุป ฉันเป็นอะไรกับคุณ แล้วคุณเป็นอะไรกับฉัน หรือว่าแค่คู่นอน’
เหมือนห่าฝนตกหนักกระทบเข้ามาที่ใจ น้ำตาของหญิงสาวหยดติ๋ง ๆ เธอหมุนตัวไปใช้ห้องน้ำในห้องรับแขกอย่างรวดเร็ว
“มีอะไรให้ผมช่วยไหม” เขากลับออกมาในชุดเดิม
“ไม่ต้องค่ะ”
เธอบอกกับเขา พลางยกจานสลัดออกมาเสิร์ฟ
“สลัดอะไร”
“ปลากระป๋องค่ะ อร่อยนะคะ และฉันฟันธงว่าคุณไม่เคยกินที่ไหนมาก่อน”
เธอยื่นช้อนกับส้อมให้ แล้วหันไปหยิบขวดแก้วที่เธอใส่ขนมปังอบแห้งเอาไว้มาวางไว้บนโต๊ะ
“เผื่อคุณจะชอบ คือ ฉันชอบกินนะคะ เอาไว้โรย ๆ นิด ๆ หน่อย กินแล้วก็อยู่ท้องดี”
“ผมว่าคุณผอมไปนิดหนึ่งนะ ถ้าจะอ้วนกว่านี้ก็คงดี” คำพูดกำกวม มันหมายถึงอะไร แต่คนที่ได้ยินหน้าออกสีแดง
“อืม... อร่อย กินได้” เขาทำท่ากินเหมือนว่ามันอร่อยจริง ๆ
โบนิตาหมุนตัวหันหลังให้ ใบหน้าเปื้อนยิ้ม จัดการปั่นกล้วยที่เตรียมเอาไว้
เธอเทน้ำแข็ง 1 ½ แก้วลงไปในเครื่องปั่น ตามด้วยนมถั่วเหลือง 1 กล่อง กล้วย 1 ลูก ผงโกโก้ และน้ำผึ้ง ก่อนจะกดเครื่องปั่นให้ทำงาน
หิรัญขนลุกซู่ ตอนที่เธอหั่นกล้วยใบใหญ่ ๆ ใส่ลงไปในเครื่องปั่น
ตอนที่เธอเอามันมาเสิร์ฟเขาก็ยิ้มหวาน
“จริง ๆ ไม่ควรมีมีดกับเครื่องปั่นในคอนโดฯ นะคุณว่าไหม” เขาจะพูดเพื่อให้เธอขบขันใช่ไหม
“ฉันไม่หั่นของคุณแล้วเอามาใส่ในเครื่องปั่นหรอกน่า”
หิรัญหัวเราะ
เธอนั่งทำหน้าระเรื่อ ดูเขากินและดื่มของที่เธอทำจนหมด
“ผมอิ่มแล้ว ผมจะไปทำงานละนะ”
เธอพยักหน้าให้น้อย ๆ เขาทำเหมือนจะล่ำลาภรรยาไปทำงานแบบนั้น โบนิตาเดินไปส่งเขาที่ประตู หิรัญทำท่าอ้อยอิ่งอยู่ที่หน้าประตู
“ไปสิ ไปได้แล้ว” เธอออกปากไล่
“ขอจุ๊บก่อนทีหนึ่ง”
โอ๊ย พ่อหิรัญทำปากหวาน
“เบอร์ผมนะ ที่คุณไม่รับ ก่อนจะปิดเครื่อง เมมเอาไว้ด้วยนะ แล้วคุณมีหน้าที่ที่ต้องรับสายผมด้วย” เขาบอก
“ไม่ต้องมาสั่ง” เธอทำเสียงขึ้นจมูก
‘เขาเป็นใคร มาสั่งฉัน’
หิรัญยิ้ม และชิดหน้าเข้ามาใกล้ขึ้นเรื่อย ๆ ผู้หญิงที่ไม่เคยมีแฟน ไม่เคยสนใจผู้ชายมาก่อนถึงกับระทวย ได้แต่ยืนนิ่ง ๆ ให้เขาจูบ
“ไปนะ” เขาเปิดประตูออกไป ยังไม่วายหันหน้ากลับมาส่งสายตาเว้าวอน
พอปิดประตูลงได้ โบนิตาก็เขาอ่อนทรุดลงไปนั่งอยู่ที่พื้น หัวใจเต้นไม่เป็นจังหวะ หรือถ้าเป็นจังหวะน่าจะเรียกได้ว่า จังหวะรัก
เมื่อโบนิตาได้อยู่คนเดียวในห้อง ในชีวิตยังจะมีโมเมนต์แบบนี้กับเขาบ้าง ความเศร้าหายไป แต่ความคิดมุ้งมิ้งกำลังเข้ามาแทนที่ โบนิตากลับมาหย่อนตัวนอนลงไปเหยียดยาวที่โซฟาตัวโปรด หยิบมือถือขึ้นมาเปิดเครื่องใหม่ เพื่อจะบันทึกเบอร์ของเขาเอาไว้
‘ว่างแล้วได้พักร้อน จะทำอะไรต่อไป ไม่ได้วางโปรแกรมเอาไว้เลย’
เพราะโกรธเขาจนหน้ามืดทิ้งงานกลับบ้าน แถมพูดประชดไปกับเจ้านายอีก แต่ก็กลับไปอ่านข้อความของพี่สายชลเธอก็ยิ้ม เขาทำให้เธอได้พักร้อน
หญิงสาวเลื่อนนิ้วลงไปอ่านข่าวในฟีดของเพจต่าง ๆ แต่เธอก็ต้องสะดุด
ภาพเบลอมาก แต่พอจะรู้ว่าเป็นใคร
‘เขากับแม่ดารานั่น จูบกันในห้องนั้น’
ข่าวในอินเทอร์เน็ต
(อั๊ยย่ะ...มาแล้วค่ะ ดาราสาวคนไหนแอบว่างไปจิ๊จ๊ะกับคุณแฟนสุดหล่อกลางวี่กลางวันแบบ I don’t mind ว้าย ๆ ภาพอาจจะเบลอหน่อย ๆ แต่เหยี่ยวข่าวที่สายรายงานให้ บอกชื่อย่อเล่นว่า มี อ. นำหน้า จะว่าไปในเมืองไทย ชื่อ อ. ขึ้นต้นมีกี่คนนะ ว้าย ๆ ตัวแม่ตัวโดนที่กำลังดังในช่องสัญลักษณ์ Infinity (8) พี่ว่าไม่ต้องเดา ไปดูกันเอาเอง ตาดีก็รู้แจ้ง แต่ถ้าตาถั่วตาแมวก็แล้วกันไป จบค่ะ จบ แยกย้าย)
แล้วก็มีคอมเมนต์ด้านล่าง ว่าดาราคนนี้คือใคร แล้วก็มีการขุดประวัติเบ้าหน้าตั้งแต่สมัยเข้าวงการใหม่ ๆ ข่าวดี และข่าวฉาวที่เกิดกับดาราคนนี้ แล้วก็ยังขุดคุ้ยไปถึงชายหนุ่ม นิรนามที่แลกลิ้นกันอย่างดูดดื่มว่าเป็นใคร
(กาย หิรัญ ศิริพัฒนายางกูร ทายาทร้านขนมชื่อดังที่มีหลายสาขา “ร้านคุณบังอร” และคุณพ่อเป็นที่ปรึกษาในเรื่องหุ้นที่เก่งและเป็นกูรูออกสถานีเกี่ยวกับการเงินทุกช่องใน ค.ศ. นี้ ไม่มีใครไม่รู้จัก)
‘ฉันนี่ไงที่ไม่รู้จัก’
โบนิตานั่งสะอึก เธอรู้แต่ว่าเขาชื่อ กาย และเพิ่งรู้ตอนไปเข้าประชุมว่าเป็นน้องของ คุณปลื้ม ศิริพัฒนายางกูร ผู้บริหารใหญ่ บริษัทศิริพัฒนายางกูร ผู้ผลิตและจำหน่ายอุปกรณ์เบเกอรี่
‘ฉันนี่แหละที่ไม่รู้จักเขาเลยสักนิด’
‘โง่เนอะ มานั่งฝันเฟื่องฟั่นเฟือนถึงเขา ทั้ง ๆ ที่ไม่รู้จักเขาเลยสักนิด’ ใบหน้าที่กำลังแช่มชื่นเมื่อกี้หุบลงไปในทันที
เธอส่งข้อความถึงเอมมาลิน
(อยู่ไหนจ๊ะเอม) ประโยคสั้น ๆ แต่มันเต็มไปด้วยความเหงา
(ฉันลืมบอกแก ฉันมาภูเก็ตกับพี่ไกด์ เพิ่งลงเครื่อง)
(อะไรของพี่ไกด์ก็ไม่รู้ อยู่ ๆ ก็พามาเลย เห็นว่าจะไปดูห้าง ที่จะเปิดใหม่ กำลังก่อสร้าง แล้วเกิดเรื่องวุ่น ๆ ขึ้น) เอมมาลินส่งข้อความมายืดยาว
(อ๋อ เที่ยวให้สนุกนะ)
(จะได้เที่ยวไหม พี่ไกด์มาทำงาน)
(ของฝากไม่ต้องนะ)
(จ้า กลับไปเจอกันนะ)
โบนิตาทิ้งมือถือเอาไว้ข้าง ๆ ตัวด้วยความเซ็ง ในหัวเริ่มหมุนอีกครั้ง
“หึ” เธอทำเสียงออกจมูก
‘แค่จะเริ่มก็มีอุปสรรคและปัญหามากมาย’
‘แค่จะเริ่มเหรอ ตรงไหนที่เขาบอกว่ารักแก’ ในหัวฉุกคิดตาม ความคิดเตลิดไปใหญ่แล้ว
โบนิตาเก็บเสื้อผ้าลงกระเป๋า เธอต้องไปทำใจที่ไหนสักที่ อยู่ที่นี่ไม่ได้แล้ว
ขาไวพอ ๆ กับความคิด เดินเข้าไปเก็บเสื้อผ้าใส่เข้าไปในกระเป๋า ไปทำใจสักสองสามคืนแล้วค่อยกลับ
เธอนั่งแท็กซี่ไปหมอชิตแล้วจับรถไปอัมพวา จะไปนอนดูหิ่งห้อย
โรคของคนเหงา ที่นี่เป็นที่ที่เธออยากมาตั้งนานแล้ว เคยไปกับเพื่อนกลุ่มใหญ่ ที่ตอนนี้แยกย้ายไปทำงานมีครอบครัวกันหมด ก็คงมีแต่เธอที่กำลังอะโลน (Alone) ร้องเพลงเหงาอยู่คนเดียว