บทที่​ 7​ งานวิจัยพิศวาท

3573 คำ
“.พิมพิชญา..” “เออ? โกธรเป็นด้วยหรอ ฉันพูดแทงใจดำละสิ... ไอ้ผู้ชายขายตัว” “เธอสิ นมเหี่ยวแถมเค็ม...” หน้าสวยแสดงความไม่พอใจ ก่อนเถียงโต้ “นาย...ไอ้สินค้าหำหด...” และคำนี้ของหญิงสาวมันก็สัมฤทธิผล...เกินคาด “เธอมันจะมากไปแล้ว...” ร่างเปลือยใบหน้าโกธรจัด เดินตรงเข้าใส่พิมพิชญาด้วยความโมโห...ทำให้หญิงสาวยกปืนเล็งขึ้นฟ้าแล้วยิง ..เปรี้ยง.. “เข้ามาสิ...ลูกต่อไปเข้ากลางหัวใจนายแน่” ศิวะยืนนิ่ง...และสถานการณ์ตอนนี้เขาทำได้เพียงยืนมองดูหญิงสาวเดินออกจากห้องของเขาไป .......................................................................... “เป็นยังไงหมอพิมพ์กับการมีเพศสัมพันธ์ครั้งแรก...” “จะยังไงคะอาจารย์...ก็กางเกงในเปื้อนเลือดเลยนะสิคะ...อุยแล้วจะมาหยิกฉันทำไหม? หมอพิมพ์” พิมพิชญาหยิกเพื่อนที่ยังไม่รู้ว่าเลือดนั้นคือรอบเดือนของเธอ แต่มันก็ดีเพราะจะได้ทำให้อาจารย์หมอที่ถามเมื่อครู่คิดว่าเธอเสียความบริสุทธิ์ไปแล้ว “ดีแล้วเพราะเรื่องนี้หมอพิมพ์จะได้เข้าถึงความรู้สึก ว่าการร่วมเพศเป็นยังไง และมันจะเป็นผลดีต่องานวิจัย เออ..หมอดาก็อย่าลืมส่งรายงานหัวข้อเรื่องการมีเพศสัมพันธ์อย่างไม่ควรระหว่างแพทย์กับคนไข้ ที่ได้จากการสัมผัสจริงครั้งก่อนมาให้อาจารย์พรุ่งนี้ด้วยนะ” “มันไม่ใช่แค่หาข้อมูลเพื่อทำวิจัยแล้วค่ะอาจารย์ มีดอกไม้ให้กันด้วย” ผู้เป็นอาจารย์ชำเลืองดูดอกไม้ช่อใหญ่ที่วางข้างวณิดา และถ้าได้อ่านการ์ดอาจารย์หมอก็จะพบข้อความที่เขียนว่า...” คิดถึงครับ... ธีรดล” ... “ถ้านอกเหนือจากฐานะหมอกับคนไข้...เราก็มีสิทธิ์เลือกคนรักนะหมอพิมพ์ เมื่อเราอยู่นอกเวลางาน” “เห็นไหม? พิมพ์ ว่ามันไม่ผิด..วะ” “งั้นเรื่องที่ฉันขอให้แกทำ แกก็อย่าลืมละ” “มันได้อยู่แล้วค่ะหมอพิมพิชญา..ดิฉันยินดีรับใช้...” ขณะผู้เป็นลูกศิษย์คุยกัน ผู้เป็นอาจารย์ก็ก้มหน้าลงอ่านเอกสารก่อนที่จะเงยหน้ามากล่าว “เอาละวันนี้มีเคสสัมภาษณ์ผู้ที่เคยมีเพศสัมพันธ์จากอารมณ์ที่ผิดปกติ (Gender inextricably not normal.) โดยเป็นเรื่องการมีเพศสัมพันธ์กันระหว่าง พี่สาวกับน้องชายแท้ๆ ” หญิงสูงวัยในชุดเสื้อกาว์ดสีขาว เอื้อมมือไปเปิดสวิตช์ก่อนสองหมอสาวในทีมวิจัย จะเห็นห้องโล่งสีขาวขนาดประมาณสี่คูณสี่เมตร