BAD STORM - รักร้ายนายพายุ | 8

1821 คำ
“ระวังไว้บ้างก็ดี” ผมพูดเตือนเธอด้วยความหวังดีเพราะที่นี่ดูไม่ปลอดภัยจริงๆ “เป็นห่วงหนูหรอคะ” ตัวน่ารำคาญถามผมขึ้นทันที “เปล่า” ผมเลยรีบปฏิเสธแค่ผมหวังดีไม่ได้หมายความว่าผมเป็นห่วง “แต่ที่พูดแบบนั้นมันหมายความว่าเป็นห่วงนะคะ” ตัวน่ารำคาญพูดขึ้นต่ออีกครั้ง “อยากจะคิดอะไรก็คิด” ผมจึงตัดปัญหาโดยการพูดแบบนี้ ถ้าตัวน่ารำคาญอยากคิดอะไรก็คิดไปครับ ผมบังคับความคิดใครไม่ได้อยู่แล้ว “คิดว่าพี่พายุกำลังเริ่มชอบหนูแล้ว” เอี๊ยด ! รถมอเตอร์ไซต์คันโตของผมเบรกอย่างกะทันหัน เพราะคำพูดของคนข้างหลังมันจึงทำให้ตัวของเธอชนกับแผ่นหลังของผมอย่างจัง “อะ...โอ้ย พี่พายุหนูเจ็บ” ตัวน่ารำคาญพูดขึ้นทันที “แมวตัดหน้า” “ระวังหน่อย หนูไม่อยากให้ขาสวยๆ ของหนูมีแผล” ตัวน่ารำคาญพูดทันทีพร้อมกับลูบขาของตัวเองต้อยๆ “เป็นไรหรือเปล่า” ผมถามขึ้นอย่างอดเป็นห่วงไม่ได้ เพราะแรงเบรกที่กะทันหันอาจจะทำให้ตัวน่ารำคาญเจ็บไม่น้อย อ่า…ผมเป็นห่วงยัยนี่อีกแล้ว “จับเอวฉันแน่นๆ เบรกขึ้นมาจะได้ไม่เจ็บ” ผมพูดขึ้นอีกครั้งเมื่อตัวน่ารำคาญไม่ตอบแต่เหมือนตัวน่ารำคาญจะนั่งเฉยไม่ทำตามที่ผมบอก ผมจึงคว้าข้อมือของตัวน่ารำคาญทั้งสองข้างมากอดเอวของผมทันที “ทะ...ทำอะไรคะ” ตัวน่ารำคาญร้องทักขึ้นอย่างตกใจกับการกระทำอันอุกอาจของผม “เผื่อเบรกซอยนี้แมวเยอะ” “ถ้าให้คิดเข้าข้างตัวเอง หนูคิดว่าพี่พายุเป็นห่วงหนูมากเลยนะ” “แล้วแต่เธอคิด” ผมตอบกลับไปพร้อมกับออกรถต่อ เพราะนี่ก็ใกล้จะถึงห้องของตัวน่ารำคาญแล้ว “ขอบคุณที่มาส่งนะคะ” ตัวน่ารำคาญลงจากรถแล้วพูดขึ้นทันที “เข้าไป” “พี่พายุไปก่อนสิคะ อุตส่าห์มาส่งหนูแล้วจะให้หนูเข้าห้องก่อนได้ไง” “ฉันบอกให้เข้าไป” ผมพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงดุๆ “ไม่ค่ะพี่พายุไปก่อน หนูอยากส่งพี่พายุ” เหมือนคนตรงหน้าผมจะไม่ฟังยืนต่อล้อต่อเถียงกับผมไม่หยุด “ฉันบอกให้เธอเข้าไปก่อน” “แบบนี้เขาเรียกว่า เป็นห่วง ไหนพูดสิคะ เป็นห่วง” “เป็นห่วง ฉันพูดแล้วเธอก็เข้าไปสักที” ผมรีบพูดขึ้นอย่างเร็วๆ ส่วนตัวน่ารำคาญตอนนี้ก็ยืนยิ้มแก้มปริ “เข้าไป” “เข้าแล้วค่ะ ขอบคุณนะคะ” ตัวน่ารำคาญพูดขึ้นอีกครั้งก่อนจะเดินเข้ามาหอมแก้มผม จุ้บ ! “รางวัลสำหรับความเป็นห่วงค่ะ” เธอหอมแก้มผมเสร็จก็รีบวิ่งแจ้นขึ้นตึกไปทันที ให้ตายเถอะ เกิดมายี่สิบกว่าปี ผมไม่เคยให้ใครหอมแก้มหรือหอมแก้มใคร เธอนี่มัน... วันต่อมา “เป็นไงบ้างวะ ได้ข่าวน้องเขาต้องออกจากงานเลย” เสียงไอ้เรย์ดังขึ้นทันที “ออก” “แล้วน้องเขาไปทำงานที่ไหน” ทำไมพวกแม่งดูเป็นห่วงตัวน่ารำคาญจังวะ “มันเรื่องของพวกมึงที่ต้องถามหรอ” ผมพูดขึ้นอย่างไม่ใส่ใจ เพื่อนก็ไม่ใช่ ผัวก็ไม่ใช่ยังจะสะเออะถาม “พวกกูเป็นห่วง” ไอ้คิมหันต์พูดขึ้นต่อทันที “ฐานะอะไรที่เป็นห่วง” ไม่ได้พาลนะครับแต่ผมแค่อยากรู้ “ฐานะผัวมั้งไอ้ฉิบหาย” ไอ้ติณณ์พูดขึ้น ผัวพ่อมึงสิ “เอาดีๆ แล้วน้องโมจิทำงานที่ไหน ได้ข่าวมาว่าทำงานส่งตัวเองเรียน” ไอ้เรย์พูดขึ้นอีกครั้ง “ทำงานกับกู” “เชรด” “เอาจริง” “ตื่นเต้นไปได้ กูแค่จ้างให้ทำความสะอาดคอนโด” ผมพูดอธิบายให้พวกมันทุกคนฟังทันทีก่อนที่มันจะคิดไปไกลกว่านี้ “จ้างทำความสะอาดคอนโด” ไอ้ติณณ์พูดขึ้นทวนคำพูดผม “เออ” “ปกติมึงห่วงพื้นที่ส่วนตัวจะตายนอกจากพวกกูและแม่บ้านมีใครเคยได้ขึ้นไปบ้าง” “มึงหวั่นไหวกับน้องโมจิแล้วใช่ไหม” ตามที่พวกมันพูดก็ถูกครับผมเป็นคนห่วงพื้นที่ส่วนตัวเช่นคอนโดของผมมากๆ ตัวน่ารำคาญก็เป็นผู้หญิงคนแรกที่ได้ขึ้นไปถ้าไม่นับแม่บ้าน “หรือกูหวั่นไหววะ” ผมพูดขึ้นอย่างสับสนตอนนี้ผมไม่รู้ใจตัวเองด้วยซ้ำ “วันแรกกับวันนี้มึงรู้สึกกับน้องเขายังไง” “เฉยๆ” “ตอแหล” “ลองดูไปก่อนไม่ต้องรีบตัดสินใจ” “แต่กูว่านะหัวใจมึงที่เป็นน้ำแข็งโดนน้องโมจิไปก็เหลวเป็นน้ำละวะ” อย่างที่ผมบอก ตอนนี้ผมไม่รู้ว่าผมรู้สึกยังไงผมรู้แค่ว่าตั้งแต่มีตัวน่ารำคาญเข้ามาวนเวียนในชีวิต ชีวิตผมก็วุ่นวายไม่สงบสุขสักวันแต่ผมกลับไม่รำคาญตัวน่ารำคาญแม้แต่น้อย “หรือกูจะชอบตัวน่ารำคาญวะ” ผมพูดขึ้นทันที “ตัวน่ารำคาญ” พวกมันทั้งสามคนพูดขึ้นพร้อมกัน “ยัยนั่น” “มึงเรียกน้องเขาว่าตัวน่ารำคาญ” “เปล่า” “อ้าว…อะไรของมึง” “ที่มึงถามว่ามึงชอบน้องโมจิไหมอะนะ กูไม่รู้หรอกเพราะมันอยู่ที่มึง ถ้ามึงชอบมันก็คือชอบเปิดใจ น้องมันไม่ได้แย่อย่าไปฝังใจกับอะไรในอดีตเยอะ” ไอ้คิมหันต์พูดขึ้นต่ออีกครั้งทั้งหมดที่มันพูดมาอันนี้คงมีสาระสุดๆ แล้ว “เฉียบ” “สุดยอดมีสาระมากเพื่อน” “พวกเวร” โมจิ ทุกคนฉันมีเรื่องจะบอกแหละตอนนี้ฉันอยู่คอนโดพี่พายุและฉันก็มาตรงเวลามากแต่เจ้าของห้องดันไม่อยู่ ฉันก็เลยถือวิสาสะใช้คีย์การ์ดที่พี่พายุให้ไว้ขึ้นมาเลย และตอนนี้ฉันกำลังยืนจ้องของสดในตู้เย็นเพราะฉันกำลังคิดว่าเมนูสำหรับมื้อเย็นวันนี้จะเป็นเมนูอะไรดี ไข่เจียวหมูสับกับต้มยำทะเลก็น่าจะดี ฉันไม่รู้ว่าพี่พายุชอบกินอะไร เอาเป็นว่าเอาเมนูที่ฉันชอบแล้วกัน ฉันหยิบของสดที่ต้องใช้ออกมาวางไว้ข้างนอกเพื่อละลายน้ำแข็งจากนั้นก็เตรียมเครื่องเคียงต่างๆ ต่อด้วยหุงข้าวเสร็จสรรพก็จัดการล้างมือหยิบไม้กวาดทำความสะอาดทันที แต่มันไม่ได้มีอะไรให้ฉันทำเยอะ ฉันจึงถือวิสาสะอีกครั้งโดยการเข้าไปในห้องนอนพี่พายุ ห้องโคตรบ่งบอกถึงเจ้าของเลย ห้องโทนสีดำสนิทของตกแต่งภายในห้องเป็นสีขาวให้ตายเถอะ โคตรน่าค้นหา ฉันกวาดสายตามองหาตะกร้าผ้าของเขาจัดการเปิดนู้นเปิดนี่จนเจอ ซักแล้วกัน โดนจ้างมาเป็นแม่บ้านก็ทำงานให้คุ้มค่าแรงหลังจากเสร็จจากการซักเสื้อผ้าฉันก็ตรงมาทำอาหารทันที “เธอซักเสื้อผ้าฉัน” ฉันสะดุ้งตามเสียงของพี่พายุที่ดังขึ้น “หนูซัก” “ฉันจ้างเธอมาทำอาหารดูแลทำความสะอาด” คนตรงหน้าฉันทำหน้ายักษ์ใส่และพูดขึ้น ฉันทำงานมากกว่าที่เขาบอกเขาควรดีใจไม่ใช่มาทำหน้ายักษ์ใส่ฉันแบบนี้ “ห้องพี่พายุสะอาดอยู่แล้ว หนูเลยเอาผ้าไปซัก” ฉันพูดอธิบายออกไปทันทีส่วนใบหน้ายักษ์ก็ค่อยๆ คลายลง “อยากทำอะไรก็ทำ” “กินข้าวเลยไหมคะ หนูทำจะเสร็จแล้ว” ฉันถามขึ้นเพราะตอนนี้ฉันกำลังจะเอาไข่เจียวขึ้นจากกระทะ “ก็ดี” เป็นอันรู้เรื่อง ฉันจัดการจัดโต๊ะอาหารก่อนจะอัญเชิญแฟนของฉันมากินข้าวด้วยกัน “จ้องอะไรขนาดนั้น” เกิดมาไม่เคยทำอาหารให้ใครกินฉันก็ต้องลุ้นธรรมดา “อยากฟังคอมเมนท์เกี่ยวกับอาหารค่ะ พอดีไม่เคยทำให้ใครกิน” ฉันพูดขึ้นอย่างลุ้นๆ และสายตาก็จ้องไปยังปากพี่พายุ คนตรงหน้าฉันได้ยินก็ค่อยๆ ตักต้มยำทะเลเข้าปาก “เป็นไงคะ” “ก็ดี” “ก็ดีนี่หมายความว่าไงคะ” ฉันถามขึ้นอย่างต้องการคำตอบ “ก็ดีไงกินได้” คนตรงหน้าพูดขึ้นพร้อมตั้งหน้าตั้งตากินข้าวทันที แสดงว่าอร่อยอยู่แหละถ้ากินขนาดนั้น “ฉันต้องช่วยเธอเก็บไหม” พี่พายุที่ลุกขึ้นถามฉันทันทีเพราะตอนนี้เราทั้งคู่กินข้าวเสร็จแล้ว “ไม่เป็นไรค่ะ เดี๋ยวหนูเก็บเอง” พี่พายุพยักหน้ารับและเดินออกไปทันทีส่วนฉันก็ชะเง้อมองตามพี่พายุกำลังจะเอนตัวลงนอนบนโซฟา “กินข้าวพึ่งเสร็จอย่าพึ่งนอนนะคะ นั่งให้ย่อยก่อน” ฉันพูดขึ้นก่อนที่เขาจะล้มตัวนอนลง คนที่ถูกพูดถึงก็เด้งตัวขึ้นนั่งพิงโซฟาอย่างว่าง่าย ฉันยิ้มตามกับการกระทำของพี่พายุอย่างน้อยๆ พี่พายุก็ฟังสิ่งที่ฉันแนะนำ ให้ได้เข้ามามีบทบาทในชีวิตไม่ปิดกั้นฉัน เคร้ง ! “โอ๊ย” ฉันร้องออกมาอย่างเบาๆ เพราะดันพลาดทำจานตกจากมือตอนล้างจานทำให้เศษจานที่แตกกระเด็นโดนนิ้วของฉันจนเลือดไหลออกมา “เป็นอะไร” ฉันหันมองพี่พายุที่วิ่งตาตื่นมาทางฉันพร้อมกับจับมือฉันไปดู “ซุ่มซ่าม” พี่พายุพูดขึ้นทันทีก่อนจะจับมือฉันลากมานั่งตรงโซฟาพร้อมกับเขาปลีกตัวมาอีกด้านของห้อง และเดินกลับออกมาพร้อมกล่องปฐมพยาบาล “หนูว่าไม่ต้องล้างอันนั้นก็ได้ค่ะ” ฉันรีบพูดขึ้นอย่างลนลานเมื่อพี่พายุกำลังจะเทน้ำสีฟ้าๆ ที่ขึ้นชื่อว่าแอลกอฮอล์ล้างแผลลงสำลี “อย่าสำออยมันไม่เจ็บ” ปากร้ายชะมัด “มันแสบค่ะ” ฉันดึงนิ้วกลับเมื่อเขาจับนิ้วฉันไปเพื่อหวังเอาสำลีที่อาบด้วยยาพิษจะมาแตะที่นิ้วฉัน “อย่าดื้อ” “มันแสบค่ะหนูไม่ชอบ” จะว่าฉันดื้อก็ว่าไปเถอะ “เชื่อฉัน ฉันไม่หลอกเธอ” พี่พายุพูดขึ้นอีกครั้งพร้อมกับค่อยๆ ดึงมือฉันไป ในใจก็อยากเชื่อแต่ประสบการณ์ที่เจอมาคือโคตรแสบ “นั่งนี่” พี่พายุจับตัวฉันให้ลุกขึ้นนั่งบนตักของเขา ให้ตายเถอะ ฉันกำลังกลายเป็นหนูน้อยในอ้อมกอดของพี่พายุ ตอนนี้ฉันแทบร้องไห้เพราะฉันกำลังนั่งอยู่บนตักผู้ชายที่ฉันชอบและเขาเป็นคนอุ้มตัวฉันขึ้นมานั่งเองด้วย “นั่งแบบนี้มันดีหรอคะ” “ฉันรู้ว่าเธอชอบ” “พี่พายุคะมันแสบ” “แสบนิดเดียวฉันไม่ปล่อยให้เธอเป็นอะไรหรอก” “นั่งบนตักฉันแบบนี้ เธอยังจะกลัวอะไร” ❤️ แค่เศษจานโดนมือค่ะทุกคน แค่เศษจาน
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม