“ก่อนหน้านี้คุณทำอะไรมาบ้าง”
“ผมนอนกับผู้หญิงมาสองคน...คนแรกอายุมากแล้วแต่นมใหญ่มาก คนที่สองอายุน้อยกว่าคนแรกแต่ผิวเธอดำ แต่เธอเก่งเรื่องเซ็กส์มาก...เธอขึ้นบนตลอด เธอทำให้ผมเป็นชั่วโมงแต่ผมก็ไม่เสร็จ...”
“พอๆ หมอไม่ได้ถามเรื่องนั้น หมอจะถามว่าคุณพยายามรักษาเบื้องต้นอย่างไรต่างหาก”
ปากบอกให้พอ แต่ปณิดากลับจินตนาการเห็นภาพหญิงสาวผิวคล้ำ ที่มีอวัยวะเพศแข็งโด่ดเบื้องหน้าของเธอ อัดแน่นอยู่ในโพลงสวาท ก่อนที่สาวผิวเข้มจะขยับโยกให้ท่อนสวาทขนาดใหญ่เลื่อนเข้าออกร่างเล็ก ไปตามแรงโยกของเธอนานเป็นชั่วโมง ตามที่ชายหนุ่มเล่า จนทำให้ตอนนี้นักศึกษาแพทย์ปีสุดท้ายเริ่มจะหายใจขัด ขณะใช้มือจับลูกอัณฑะเพื่อตรวจก็พาลลูบไปถูกท่อนเนื้อแข็งเหมือนกับตั้งใจ
“ผมใช้น้ำอุ่นประคบมันเอาไว้ครับหมอ”
“นั่นเป็นวิธีที่ผิด เพราะน้ำอุ่นจะทำให้โลหิตในองคชาตหมุนเวียนได้ดีขึ้น มันก็ยิ่งทำให้มันแข็งตัว”
“เออ...แล้ว แล้ว ทำไม่ในช่องคลอดผู้หญิงก็อุ่น แต่ทำไมมันจึงทำให้องคชาตอ่อนตัวได้ละครับคุณหมอ”
“ทะลึงแล้วคุณ นี่หมอนะ”
หมอสาวถลึงตาใส่คนไข้ แต่ไม่ใช่เพราะความโกธร แต่มันเป็นปฏิกิริยาแรกของความถูกต้อง ระหว่างหมอกับคนไข้
“เอาเข้าไปเฉยๆ มันไม่อ่อนหรอกคุณ มันจะต้องหลั่งอสุจิออกมาด้วย เออ...ใช่สิที่คุณเล่าว่า คุณนอนกับผู้หญิงมาตั้งสองคนในวันนี้ แล้วคุณหลั่งทั้งสองคนเลยไหม?”
“คนแรกถึงจะอายุมากไปหน่อยแต่เธอก็ขาว แต่ผมไม่ชอบคนนมใหญ่เพราะผมชอบเท่าๆ ของคุณหมอ...”
“ไม่ต้องอธิบายมาก และอย่าลามปามมาถึงหมอ และหมอแค่ถามว่าคุณได้หลั่งอสุจิออกมาแล้วหรือยังเท่านั้น”
ปณิดาพยายามพูดในสิ่งที่ถูกที่ควร ทั้งๆ ที่เธอก็อยากฟังสิ่งที่คนไข้เล่า
“ตอนนี้ลูกอัณฑะคุณหดจนหายเข้าไปกว่าปกติ นั่นแสดงว่าอวัยวะเพศของคุณที่แข็งตัวในตอนนี้ มันไม่ได้เกิดจากการถูกเร้าอารมณ์เพศ (sexual stimulation) ดังนั้นถ้าหมอรู้ว่าคุณสำเร็จความใคร่มาแล้ว หมอก็จะรักษาได้ถูกวิธีจึงได้ถาม”
“ก็ผมจะเล่าที่ไรหมอก็ห้ามผมไว้ทุกที แล้วจะให้ผมทำอย่างไรครับ...”
ปณิดาทำหน้าเซ็งกับความลื่นไหลของบุรุษเบื้องหน้า เธอจึงตอบให้มันแล้วๆ ไป
“เอาๆ ...มีอะไรก็เล่ามา”
“ได้ครับได้...คือยังงี้นะครับคุณหมอ ผมเป็นคนที่เสร็จยาก และ วันนี้ผู้หญิงคนแรก เธอก็เนียมอายมาก ดังนั้นตอนเราร่วมรักกันเธอก็ไม่ยอมส่งเสียง ผมมันเป็นคนประเภทถ้าไม่ได้ยินเสียงครางของผู้หญิงก็ยิ่งไม่มีทางสำเร็จกิจ ดังนั้นผมจึงเปลี่ยนท่าให้เธอหันหลังแล้วผมสอดใส่จากด้านหลัง...”
ปณิดาฟังธีรดลเล่าทำให้หญิงสาวคิดเห็นภาพที่เคยเรียนมา และตามที่ผู้ป่วยเล่ามันคือท่าร่วมรักที่เรียกว่า ** “ท่าหมาน้อย” ** (Doggie-Style) ที่ฝ่ายหญิงจะคุกเข่าอยู่ในท่าคลานสี่ขา มือทั้งสองยันพื้นไว้ หรือจะโก้งโค้งปล่อยช่วงบนลำตัวให้เป็นอิสระก็ได้ และสำหรับฝ่ายชายจะคุกเข่าอยู่กลางระหว่างสองขาของผู้หญิง โดยแขนทั้งสองข้างของฝ่ายชายจะโอบรัดเอวผู้หญิงไว้ แล้วสอดใส่อวัยวะเพศของเขามาจากทางด้านหลังเข้าไปยังช่องคลอดของฝ่ายหญิง โดยกูรูเซ็กซ์ต่างเห็นพ้องกันว่า ท่าเมกเลิฟที่ฝ่ายชายเข้าทางด้านนี้ท่อนรักชาย มันจะไปกระตุ้นจุด G-Spot * (* จุดกระสันอีกจุดหนึ่ง นอกเหนือจากปุ่ม Clitoris ของผู้หญิง) ของเธอได้อย่างจัง และการร่วมรักในท่าด็อกกี้นี้ ควรให้แผ่นหลังของหญิงสาวแอ่นโค้ง และศีรษะเงยขึ้น และฝ่ายชายอาจจับสะโพกฝ่ายหญิงยกขึ้น เพื่อช่วยให้น้องชาย..เข้าออกในมุมองศาแทงลง ซึ่งมันจะไปโดนจุด G-Spot พอดี
“อือ... ฉันว่า..ว่า...”
ปณิดาเป็นคนที่ชอบจินตนาการเรื่องเพศ ดังนั้นเธอจึงเริ่มหายใจขัด เพราะทั้งอวัยวะเพศขนาดร่วมหกคูณเจ็ดนิ้วที่แข็งเป็นลำอยู่เบื้องหน้า และบทสนทนาที่ได้เข้าไปปลุกเร้าอารมณ์ราคะในตัวของเธอแบบเต็มๆ ดังนั้นความต้องการที่อยากจะระบายกามรมย์ที่กำลังคลุกกลุ่น มันจึงสูงขึ้นเป็นลำดับแล้วในตอนนี้
จากเสียงกล่าวติดขัดทำให้ธีรดลรู้ว่า ผู้กำลังวินิจฉัยโรคของเขา กำลังถูกอารมณ์ใดครอบหงำ เขาจึงรีบเล่าต่อ เพราะเขาต้องการยั่วเย้าอารมณ์ด้านมืดของคุณหมอแสนสวยให้เพิ่มขึ้น เพื่อประสงค์แบบผู้ชายเห็นแก่ตัวทั่วไป จนเขาลืมความปวดหมึด ตอนที่มาที่นี่ ไปอย่างปลิดทิ้ง
“ผมกระทำท่านี้อยู่นานกว่ายี่สิบนาที จนเธอน่าจะเสร็จไปหลายครั้ง แต่ผมก็ไม่มีที่ท่าว่าจะเสร็จตามเธอไปเสียที่ ผมจึงขยับไปนอนลงบนเตียงแล้วเปลี่ยนให้เธอขึ้นทับบนตัวผม...”
ภาพร่วมรักโคบาลสาว ที่ผู้หญิงอยู่บนตัวผู้ชาย โดยทั้งคู่หันหน้าเข้าหา (The Opposite) มันผุดขึ้นในหัวของวณิดาทั้งๆ ที่ไม่พยายามจะคิด แต่ภาพผู้หญิงที่เป็นฝ่ายขึ้นคร่อมอยู่บนตัวฝ่ายชายที่นอนหงาย โดยอวัยวะเพศชายถูกสอดใส่เข้าไปในตัวฝ่ายหญิง และในท่านี้ผู้หญิงสามารถเป็นฝ่ายควบคุมจังหวะเข้าออก และทางฝ่ายชายยังสามารถใช้มือและลุกขึ้นเพื่อใช้ปากละเลงเล่นกับ ปลายสองเต้าของฝ่ายหญิง และยังสามารถจูบกันได้อีก และท่านี้มันช่วยให้ฝ่ายชายเข้าถึงจุดคลิตอริส ของฝ่ายหญิงได้โดยง่าย มันจึงทำให้ผู้หญิงไปถึงสวรรค์โดยใช้จังหวะของเธอดันและถูเบียดจุดเสียวของเธอ ด้วยตัวของตัวเองอีกด้วย
“เอาละๆ ...หมอว่าพอเถอะ ยิ่งเล่าก็ยิ่งยาว...คือแค่หมออยากรู้แค่ว่าคุณหลั่งอสุจิหรือยังวันนี้...คุณก็ตอบมาว่าหลั่งแล้วหรือยังก็พอ”
“อ้าว...แค่นั้นเองเหรอครับ”
หมอสาวพยักหน้าสาว แต่คนไข้เจ้าเล่ห์แกล้งทำหน้างงก่อนกล่าว
“ก็ผมมีจุดอ่อนคือถ้าใช้ปาก ผมจะเสร็จเร็วมากๆ นะครับหมอ”
“แล้วๆ ...คู่ขาของคุณ...ทำให้ไหม?”
หมอสาวอดถามไม่ได้
“ผมเสร็จในปากเธอ...”
วณิดาจิกเล็บลงบนโต๊ะ เมื่อคำตอบทำให้จิตนาการมองเห็นของเหลวสีขาวขุ่นพุงเข้าไปในลำคอของหญิงสาวและในความคิดของหมอปณิดา ผู้หญิงคนนั้นก็คือเธอนั่นเอง...
“...แล้วๆ ...คุณไปทำอีท่าไหน... มันจึง..จึง..แข็งตัวอีก...”
เสียงถามขาดๆ หายๆ เพราะอารมณ์ของผู้เป็นหมอ มันเดินทางมาถึงจุดที่ยินยอมพร้อมกายให้กับทุกๆ คน ถ้าอยากร่วมรักกับเธอ แต่ด้วยจรรยาบันที่เธอแบกมันเอาไว้ ที่ยังหนักแน่นกว่าอารมณ์แห่งกิเลสตัณหาที่เกิดขึ้นอยู่เพียงแค่นั้น
“ผมขอบอกตรงๆ นะครับว่าอาชีพผมก็คือ...”
“ฉันรู้เรื่องนั้น ตั้งแต่อาจารย์ฉันโทรมาบอกแล้ว คุณเล่าต่อเถอะ”
“ถ้าหมอรู้แล้ว ผมก็จะบอกว่าวันนี้ผมรับสองงาน และเมื่องานแรกจบไป งานที่สองผมไม่แข็งตัว ผมจึงต้องใช้ยาโด๊ป และตั้งแต่ผมโด๊ปจนมาถึงตอนนี้มันก็แข็งโด่ไม่ยอมอ่อนเลย อย่างที่หมอเห็นนี่แหละครับ “
ผู้เป็นหมอรู้สาเหตุครบถ้วน ขณะใช้มือที่สวมถุงมือยางกดท่อนเนื้อแข็งเบื้องหน้าเพื่อตรวจเช็คอีกครั้ง
“หือ...คุณใช้สารกระตุ้นระบบประสาทพาราซิมพาเทติก ทำให้อวัยวะเพศคุณแข็งตัว โดยไม่อาศัยขบวนการเร้าอารมณ์เพศ (sexual stimulation) มันจึงเป็นแบบนี้”
“หมอครับ แล้ว.แล้ว..หมอจับมันรูดทำไม? ครับ”
“อุย...”
หมอคนสวยตกใจคำท้วง เพราะเธอหลงไปกำแท่งเนื้อตรงหน้าแล้วรูดตอนไหน? เธอก็ไม่รู้...
“เออๆ ...เอาละ เดียวหมอฉีดยาต้านสารกระตุ้นให้...และถ้าอยากให้มันอ่อนตัวเร็วๆ คุณก็ช่วยตัวเองเพื่อให้อสุจิเคลื่อนตัวออกมานะ*” *
“หมอจะให้ผมช่วยตัวเองที่ไหนครับ?”
“อ้าว ก็กลับไปทำที่บ้านคุณสิ...ถามได้”
“โอ้ยจะให้ผมแข็งโด่กลับไปบ้าน อีกเหรอครับ...นี่”
ขณะที่คำตอบยังไม่ได้สรุป ก็มีเสียงเรียกเข้าโทรศัพท์มือถือของหมอปณิดา ก่อนเธอจะรับ
“ค่ะอาจารย์.......เขาใช้ยาโด๊ปมาใช่ไหม? หมอดา.......ค่ะ.......เป็นยังไงกับการตรวจเพศชายที่แข็งตัวจริงๆ .........ก็ได้ประสบการณ์จริงค่ะ...........ไม่ใช่อาจารย์อยากรู้ว่าอารมณ์ทางเพศของหมอดาควบคุมได้ไหม? .........ก็..ๆ ..ได้อยู่ค่ะ........ไม่ใช่อะไรหรอกนะ แต่ว่างานวิจัยที่เรากำลังทำของเรา มันคือเรื่องการมีเพศสัมพันธ์ที่ไม่ถูกไม่ควร ดังนั้นเรื่องที่เราเป็นแพทย์ที่มีจรรยาบันที่จะต้องไม่มีอะไรเลยเถิดกับคนไข้โดยเด็ดขาด แต่ว่าถ้าหาก เราห้ามใจไม่ได้แล้วเกิดไปมีอะไรกับคนไข้ มันคือความรู้สึกที่อาจารย์อยากจะนำมาใช้วิจัย และ ถ้าหมอดาพร้อมที่จะมีเพศสัมพันธ์กับคนไข้รายนี้ก็ทำได้เลยนะ? เราจะได้ข้อมูลนี้ไปใช้วิจัย เอาละแค่นี้นะหวังว่าหมอดาคงเข้าใจความหมายของอาจารย์.นะ........ค่ะดาเข้าใจ......”
ปลายสายของอาจารย์วางไปแล้ว นั่นแสดงว่าการพูดคุยสิ้นสุด แต่สิ่งที่อาจารย์กล่าวหมอสาวเพิ่งจะเริ่ม
“แล้วจะให้หมอทำยังไงละ...ค่ะคุณ”
เสียงของหมอสาวเปลี่ยนไปจนทำให้ธีรดลใจหาย เพราะเสียงเล็กของเธอมันหวานจนน่ากลัว
“ก็..ก็...ผมอยากให้มันอ่อนตัวตอนนี้นี่ครับหมอ”
“งั้นหมอจะไม่ฉีดยาต้าน แต่จะใช้วิธีเร้าอารมณ์ให้ ตกลงไหมคะ...”
ปลายเสียงทำเสียงสูงทำให้ชายหนุ่มรู้ว่าหมอสาวเปลี่ยนไป....
“หมอๆ จะทำๆ ยังไงกัน...ครับ”
ธีรดลแทบจะไม่เชื่อหู ในสิ่งที่ได้รับฟังเลยถามกลับด้วยใจระทึก
“หมอจะเร้าอารมณ์ด้วยการสัมผัสตัว ให้คุณนะคะ”
หมอปณิดาไม่พูดเปล่าในครั้งนี้ แต่เธอจับอวัยวะเพศของธีรดลแล้วรูดหนังหนาที่หุ้มท่อนเนื้อให้เลื่อนเข้าเลื่อนออก ซึ้งมันเป็นวิธีพื้นฐานสำเร็จความใคร่ด้วยตนเองของผู้ชาย
“มีความรู้สึกไหมคะ..”
ชายหนุ่มไม่รู้ว่า คุณหมอแสนสวยคุยโทรศัพท์เรื่องอะไรเมื่อครู่ แต่ที่แน่ๆ หมอสาวเปลี่ยนไป และ อารมณ์ความรู้สึกของเขาตอนนี้มันช่างรัญจวนใจยิ่ง
“ครับหมอ..ผมรู้สึก...”
มือเล็กที่สวมถุงมือยางกำรูดท่อนเนื้อเบื้องหน้าไปมาช้าๆ ก่อนจะเน้นหนักเป็นบางจังหวะจนทำให้ร่างใหญ่ต้องสะดุ้งเพราะความเสียวซ่าน
“จับตัวหมอได้นะคะ....”
เสียงหวานกล่าวท้าทาย พร้อมนั่งส่งสายตายั่ว มันจึงทำให้หนุ่มมืออาชีพทำสิ่งที่ได้รับอนุญาตแบบไม่ให้เสียเชิง
“หืออออ....”
มือหนากุมเต้าอวบนอกผ้า ทำให้เกิดเสียงหายใจยาวจากหมอสาว
“ถอดมันออก เถอะค่ะ”
ธีรดลตลึงในคำกล่าว แต่เขาก็ไม่รอให้บอกซ้ำ เมื่อเขาถลกเสื้อของหมอสาวม้วนไปไว้เหนือทรวงอกอันอวบอิ่ม แล้วถอดตะขอเสื้อชั้นในออก ก่อนที่ก้มลงไปห่อปากครอบไปที่ยอดอก
“...อือ...”
ผู้ป่วยดูดย้ำๆ จนผู้อาสาบำบัดตัวเกร็ง แต่มือเล็กยังขยับรูดขึ้นลงเร็วขึ้นไปเรื่อยๆ ตามแรงดูด
“ฉันจะ..อูย์..แล้วคุณ...อูย์”
ชายหนุ่มได้ยินเช่นนั้นก็รีบพยุงร่างบางให้ลุกขึ้นจากเก้าอี้ ก่อนจะให้มือล้วงเข้าไปใต้กระโปรง แล้วดึงรูดกางเกงชั้นในที่มีเงาน้ำหยดเป็นดวงใหญ่ตรงกลางเป้า มาคาไว้ที่ขา
“คุณหมอพร้อม...แล้วนะครับ”
ใบหน้าสวยพยักแสดงคำตอบ และนั่นทำให้แก่นกายใหญ่ถูกมือจับดันเสยเข้าไปยังกลีบรักของคุณหมอผู้อารีย์ ก่อนจะเกิดเสียงเจ๊าะแจ๊ะเนื่องจากส่วนปลายเนื้อกำลังสำรวจหาปากถ้ำ
“เร็วตรงนั้นแหละ...หมอจะไม่ไหวแล้ว...อือออ”
โพรงสวาทเต้นตุบตับ เมื่อรู้ว่าความสุขสุดยอดกำลังเดินทางมาใกล้ และไม่นานร่างเล็กก็ต้องสะดุ้งเมื่อปลายท่อนเนื้อค่อยๆ แทรกเข้าไปในตัวของเธอ
โพรงสวาทขมิบตอดรัด ตอนธีรดลทะลวงลำแกร่งเข้าไปในโพรงรัก ขณะที่น้ำหวานเหนียวที่ไหลเยิ้ม ทำหน้าที่เคลือบผิวเนื้อให้มันหล่อลื่นจนแท่งเนื้อยาวเคลื่อนหายเข้าไปทั้งลำ
“......อ่า........”
หมอสาวครางเสียงกระสันต์ ขณะร่างทั้งร่างเกร็งขมวดในทุกครั้งที่ลำแกร่งเคลื่อนเข้าออก
“โอวววว...อูย์.....”
ธีรดลซอยสะโพกอย่างต่อเนื่อง ถอนแล้วจ้วง ในขณะที่โพรงสวาทขมิบตอดรับอยู่ตลอดเวลาเกือบสิบนาที ก่อนที่หมอสาวจะทนไม่ไหว
“คุณค่ะ...หมอไม่ไหวจะทน แล้ว...โอ้ยยย....”
ความสุขสุดยอดเดินทางมาหาปณิดา ที่ได้แสดงออกด้วยร่างเล็กที่กระตุกเกร็ง แต่ชายหนุ่มก็ยังขยัยแก่นกายเข้าออกตัวเธอแบบไม่เลิก
“คุณหมอครับ...ผมจะเสร็จเร็วเพราะปากเท่านั้นครับ...ช่วยหน่อยครับ”
เสียงกระซิบแผ่วข้างหู ทำให้หมอคนสวย ขยับให้ท่อนเนื้อยาวหลุดออกจากตัว ก่อนที่จะนั่งลงแล้วใช้ปากครอบมันเอาไว้
“เอาเข้าไปลึกๆ ...ครับคุณหมอ...อ่า...”
ส่วนปลายผ่านริมฝีปากหญิงสาวเข้าไป และ เมื่อมันหายเข้าไปในปากเล็กได้ครึ่งหนึ่ง มันก็หมดความสามารถของหมอสาวคนสวย แต่นั้นมันก็เพียงพอแล้ว
“ครับยังงั้น...ละครับคุณหมอ....อูย์”
จุดอ่อนของธีรดลแสดงผลอีกครั้ง เมื่อคอหอยของปณิดาบีบรัดส่วนปลายอวัยวะเพศของเขาได้ไม่นาน น้ำรักก็ถูกปล่อยออกมาเป็นสาย แล้วพุ่งหายเข้าไปในลำคอของผู้รักษาโรคให้แก่โจรสวาทจนหมดสิ้น
.......................................................................
ศิวะ ออกจากห้องตรวจมา ก็หย่อนตัวลงนั่งบนม้านั่งรอของคลินิกอยู่สักพัก เขาก็เห็นชายหญิงคู่หนึ่งที่ลักษณะการแต่งกายก็รู้ว่าคนทั้งสอง ต้องทำงานเกี่ยวกับการรักษาคนไข้กำลังเดินเข้ามาในห้อง และสิ่งนั้นมันทำให้ชายหนุ่มยิ้มออกมาแบบมีเลสนัยก่อนที่เขาจะหาเอาถุงเล็กๆ มาพันไว้ที่นิ้วกลางของเขา
“เชิญข้างในค่ะหมอเดชา หมอปณิดาตรวจคนไข้อยู่ เราคงต้องรอสักครู่”
“สวัสดีค่ะหมอพิมพ์”
ผู้ทำทะเบียนคนไข้ประจำคลินิก ยกมือไหว้หญิงสาวที่ศิวะรู้ว่าเธอคือใครอย่างคุ้นเคย ก่อนผู้มาถึงใหม่ทั้งสองจะเดินเข้าไปนั่งบริเวณที่จัดไว้สำหรับรับแขก
“เออ...ที่พิมพ์ชวนผมไปดื่มคืนนี้ แล้วเราทำไหม? ไม่ชวนหมอดาไปด้วยละ...”
“ก็...คือ หมอดาเธอไม่ว่างนะ...ค่ะหมอ”
พิมพิชญาตอบเสียงติดขัด ก่อนหมอหนุ่มหล่อจะพยักหน้าแสดงถึงความเข้าใจก่อนจะมีเสียงกล่าวดังขึ้น
“น้องสาวของผมคงไม่อยากให้ใครไปรบกวนบรรยากาศโรแมน์...มั่งครับ และเห็นว่าตอนนี้กำลังหาคนมาช่วยทำกิจกรรมตามคำสั่งของอาจารย์อยู่หมอ...”
ทั้งคู่หันไปมองผู้กล่าวแทรก
“อ้าวผมไม่ยักรู้ว่าหมอพิมพ์มีพี่ชาย?”
ใบหน้าหล่อฉงนตอนเปรยคำ ขณะพิมพิชญาเหลือกตาจ้องหน้าของศิวะ ที่เธอคิดว่ามันมีแต่ความยั่วยวน
“เขาเป็นลูกติดน้าพิสมัยมาคะ ดังนั้นเขาจึงมีศักดิ์เป็นพี่ของพิมพ์”
“อ่อ...สวัสดีครับผมเดชา”
“ผมศิวะครับ”
ชายหนุ่มทั้งคู่ยกมือสัมผัสกัน ขณะความสงสัยอีกเรื่องก็หลุดออกจากปากหมอหนุ่ม
“แล้วเรื่องพิมพ์กำลังหาคนมาช่วยทำกิจกรรมอะไรนะ? ... พิมพ์บอกผมก็ได้นี่ครับ ถ้าผมช่วยได้ผมช่วยเต็มที่”
“ใช่ๆ น้องพิมพ์ ให้แฟนช่วยเถอะ จะได้ผูกมัดและไม่เสียตังส์ด้วย”
ใบหน้าหมอสาวเริ่มบูดบึ้ง จากความโมโห เพราะสิ่งที่ศิวะพูด มันคือความคิดของเธอที่พยายามจะหาทางให้แฟนหนุ่มได้ร่วมรักกับเธอ และ สิ่งนั้นมันก็จะทำให้คำสั่งอาจารย์หมอสำเร็จลุล่วงไปเสียที่
“ไม่ต้อง! เรื่องนั้นพิมพ์จะจัดการเองค่ะหมอ...”
“ผมว่าแล้ว เพราะตั้งแต่ผมคบกับพิมพ์มา ไม่มีเรื่องไหน? ที่เธอจะทำไม่ได้”
...ก็เรื่องหาผู้ชายมานอนด้วยนะสิควายยย...ศิวะคิดก่อนจะตั้งคำถาม
“เออ...แล้วหมอคบกับน้องผมมากี่ปีแล้วครับนี่”
“โอ้ยยังไม่ถึงปีหรอกครับ...ผมอยากจีบตั้งแต่พิมพ์เรียนอยู่ปีสองแล้ว แต่พิมพ์มีแฟนอยู่แล้วตอนนั้น และกว่าจะเลิกกับแฟนเก่า พิมพ์ก็ขึ้นปีสี่แล้ว..”
“โอ้ย...ทำท่าไหนล่ะน้องพี่ จึงทำให้แฟนเก่าบอกเลิก...”
“ฉันเป็นคนบอกเลิก...ไม่ใช่ถูกบอกเลิก..”
หน้าสวยรีบตอบเสียงดุกลับทันที เมื่อถูกศิวะถามประชดประชัน
“ใช่ครับ...พอหมอพิมพ์บอกเลิก เห็นว่าหลังจากนั้น เขาก็กินเหล้าทุกวันต่อกันเลย เห็นว่าตั้งสองสามเดือนเลยนะครับ”
“โอ้...จริงเหรอครับ”
ศิวะพูดเสียงสูงพร้อมทำตาโต ในขณะพิมพิชญายิ้มที่มุนปากอย่างผู้มีชัย
“แล้วคนบ้าอะไรครับจะดื่มฉลองนานขนาดนั้น...”
หน้าสวยที่กำลังยิ้มบูดบึ้งลงทันที
“บ้า....”
หญิงสาวเกร็งตัวด้วยความโกธร ทำให้ศิวะจงใจแกล้งยกมือขึ้นเหมือนจะป้องกันตัว แต่นั่นก็เพื่อให้คนทั้งคู่เห็นปริศนาที่เขาทำเอาไว้ และมันก็เป็นผล
“อ้าวคุณศิวะนิ้วกลางเป็นอะไรครับ ถึงได้พันเอาไว้”
“อ่อ...ก็ครั้งก่อนช่วยน้องพิมพ์ทำกิจกรรมที่อาจารย์สั่งที่ว่านะสิครับ แต่มันก็ยังไม่สำเร็จ...ไม่เชื่อดูสิคอน้องสิครับ มันยังเหลือร่องลอยอยู่เลย”
หมอเดชามองดูรอยจ้ำแดงที่คอพิมพิชญาที่ถูกศิวะดูดครั้งก่อน ในขณะที่หญิงสาว ทั้งๆ ที่รู้ว่าชายหนุ่มตั้งใจกวน แต่ก็ไม่สามารถยับยั้งความโกธรไว้ได้ เธอจึงลุกขึ้นยืนกำมือแน่น
หมอหนุ่มไม่รู้ว่าพิมพิชญาโกธรอะไรมากมายกับพูดที่เขาไม่เข้าใจ แต่เขาก็ลุกขึ้นเพื่อกันทั้งคู่เอาไว้ก่อน
“ไม่เป็นไรครับหมอเดชา น้องพิมพ์ชอบโกธรแบบนี้แล้วก็เดินจากไป ดูสิครั้งก่อนผมถึงกับต้องลงไปกอดขาน้องเขาเอาไว้เลย”
“ลงไปกอดขาเลยเหรอ...เออก็ใช่นะครับ ถ้ารู้ว่าเราผิดก็ต้องรับผิดครับ”
“ไม่ใช่ยังงั้น.. น้องพิมพ์เธอจะเดินไปหยิบปืนนะครับ”
เดชายิ้มเพราะรู้แล้วว่ามันเป็นมุขตลก ขณะหญิงโกธรง่ายหายเร็วอย่างพิมพิชญาเบือนหน้าไปแอบยิ้ม
“เอ้ยศิวะ กูตรวจเสร็จแล้วมาจ่ายตังแล้วกลับกันได้แล้วเพื่อน”
“นั่นเพื่อนผมมาแล้ว ขอตัวกลับก่อนนะครับหมอเดชา”
ศิวะกล่าวจบก็เดินไปหาเพื่อน ที่กำลังรับยาและชำระเงินที่เคาน์เตอร์ ก่อนที่ทั้งคู่จะพากันเดินออกไปจากคลินิก
“พากันมารอนานไหม? นี่...ไปกันเลยไหม? ฉันเสร็จธุระแล้ว”
ปณิดาออกมาจากห้องตรวจก็ตรงไปถามเพื่อนที่มารอในทันที่
“ไปสิ แต่ให้ผมไปห้องน้ำแป๊บ”
หมอหนุ่มเดินตรงไปห้องน้ำ ก่อนที่พิมพิชญาจะสังเกตเห็นสิ่งผิดปกติที่ชอกคอของเพื่อนจึงเข้าไปกระซิบถาม
“แกไปทำอะไรมาคอถึงได้แดงจ้ำขนาดนี้วะดา”
“เขาบอกว่าต้องทำสัญญาลักษณ์เอาไว้ ถ้าพวกเขาทำงานสำเร็จ”
“แกอย่าบอกนะ...ว่าแกนอนกับคนไข้ ที่มีอาชีพเดียวกันกับนายศิวะ...เมื่อกี้”
พิมพิชญาทำหน้าตกใจตอนถาม ขณะปณิดาพยักหน้าที่เฉยนิ่ง
“เรื่องนี้ฉันอธิบายได้ ว่าแต่แกเถอะ...คอแดงจ้ำไม่แพ้ฉัน แต่ตอนใช้ห้องฉันกับพี่ศิวะไม่เห็นมีนี่ แต่ตอนนี้ทำไมมี หรือว่าแกเรียกพี่เขามาให้บริการแกอีก...ร้ายกาจมากนะแก”
“บ้า! พอๆ รีบไปกัน หมอเดชามานูนแล้ว...และฉันก็หิวมากด้วย”
...............ตามต่อนะครับ..............
เรามาดูกันว่า..ธีรดล กับ หมอวณิดา และศิวะ กับ หมอพิมพิชญา..จะฟันฝ่าอุปสรรครักที่มากมายไปได้หรือเปล่า และไรท์ขอเรียนเชิญให้รี๊ดติดตามไรท์มานะครับ และขอรับประกันว่านิยายเรื่องนี้จะทำให้รี๊ดมีความสุขในทุกๆ ตอนที่ได้อ่าน เลยครับ
...กระซิบแผ่ว...