ที่บริเวณกลางห้องมีเก้าอี้วางไว้หนึ่งตัว โดยห้องที่พวกทีมวิจัยนั่งอยู่ จะมีกระจกใสกั้นกลางเอาไว้ เพราะผู้สร้างจงใจให้ทุกคนในห้องวิจัย มองเห็นภายในห้องนั้นได้ชัดๆ และไม่นานหัวหน้าทีมก็กดปุ่มแล้วพูดใส่ไมค์ “ให้เธอเข้ามาได้” ชายในชุดบุรุษพยาบาล เดินพาเด็กสาวอายุไม่เกินสิบแปดปี..เข้ามานั่งบนเก้าอี้กลางห้อง ก่อนที่จะกลับออกไป “รายละเอีอดในแฟ้มทุกคนคงอ่านกันแล้ว และ ตอนนี้เราจะได้ฟังจากปากผู้ยินดีเล่าประสบการณ์นี้ เอาละทุกคนพร้อมยัง” “ค่ะ” พิมพิชญาและปณิดาตอบพร้อมกัน ก่อนอาจารย์หมอจะกดปุ่มเปิดไมค์ แล้วกล่าวคำทักทายเด็กสาวในห้องกระจก “สวัสดีจ้ะหนูแบม” “สวัสดีค่ะ” “ทุกเรื่องที่เราคุยกัน ชื่อและข้อมูลทุกอย่างจะถูกปกปิดไว้เป็นความลับ และหนูคงทราบรายละเอียดต่างๆ หมดแล้วนะว่า...เรามาทำอะไรที่นี่” “ค่ะ” เด็กสาวตอบสั้นแต่ครอบคลุมถึงสิ่งที่ผู้สัมภาษณ์ต้องการ “และถ้าพร้อมก็เล่าได้เลยจ้ะ” ใบหน้าของหญิงสาววัยสิบแปดนิ่งเฉย ขณะเปิดปากกล่าวถึงสิ่งที่เธอยินยอมมาเล่าประสบการณ์ที่เกิดขึ้นจริงกับตัวของเธอเองที่นี่ “พ่อแม่หนูรับราชการทั้งคู่ พ่อแม่มีลูกสองคน คือหนูและน้องชาย น้องหนูอายุน้อยกว่าหนูแค่ปีเดียว “ เด็กสาวหยุดกล่าวนิดหนึ่งก่อนจะเริ่มเล่าใหม่ “ตอนหนูอายุสิบห้าย่างสิบหก เป็นตอนที่น้องชายของหนูเกิดอุติเหตุถูกน้ำร้อนลวกมือทั้งสองข้าง จนมือทั้งสองต้องใช้ผ้าพันแผลเอาไว้ตลอดเวลาและเราจะต้องไม่ให้แผลถูกน้ำโดยเด็ดขาด และช่วงนั้นพ่อกับแม่ของหนูทางเขตการศึกษาให้ท่านทั้งสองไปสัมมนาที่ต่างจังหวัดพร้อมกัน มันจึงทำให้เกิดเรื่องนี้ขึ้น...” ............................................................................. “แบมมาหาพ่อกับแม่หน่อยสิลูก” “ค่ะแม่” เสียงตอบดังแจ้ว ขณะเด็กสาวรีบวิ่งไปหาพ่อกับแม่ที่มีกระเป๋าหลายใบเตรียมที่จะเดินทางไปสัมมนาอยู่ที่หน้าบ้าน “อย่าลืมที่แม่สั่งเรื่องน้องต้นละ พ่อแม่ไปสองสามวันก็กลับ..อยู่กันได้นะ” “จ๊ะแม่...” ............................................................................. ในตอนเย็นหลังจากแบมที่อยู่ในชุดเสื้อยืดกางเกงขาสั้น ป้อมข้าวน้องชายวัยสิบห้า ที่มือทั้งสองข้างไม่สามารถจะทำอะไรได้เสร็จ เธอก็ตรงเข้าไปถอดเสื้อของผู้เป็นน้องออก “ไม่เอาหรอกพี่แบม ไม่อาบก็ได้นี่ครับน้ำนะ...” “นายนี่มากเรื่องจริงๆ ตอนกินข้าวก็ทีแล้ว จะกินเองๆ ก็มือเราเป็นแผลขนาดนี้จะจับช้อนยังไง เร็วถอดเสื้อออก ไม่อาบเดียวก็เน่าหมด แม่มาก็จะด่าพี่ว่าไม่ทำตามคำสั่ง” เด็กกำลังเริ่มเป็นหนุ่มเนียมอายขณะที่เสื้อผ้าที่สวมจะถูกถอดออกจากร่างไปที่ละชิ้นจนหมดก่อนที่แบมจะพาน้องชายไปห้องน้ำ “เอายกมือขึ้นเดียวมือก็ถูกน้ำกันพอดี” ต้นยกมือที่เต็มไปด้วยผ้าพันแพลขึ้นตามคำสั่งของพี่สาว ก่อนน้ำจากฝักบัวจะถูกฉีดใส่ร่างเปลือยของเด็กหนุ่ม “นี่ไม่เห็นจะยากเลยอาบน้ำแค่นี้ เรื่องนี่..แม่สอนพี่มาหมดแล้ว” มือของแบมจับอวัยวะเพศของต้นเพื่อจะชำระล้างส่วนปลายที่ซ่อนอยู่ในหนังหุ้มหนา “แม่บอกข้างในมันสกปรกต้องทำยังงี้” มือของแบมจับอวัยวะเพศของต้นเพื่อจะชำระล้างส่วนปลายที่ซ่อนอยู่ในหนังหุ้มหนา “แม่บอกข้างในมันสกปรกต้องทำยังงี้” เด็กสาวเลื่อนหนังหุ้มเพื่อจะล้างข้างในตามที่แม่สอนเอาไว้ก่อนไป แต่เธอก็ต้องแปลกใจ เมื่ออวัยวะเพศของต้นมันเริ่มแข็งตัว มันจึงทำให้แบมที่เคยเห็นมันมาตั้งแต่ต้นตอนยังเด็กๆ จึงทำให้เด็กสาวคิดว่ามันคงจะห่อเหี่ยวและหดตัวอยู่แบบนั้นตลอดเวลา แต่ว่า..ตอนนี้มันไม่เป็นอย่างที่เธอคิด “เอ้ย..อะไร...นี่” อวัยวะเพศของน้องชายขยายตัว ใหญ่กว่าเดิมหลายเท่า “เอ๊ย..ต้นของนายเป็นอะไรไปนี่” “ไม่ๆ ดะได้..เป็นอะไรครับ และ..พี่.. พี่.. แบมก็พอได้แล้ว...” เด็กสาวไม่ตอบ และยังจับแท่งเนื้อรูดตามแม่สั่งจนทำให้ส่วนหัวของมัน เผยออกมาด้านนอก ก่อนความรู้สึกของผู้เป็นพี่ชักจะแปลกๆ “อูย์...พี่แบม...” เสียงของต้นทำให้ผู้พี่ พอจะ รู้ว่า มันคือเสียงของคนมีอารมณ์ทางเพศ และสิ่งนั้นมันก็กำลังก่อตัวขึ้นกับเธอเช่นกัน “ไม่นานแล้วต้น...พี่ล้างแป๊บเดียว เดี๋ยวก็เสร็จ” มือของเด็กสาวฟอกสบู่อยู่ปลายเนื้อ ที่ไม่ค่อยถูกต้องสัมผัส และ ส่วนปลายสุดของอวัยวะเพศของผู้ชายมันคือจุดที่ไวต่อความรู้สึกทางเพศ และมันเทียบได้กับจุดคลิตอริสของผู้หญิง ดังนั้นมันจึงทำให้ต้นตัวงอจากความเสียวกระสัน “ทำไม่ของต้นใหญ่ขึ้นขนาดนี้…พี่..พี่ไม่อยากเชื่อ...” เสียงเด็กสาวเริ่มสั่น ส่วนมือเล็กที่กำลำเนื้อแทบไม่หมด แต่เธอก็เร่งรูดเนื้อหุ้มปลายออกจนสุดเพื่อจะทำความสะอาด “...พี่...แบม...โอ๊ยพี่...” ต้นตัวงอทำให้หน้าไปซบที่ไหล่พี่สาว เมื่อแก้มชิดแก้มทำให้สองพี่น้องอารมณ์เตลิด “พี่แบม...” ผู้เป็นน้องกล่าวได้แค่นั้นก่อนจะใช้ปากประกบจูบปากพี่สาว ที่เกร็งมือกำอวัยวะเพศน้องชายรูดขึ้นลงอย่างลืมตัว “..พี่ครับ ต้นไม่ไหวแล้ว...” เด็กหนุ่มกลั้นไม่ให้ของเหลวในกายให้ไหลออกมาอย่างเต็มที่ แต่มันไม่เป็นผล เมื่อน้ำรักของต้นพุ่งออกมาเป็นสายจนเลอะไปทั้งแขนและขาผู้เป็นพี่ ก่อนที่ผู้เป็นพี่จะรีบวิ่งหนีออกจากห้องน้ำไป... …………………………………. “พี่แบม...ต้นขอโทษ...” เด็กสาวสับสนกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อครู่ ขณะที่น้องชายที่ยังอยู่ในสภาพเปลือยเดินเข้ามาขอโทษในสิ่งที่ไม่ควรเกิดขึ้น จึงทำให้เด็กสาวหันหน้าไปยิ้มให้กับน้องชาย “ไม่เป็นไรจ้ะต้น ลืมมันเถอะ มาพี่ใส่เสื้อผ้าให้...” แบมพยายามทำตัวเป็นปกติ แต่ใจที่หวิวที่มันไม่อาจควบคุมได้ก็ปะทุขึ้นอีกครั้ง ใน ขณะที่เธอสวมเสื้อผ้าให้น้องชาย เพราะเธออดที่จะชำเลืองไปมองดูอวัยวะสืบพันธุ์ของน้องชายไม่ได้ “ต้น ทำไมมันแข็งอยู่อีก...ละ...” “ผมยังต้องการมันอีกครับพี่แบม...พี่ช่วยผมด้วยนะครับ...” เพลิงราคะครอบหงำจิตใจของเด็กสาว ทำให้เธอนิ่งเมื่อผู้เป็นน้องเคลื่อนเข้ามาจูบที่ปาก และใช่ว่าแบมจะไม่เคยผ่านการร่วมรักมาก่อน เพราะก่อนหน้านี้ บ่อยครั้งที่เธอได้มีเพศสัมพันธ์กับแฟนหนุ่ม เด็กสาวจึงอ้าปากออกรับการจูบของน้องชายแบบเต็มใจในครั้งนี้ “หือออ...” ต้นจูบได้ไม่นาน ก็ใช้ตัวดันพี่สาวให้ล้มลงนอนบนเตียง ก่อนจะส่งสายตาอ้อนวอนขณะกล่าว “พี่แบมถอดกางเกงออกนะครับ...” เด็กสาวที่นอนหงายอยู่บนเตียงมองตาน้องชาย ก่อนจะค่อยๆ ถอดกางเกงขาสั้นและกางเกงในให้มันรูดออกจากขาพร้อมกัน และเธอก็ต้องหายใจแรงด้วยความตื่นเต้น เพราะต้นขยับหน้าลงไปคลุกอยู่ตรงบริเวณโนนเนื้อกลางขาทั้งสองข้างของเธอ “โอ๊ย...ต้นพี่..อูยยยย์” ต้นก้มหน้าชิดกลีบแสนหวาน ก่อนจะเกิดเสียงเจ๊าะแจ๊ะจากการปาดเลีย และสิ่งนั้นมันทำให้เด็กสาวรู้สึกสุขสม จนทำให้ขาที่หุบเข้าเพื่อขัดขวางในครั้งแรกกลายเป็นอ้าถ่างออกอย่างเต็มที่ “ต้นพี่...โอ้วววว....” ร่างบางกระตุกทุกครั้งเมื่อถูกปลายลิ้นเน้นเหนือตุ่มผิวบาง แต่เธอยังเอาทั้งมือทั้งข้างกดหัวน้องชายเอาไว้เหมือกลัวว่าเขาจะเลื่อนหน้าหนี “ไม่ไหวแล้ว...ต้น..โอ้ย...” สะโพกเด็กสาวลอยคว้างไม่ติดพื้น เมื่อถูกเลียเม็ดต่อเนื่อง จนเด็กสาวต้องเสร็จคาปากผู้เป็นน้อง “พี่แบมครับ...ผมไม่ไหวแล้ว ผมขอนะครับ” ต้นยังเกรงใจพี่สาวอยู่จึงกล่าวขอ ก่อนที่จะเปลี่ยนจากลิ้นมาเป็นแก่นกาย ที่ต้นใช้ดันเสยเข้าไปที่กลีบรักของพี่สาวแทน “ต้นๆ ...มันไม่ถูก..ต้องนะ...แบบนี้...โอ๊ย...” เด็กหนุ่มไม่สนคำกล่าวของพี่สาว เขาตั้งหน้าตั้งตาซอยสะโพกไปเรื่อยๆ อย่างต่อเนื่อง ถอนแล้วจ้วงๆ ในขณะที่โพรงสวาทขมิบตอดรัด จนน้ำรักของผู้เป็นน้องใกล้พุงทะลักเข้าไปทุกที “พี่แบมครับ...ต้นไม่ไหวแล้ว..โอ้ย..” ต้น...พี่..โอ๊ย...” สะโพกต้นซอยถี่ขึ้นเรื่อยๆ ขณะร่างพี่สาวแอ่นเกร็ง มือเล็กบีบกำผ้าปูที่นอนแน่น นั้นมันเป็นสัญญาณว่าเธอก็ใกล้ถึงจุดสุดยอดแล้วเช่นกัน “ผับๆๆๆๆๆๆๆๆ” เสียงหน้าขากระทบกันดังระรั่วอยู่นาน ต้นจึงทะลวงลำแกร่งเข้าไปในโพรงรักจนสุดทาง แล้วกดนิ่งอัดคาเอาไว้ ก่อนที่ธารรักของเขาจะพุงออกมาเป็นสาย ……………………………………………………… เมื่อหญิงสาววันนี้คือเด็กสาวในวันนั้น ได้มาเล่าเรื่องน่าอายในอดีตจนจบ และเพื่อไม่ให้ผู้เล่าเขินอายผู้ฟัง ไฟให้ห้องทีมวิจัยจึงค่อยเปิดขึ้นเมื่อการเล่าเรื่องจบลง และสิ่งนั้นทำให้แบม มองเห็นทีมวิจัยที่เฝ้าฟังเธอ ก่อนที่หมอสาวที่ชื่อพิมพิชญาจะถามใส่ไมค์ “แล้วจากวันนั้น มาถึงตอนนี้เวลาก็ผ่านมาประมาณสองปีแล้ว แบมกับน้องความสัมพันธ์เป็นยังไงบ้างค่ะ” “หลังจากวันนั้นหนูก็ต้องเลิกกับแฟน และในปัจจุบันหนูกับน้องก็ยังมีเพศสัมพันธ์กันอยู่ค่ะ” จากคำให้สัมภาษณ์ทำให้พิมพิชญาถามคำถามสำคัญต่อ “แล้วทำไม? เลือกน้องชาย...ไม่เลือกแฟนละคะ” “ครั้งแรกหนูก็สับสนว่าจะเอายังไงดี แต่พอแฟนจับได้ว่าหนูกับน้องมีอะไรกัน เราจึงเลิกกันและไม่นานเขาก็ฆ่าตัวตาย และ จนมาถึงวันนี้หนูคิดว่า หนูอยู่กับน้องต้นแบบนี้มีความสุขกว่าค่ะ” และนั่นมันเป็นคำตอบที่ทีมวิจัยได้รู้ลึกซึ้งถึงอารมณ์ทางเพศอันผิดปกติ ของผู้ชอบร่วมรักกับสายเลือดเดียวกัน “แบมเราดีใจที่หนูยินยอมมาเข้าร่วมบำบัดจิตกับเรานะคะ” “ขอบคุณค่ะ และหนูอยากหาย เพราะเกียดสังคมที่มองดูเรา ช่วยหนูด้วยนะคะ” จากคำตอบทำให้ทีมวิจัยทั้งสามคน รู้ว่ามีงานหนักรออยู่ “เดียวอาจารย์ส่งชื่อแฟนของน้องแบมที่ฆ่าตัวตาย ให้หมอพิมพ์ลองหาสาเหตุการตายจากกูร์เกิ้นหน่อยนะ” “ค่ะอาจารย์หมอ” ................................................................................. “ความคืบหน้าโครงการก่อสร้างรีสอร์ตที่เกาะกะลา ตอนนี้เราได้รับใบอนุญาตก่อสร้างเป็นที่เรียบร้อยแล้ว และตอนนี้ทีมก่อสร้างของเรา กำลังวางแผนเพื่อเข้าดำเนินการก่อสร้างอยู่ และเราคงเปิดไซค์งานได้ไม่เกินต้นเดือนหน้า และการก่อสร้างคอนโดย่านฝังธนของเราก่อสร้างไปได้กว่าแปดสิบเปอร์เซ็นต์แล้ว และคงไม่นาน เราก็คงส่งมอบห้องให้ลูกค้าได้ โดยตอนนี้คอนโดของเราถูกจอง ไปกว่าเจ็ดสิบเปอร์เซ็นต์แล้วค่ะ” อภิญาผู้ทำหน้าที่เรขาการประชุม กล่าวรายงานต่อพิมพิชญาผู้ทำหน้าประธานการประชุมแทนพ่อ โดยมีพิสมัยและศิวะนั่งขนาบข้าง พร้อมกับหุ้นส่วนกรรมของบริษัทโมเดร์นโฮมการ์เด้นจำกัด ร่วมสิบกว่าคนที่เข้าร่วมประชุมในวันนี้ “โทษนะครับ..ทราบว่ามีการบอกเลิกการจองห้องคอนโดไปแล้วหลายราย และ จากที่สอบถามผู้เลิกจองก็ทราบว่ามีคนได้เบอร์โทรศัพท์และข้อมูลลูกค้าไป ก่อนจะมีคนโทรไปเสนอออฟชั่นที่พวกลูกค้าพอใจ จนทำให้ลูกค้าของเราเปลี่ยนไปจองคอนโดกิจพิริยะ คู่แข่งของเราใช่หรือไม่ครับ” หนึ่งในหุ้นส่วนกรรมการถามสวนขึ้นในห้องประชุม เพราะความร้อนใจในสถานการณ์นี้ ก่อนที่พิสมัยผู้ที่มีตำแหน่งผู้จัดการที่รู้เรื่องนี้ดี จะเป็นคนตอบ “ค่ะเรื่องนี้ขอให้เราตรวจสอบให้แน่นอนก่อนนะคะ แล้วจะแจ้งในที่ประชุมทราบอีกที่” “แล้วเรื่องที่มีข่าวลือว่าแบบก่อสร้างคอนโดของเรามีปัญหาในการคำนวนการรับน้ำหนักของโครงสร้างอาคาร จนทางเขตผู้ควบคุม...จะขอเข้าไปตรวจสอบ เรื่องนี้เป็นเรื่องจริงหรือเปล่าครับ?” กรรมการอีกคนลุกขึ้นถามอีกประเด็น ทำให้ศิวะลุกขึ้นตอบ “เรื่องนี้เรา กำลังจัดส่งรายการคำนวณไปให้ทางเขตตรวจสอบใหม่อยู่ครับ” และแม้ว่า..ศิวะผู้ทำหน้าที่วิศวกรควบคุมโครงการจะตอบ แต่เสียงสอบถามต่างๆ ก็ดังขึ้นระงม จนทำให้บรรยากาศที่ประชุมเริ่มเครียด ไม่แพ้ใบหน้าของเหล่าผู้บริหาร .......................................................................................... “น้าว่ามันต้องมีคนในของเราส่งข้อมูลไปให้ พวกกิจพิริยะที่สร้างคอนโดขาย ในย่านเดียวกันกับเราแน่ๆ ไม่เช่นนั้นพวกเขาจะรู้ข้อมูลลูกค้าของเรา แล้วโทรไปว่านล้อมจนลูกค้าของเรามาขอยกเลิกการจองกับเราได้ยังไง” พิสมัยกล่าวหน้าเครียดขณะตั้งคำถามกลุ่มเครือญาติที่ร่วมบริหารบริษัท ที่เธอได้นัดมาคุยกันหลังประชุมหุ้นส่วนกรรมการเสร็จไปเมื่อครู่ “ผมว่านายพิริยะเจ้าของคอนโดคู่แข่งเรานั่นแหละครับ น่าจะเป็นคนจ่ายเพื่อซื้อข้อมูลนี้ และ ตอนนี้เห็นว่ามันเสนอจะขอซื้อโครงการคอนโดของเราทั้งโครงการด้วย เพราะ ที่ก่อสร้างคอนโดของมันอยู่ด้านใน พอซื้อโครงการของเรา โครงการทั้งหมดของมันก็จะได้เชื่อมกับถนนเมนใหญ่ แล้วผลประโยชน์จะตกกับมันอย่างมหาศาล” นพพรผู้มีตำแหน่งผู้จัดทั่วไปอธิบายถึงสาเหตุเชิงลึก ขณะศิวะและ พิมพิชญาแสดงใบหน้าใช้ความคิด ก่อนที่อภิญาจะตอบเพราะเธอดูแลฝ่ายขายโดยตรงของบริษัท “แต่ข้อมูลลูกค้า ก็มีแค่หนู กับคุณน้า เท่านั้นนะคะที่มีข้อมูล” “มันอาจจะหลุดจากแบงค์ก็ได้ครับ เพราะเราต้องส่งรายชื่อลูกค้าไปขอให้แบงค์ตรวจสอบธุรกรรมการเงินของลูกค้าให้” นพพรออกความคิดอีกครั้ง ก่อนพิมพิชญาจะกล่าวมั่ง “หรือจะเป็นคนมาใหม่?” “ว่าเข้าไป..ผมจะไปรับรู้ข้อมูลอะไรกับการขายครับคุณ ผมดูแลการก่อสร้างนะครับคุณหมอ” “ฉันไม่ได้ว่าคุณ แล้วจะเดือดร้อนอะไร?” พิสมัยเห็นท่าไม่ดีจึงรีบกล่าวสรุป “เอาล่ะเรื่องนี้ แค่เราตั้งข้อสงสัยแต่ไม่ได้หาคนผิด เพราะเชื่อว่าพวกเราทำงานเพื่อบริษัทกันทุกคน แต่มีเรื่องสำคัญอีกเรื่อง ก็คือว่าถ้าโครงการก่อสร้างของเราถูกสั่งให้ชะลอการก่อสร้างเอาไว้ก่อนเราจะยุงกันใหญ่ เพราะ ตอนนี้ทางกองช่างของสำนักงานเขตได้ส่งหนังสือเรื่องการคำนวณโครงสร้างของเราผิดเทศบัญญัติมาให้เราแล้ว” ทุกคนมองหน้าพิสมัยที่กำลังกล่าวถึงเรื่องร้ายแรงอีกเรื่อง “และทางเราก็จะเสียหายมาก ถ้าถูกระงับการก่อสร้างโครงการไว้ก่อน เพราะแค่เราส่งห้องคอนโดตามสัญญาให้ลูกค้าไม่ทันตามกำหนด เราก็ต้องเสียค่าปรับจำนวนมหาศาล” “เรื่องนี้นายพิริยะอาจจะอยู่เบื้องหลังอีกเรื่อง เพราะมันต้องการซื้อโครงการของเรา” นพพรแสดงความเห็นที่น่าจะเป็นไปได้ ในขณะที่พิมพิชญาตั้งคำถาม “แล้วเรื่องนี้เราออกแบบผิดจริงหรือเปล่าคะ” “เรื่องนี้ผมตรวจสอบแล้ว การคำนวณน้ำหนักจร ( Live Load) ที่เรานำมาใช้มาคำนวณโครงสร้างของอาคารคอนโดของเรา มันเป็นกฎหมายเก่า แต่ตอนนี้ เขาประกาศให้ใช้กฎหมายใหม่ ที่ให้เพิ่มน้ำหนักจรขึ้นไปอีก และกฎหมายฉบับนี้มันออกมาคาบเกี่ยวกับตอนที่เรากำลังขออนุญาติปลูกสร้างคอนโดนะครับ” “ฉันไม่เข้าใจ...” พิมพิชญาพูดขึ้นเพราะเธอไม่เข้าใจเรื่องกฎหมายเทศบัญญัติการก่อสร้างจริงๆ “พ่ออยากให้มาช่วยงานก็สะดิ้งอยากเป็นคุณหมอ เรียนหมอมาถ้ารู้เรื่องนี้มันก็แปลกแล้วครับ..” “อยากเป็นหมอแล้วมันหนักหัวใคร...” เป็นพิสมัยอีกครั้งที่ห้ามศึก “เอาละ ศิวะเห็นว่าจะไปประชุมไซค์งานตอนบ่ายไม่ใช่เหรอ...เรื่องนี้เอาไว้ก่อนก็แล้วกัน” “ฉันไปด้วย...” พิมพิชญากล่าวเสียงห้าว ในขณะความคิดเธอถูกเห็นด้วย “ดีเลย น้ากำลังจะบอกว่าหนูพิมพ์ว่า หนูน่าจะเข้าประชุมที่ไซค์งานสักครั้ง เพราะการเสนออนุมัติค่าใช้จ่ายต่างๆ มันจะได้เห็นภาพ และ จะได้รู้ว่าพวกเขาทำงานกันอย่างไร? “ “ได้ค่ะน้า...งั้นก่อนเที่ยงนายไปรับฉันที่สถาบันที่ฉันทำงานวิจัยอยู่นะ” “บ้าสิครับ...ไปใครไปมันสิ” พิมพิชญาถลึงตาใส่ศิวะที่กล่าวปฏิเสธ “ไม่ต้องมาทำตาโต ยังไงผมก็ไม่ไปรับคุณ” ....................................................................................................... “รถนายเหม็นวะ ทำไม? ไม่หาน้ำยาดับกลิ่นหอมๆ มาไว้ใช้ปรับกลิ่นในรถบ้างละ” “ก็ผม ไม่ชอบ..” “ชอบไม่ชอบก็ต้องหามาเก็บเอาไว้ เผื่อว่าเอาของที่มีกลิ่นไม่พึ่งประสงค์ขึ้นมาบนรถ จะได้ฉีดดับกลิ่น เอางี้เดียวฉันซื้อมาให้” “ไม่ต้อง...เพราะอะไรที่ไม่ชอบผมจะโยนลงรถหมด” “โยนลงรถหมดเลยเหรอ?” “ใช่ และตอนนี้ผมใกล้จะโยนคุณลงรถแล้ว” พิมพิชญายิ้มอย่างอารมณ์ดี ขณะที่ศิวะทำหน้าเรียบเฉย “งั้นแสดงว่าตอนนี้คุณยังชอบฉันอยู่...ใช่ไหม? เออแล้วทำไมคุณรู้ทางมารับฉันที่อาคารวิจัยละ?” ..............ตามต่อนะครับ.......... เรื่องราวทุกประเด็นจะเริ่มเข้มข้นขึ้นเรื่อยๆ นะครับ ไม่ว่าจะเป็น เรื่องงานวิจัย..ปัญหาเรื่องทางธุรกิจ..ประสงค์ที่ศิวะต้องการ...รวมทั้ง อีกนานแค่ไหน? ความรู้สึกที่ดีต่อกันมันจะก่อตัวขึ้นระหว่างศิวะ กับ พิมพิชญา .และในทุกๆ เรื่องที่กล่าวมามันจะเชื่อมโยงกันหมด จนทำให้รีดต้องวางนิยายเล่มนี้ไม่ลงแน่ๆ (ถ้าเป็นหนังสือนะครับ) ...กระซิบแผ่ว...
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม