1
สายตาเศร้าสร้อยของวิธาดามองธัญญ์อยู่ไกลๆ แม้เธอจะมาส่งเขาที่สนามบินเหมือนดังเช่นคนอื่นๆ แต่ไม่มีสิทธิ์เข้าไปใกล้ ได้เพียงแค่ยืนมองอยู่ห่างๆ เขาเพียงกลับมางานสำคัญของพี่ชายและกำลังจะกลับไปเรียนต่อ ซึ่งเธอคงไม่ได้เห็นหน้าเขาอีกหลายปี
เธอไม่เคยอยู่ในสายตาของเขาอยู่แล้ว แม้จะรู้อยู่แก่ใจ ไม่รู้จะตอกย้ำให้เสียใจทำไมกัน แม้จะบอกให้ตัดใจ แต่ตัดใจจากผู้ชายคนนี้ไม่ได้เลยสักที
เธอควรเฝ้ามองดูเขามีอนาคตที่ดี เรียนจบกลับมา เขาต้องมาดูแลกิจการของครอบครัว เธอเคยดูถูกเหยียดหยามว่าเขาจน ต่ำต้อย ทำให้รู้ว่าคนเรามองกันแค่ภายนอกไม่ได้จริงๆ
บางคนทำตัวร่ำรวยแต่เป็นหนี้สิน รวยแค่เปลือกนอก ไม่ได้ร่ำรวยจริง บางคนมีเงินทองมากมายแต่ไม่อวดอ้าง
... แต่ถึงอย่างไร ในสายตาของเขา มีแต่ผู้หญิงอีกคนอยู่เต็มหัวใจ จนไม่มีพื้นที่ไว้มองผู้หญิงคนอื่นอีกแล้ว
ผู้หญิงคนนั้นคือ พิณทิรา น้องสาวของเธอนั่นเอง
ร่างอรชรหันหลังกลับเมื่อเธอยืนส่งเขาจนพอใจ วิธาดาเดินไปยังรถของตัวเอง ก่อนสตาร์ทรถขับออกมาด้วยความรู้สึกบรรยายไม่ถูก
จริงๆ แล้ว ลึกๆ เธอไม่รู้ว่าตัวเองมีเป้าหมายชีวิตยังไงกันแน่ เมื่อก่อนแทบไม่เคยคิดเลยด้วยซ้ำ แค่ใช้เงินไปวันๆ สังสรรค์เฮฮากับเพื่อน เที่ยวเตร่ตามประสา แต่ตอนนี้ทุกสิ่งรอบกายเปลี่ยนแปลงไปหมด
เธอไม่ได้มีความสุขเหมือนอย่างที่แสดงออก ชีวิตยังไม่รู้ว่าจะทำอะไรต่อไปดี หญิงสาวสูดลมหายใจเข้าปอดแรงลึก สิ่งที่เธอต้องทำคือเรียนให้จบ
นั่นสินะ... เธอทิ้งการเรียนไม่สนใจมานานมากแล้ว
หลายปีผ่านไป...
“ทางนี้เพื่อน” ณัฐโบกไม้โบกมือให้ธัญญ์เพื่อนสนิทที่เพิ่งเดินทางกลับมาจากต่างประเทศ
“ขอบใจมากเพื่อนที่มารับ”
ธัญญ์เอ่ยขอบใจเพื่อนที่ยอมสละเวลามารับเขาถึงสนามบิน นี่เป็นระยะเวลาหลายปีที่เขาได้กลับมาประเทศไทยอีกครั้ง หลังจากงานแต่งงานของพี่ชายและเพื่อนรักก็ไม่ได้กลับมาอีกเลย
“ไม่เป็นไร นายจะทำให้คนที่บ้านเซอร์ไพรส์หรือไง ถึงไม่ยอมบอกว่ากลับมาแล้ว”
“ก็ใช่ กะว่าจะทำให้ทุกคนประหลาดใจเสียหน่อย”
ณัฐเดินทางไปเรียนต่อพร้อมกับธัญญ์ แต่เขาเรียนจบและเดินทางกลับมาก่อน เนื่องจากต้องกลับมาดูแลกิจการโรงแรมของบิดา เพราะท่านเสียชีวิตกะทันหัน
ส่วนธัญญ์นั้นขออยู่ต่างประเทศต่อ เหตุผลคือยังทำใจเรื่องพิณทิรา หญิงสาวที่กลายมาเป็นพี่สะใภ้ไม่ได้ และเพื่อทำงานเรียนรู้งานที่โน้นอีกระยะ
แต่ในที่สุดบุญคุณที่พยัคฆ์ส่งเสียเลี้ยงดูก็ทำให้ธัญญ์จำต้องกลับมา แม้เขาจะทำงานทำการแล้ว แต่ลุงที่มีพระคุณท่วมหัวยังส่งเงินไปให้เขาเสมอ แล้วเขาจะเนรคุณไม่ยอมกลับมาช่วยงานท่าน ดูจะเป็นการไม่สมควรเป็นอย่างยิ่ง
“กลับมาก็ดี คืนนี้ไปฉลองกันหน่อย นานๆ จะได้เจอกันสักที”
“ได้สิ ไม่ได้กลับเมืองไทยหลายปี รู้สึกคิดถึงบรรยากาศเก่าๆ” ธัญญ์เอ่ยยิ้มๆ
ธัญญ์เข้าพักที่โรงแรมของเพื่อนพร้อมกับการต้อนรับเป็นอย่างดี เขาลงมายังไนต์คลับด้านล่างตามคำชักชวนของณัฐในเวลาสามทุ่มเศษ
“กิจการโรงแรมของนายเป็นยังไงบ้าง” ธัญญ์เอ่ยถามขณะกวาดสายตามองรอบกาย เขาคิดว่าที่นี่ดึงดูดนักเที่ยวได้มาก อาหาร เครื่องดื่มพร้อมสรรพ บรรยากาศดี เพลงเพราะ แถมสาวๆ ยังบริการไม่ห่าง ณัฐหัวเราะเบาๆ ก่อนจะชนแก้วกับเพื่อน
“ก็ดี คืนนี้เอาสักกี่คนดี หรือจะแค่ชวนเธอไปเต้นรำด้วยก็ไม่ว่านะ”
“ไม่เอาดีกว่า นายบริการผู้หญิงให้แขกด้วยหรือไง”
ธัญญ์ปฏิเสธด้วยท่าทีเบื่อหน่าย แต่อดแปลกใจเสียไม่ได้
“ไม่ใช่ แค่จัดพิเศษให้นายเท่านั้น ยังตัดใจจากพิณทิราไม่ได้หรือไงวะเพื่อน ไหนๆ เค้าแต่งงานไปแล้ว แถมยังเป็นพี่สะใภ้ของนายอีก อย่าไปคิดมากเลย”
“พูดยากว่ะเพื่อน นายไม่เป็นฉันไม่รู้หรอก”
“เอาๆๆ ดื่มๆ ลืมเรื่องทุกข์ใจซะ แค่ผู้หญิงคนเดียว นายเพียบพร้อมขนาดนี้ ผู้หญิงแทบอยากกระโดดเข้าใส่นายแทบทั้งนั้น”
ณัฐส่ายหน้าไปมา
“แต่คนอยากให้กระโดดเข้าใส่ดันไม่ยอมกระโดดนี่สิ”
ธัญญ์ยักไหล่ไปมาอย่างเซ็งๆ เขาชนแก้วกับเพื่อนแก้วแล้วแก้วเล่าจนรู้สึกมึนๆ ความเมาเริ่มมาเยือนเมื่อแอลกอฮอล์แทรกซึมเข้าในกระแสเลือด
อีกด้านของไนท์คลับ...
“โอ๊ย! ยัยวิ ฉันล่ะปวดหัวกับหล่อนจริงๆ เลย เดี๋ยวคุณแม่ของหล่อนก็มาถลกหนังหัวฉันหรอก”
เชอร์รี่หรือชลันธร ชายใจหญิงหรือสาวประเภทสองร้องกรีด กร๊าดอย่างขัดใจเพื่อนนัก
“ปวดหัวก็ไปนอนสิ ยัยเชอร์รี่ แกนี่โง่จริง”
คนเมาหันมาจิ้มหน้าผากเพื่อนตาปรือ
“นี่หล่อน เป็นเสียแบบนี้สิถึงไม่มีใครคบ เมื่อก่อนว่าพอมีบ้าง ตอนนี้ไม่มีเลย”
ชลันธรจิกกัดอีกฝ่าย แต่ตัวเองเลิกคบเพื่อนคนนี้ไม่ได้ แม้ วิธาดาจะดูร้ายกาจแต่จริงๆ มีหลายอย่างน่าสงสารใน เพราะมารดาเลี้ยงอย่างตามใจ ทำให้เธอเอาแต่ใจตัวเองตลอดเวลา เธอมีความอ่อนแอที่ซุกซ่อนเอาไว้ไม่ให้ใครเห็น มีเรื่องก็มาระบายให้ฟังอยู่เสมอ จนคิดว่าตัวเองเหมือนคนในครอบครัวเพื่อนรักคนหนึ่ง
“เลิกบ่นสักทีได้ไหม ยัยกระเชอก้นรั่ว ฉันเลี้ยงแก ฉันเป็นเจ้ามือ แกกินอย่างเดียว อย่ามาบ่น”
“ต๊ายตาย... อกอีแป้นจะแตก ปากเหรอนั่นที่พูด ฉันไม่ได้ขอให้หล่อนเลี้ยงเสียหน่อย เงินฉันน่ะมีเป็นกระบุงใช้ทั้งชาติยังไม่หมด ขึ้นห้องได้แล้ว เมาจะแย่อยู่แล้ว แล้วนี่จะนอนโรงแรมอีกกี่คืน บ้านช่องไม่รู้จักกลับ คนที่บ้านหล่อนจะเป็นห่วงแค่ไหนนี่”
ชลันธรกุมขมับอย่างเหนื่อยหน่ายใจ แค่ไม่อยากอยู่บ้านก็หนีมานอนโรงแรม แล้วเป็นเวรเป็นกรรมอะไรนี่ ที่ต้องมาเป็นเพื่อนยัยขี้เมาคนนี้ วันนี้อดกินผู้ชายเป็นอาหารเลย แต่ถ้าไม่มา รับรองยัยเพื่อนขี้เมาได้โดนลากไปงาบ เพราะมีพวกอยากงาบวิธาดาอยู่มาก ด้วยความที่หญิงสาวเป็นคนสวย แม้ภายนอกจะดูเป็นสาวเปรี้ยวขี้วีนแต่ก็ไม่เคยปล่อยตัวให้ใครจนถึงขั้นพาขึ้นเตียง
“หนาย... แตกแล้วเหรอ เฮือก”
วิธาดาหันไปบีบหน้าอกเพื่อนรักเต็มเหนี่ยว
“ยัยชะนีบ้า มาบีบหน้าอกฉันทำไมย่ะหล่อน เดี๋ยวก็เหลวหมดหรอก ฉันเพิ่งไปเสริมมานะย่ะ ต๊าย... อยากจะตายสักสิบรอบ ถ้าไม่คิดว่าหล่อนเป็นเพื่อน ฉันจะตบหล่อนให้คว่ำเลย ให้ตายเถอะ ยัยชะนีหน้าขาว ยัยขี้เมา ยัยบ้า”
ชลันธรบ่นไม่หยุดปากฮึดฮัดขัดใจเพื่อนเหลือคณา ใบหน้าแดงก่ำด้วยความโมโหเป็นอย่างยิ่ง
วิธาดาตาปรือส่ายหน้าไปมาหัวเราะเหมือนคนบ้าเพราะเมาหนัก
“ฮ่าๆๆ ฮิฮิ ยัยกระเชอก้นรั่ว บ่นเหมือนยายแก่เลย น่านงาย... หน้าถึงหะ... เหี่ยวแบบนี้ เฮือก” คนเมาเริ่มอาละวาดหนัก ชี้นิ้วมั่วไปหมด
“ไป! ขึ้นไปนอนได้แล้ว ดึกแล้ว โอ๊ย ให้ผู้ชายลากไปขืนใจซะดีไหมนี่ มันน่านักนังชะนีขี้เมา”
ชลันธรบ่นไม่หยุดปาก รีบจ่ายเงินลากเพื่อนสาวขึ้นห้องทันที
เสียงบ่นของชลันธรได้ยินไปตลอดทาง ไม่ว่าจะเข้าลิฟต์หรือออกลิฟต์ ก่อนจะถึงหน้าห้องพักของโรงแรมหรู
“โอ๊ย! โทรศัพท์หล่นตรงไหนนี่ ซวยจริง คีย์การ์ดก็หาย ให้มันได้แบบนี้สิ อยากจะตายสักร้อยรอบ แล้วฉันจะทำยังไงกับหล่อนดีนี่นังชะนีขี้เมา”
ชลันธรกรี๊ดกราดอย่างขัดใจเมื่อโทรศัพท์หรูราคาแพงหายไปจากกระเป๋า ระหว่างทางที่พยุงเพื่อนเข้าห้อง ตบท้ายด้วยคีย์การ์ดไม่รู้ว่าไปวางลืมไว้ตรงไหน มัวแต่ห้ามคนเมาที่ขาดสติ ไม่สนใจอะไรเอาเสียเลยว่าคนอื่นจะเดือดร้อนขนาดไหน
“กรี๊ดด!!! ยัยเพื่อนบ้า มาอ้วกใส่ฉันทำไมนี่”
ชลันธรปล่อยร่างเพื่อนสาวรูดลงไปกองกับพื้นตรงระหว่างทางเดินที่จะถึงห้อง
“อุ๊บ ... แหวะ” วิธาดาอาเจียนจนหมดสภาพ
“ยัยวิ ชีอ้วกเต็มเลย โอ๊ย... อยากจะบ้าตาย นั่งรอตรงนี้ไปก่อนนะ เดี๋ยวฉันมา โอ๊ยๆๆๆ วันนี้มันเป็นวันอะไรนี่”