หลายสัปดาห์มานี้ตารางบินของลักษณ์นาราแน่นเอี๊ยดยิ่งกว่าปลากระป๋อง เพราะผู้บริหารต้องเดินทางเจรจาธุรกิจเกือบทุกวันและใช้เวลานาน กว่าจะได้เดินทางกลับสนามบินดอนเมืองก็ดึกดื่นพอสมควร พลพยัคฆ์ยังทำหน้าที่สารถีให้ลักษณ์นาราอย่างเต็มใจ
และแล้ววันนี้ก็มาถึงพลพยัคฆ์กำลังนั่งรอเธอที่ห้องรับรองผู้โดยสารวีไอพี
“เหนื่อยมั้ย ไปหาอะไรทานกันดีกว่า” ฝ่ายชายชิงเสนอความเห็น อาสาช่วยถือกระเป๋าแล้วเดินนำหน้าไปลานจอดรถ
รถปอร์เช่ทรงสปอร์ตแบบสองที่นั่งสีแดงเป็นเงาวับ เลขทะเบียนประมูลเคลื่อนออกจากต้นทางมุ่งหน้าสู่ย่านธุรกิจใจกลางเมือง
AP’s Cuisine คือปลายทางที่กำลังรออยู่ คืนนี้ต้องเป็นคืนที่พิเศษของเขาและเธอ
ชายหนุ่มจอดรถคันงามหน้าร้านที่มีแขวนป้ายแจ้งชัดเจนว่า Closed ประตูม้วนสแตนเลสสีเงินปิดจนมองไม่เห็นภายในร้าน
“ร้านปิดแล้วไม่ใช่เหรอคะ” ลักษณ์นาราถามขึ้นตามที่เห็น
“ใช่ปิดแล้ว ปิดแล้วสำหรับลูกค้าคนอื่น ยกเว้นเรา” พนักงานคนเดิมที่สวมบทบาทพีพี ยืนคอยอยู่หน้าประตูส่งกุญแจพวงใหญ่ให้เจ้านาย แล้วขอลากลับทันที พลพยัคฆ์กดปุ่มเปิดบานเลื่อนทั้งหมดนั้นขึ้น แล้วไขกุญแจเปิดประตูค้างไว้ ผายมือเชิญให้หญิงสาวเดินเข้าก่อน
ภายในยังสว่างไสว โต๊ะเก้าอี้ถูกจัดเรียงเหมือนปกติ เพียงแต่ไม่มีลูกค้าและพนักงานเดินไปมาเหมือนเวลาทำการปกติ บรรยากาศเหมือนเตรียมเพื่อโอกาสพิเศษ
“และแล้วร้านนี้เป็นของเรา”
ชายหนุ่มมัดผ้ากันเปื้อนกับเอว หยิบจับวัตถุดิบต่าง ๆ จากตู้แช่อย่างคล่องแคล่ว เขาโชว์ลีลากรีด ชิ้นปลาแซลมอนด้วยปลายมีดคมกริบให้ออกมาได้รูปทรง เปิดเตาวางกระทะแล้วใส่โน้นนี้ลงตั้งไฟ อย่างรวดเร็ว ทุกขั้นตอนเกิดขึ้นอย่างพิถีพิถันใส่ใจในรายละเอียด พลพยัคฆ์ปาดซอสสีสันต่าง ๆ ลงบนจานกระเบื้องเคลือบสีขาวด้วยช้อนจนเป็นลวดลายแต่งด้วยผักสดที่ถูกย่างอย่างน่าทานไว้ข้างเคียง
ใครบางคนนั่งท้าวคางสังเกตการณ์อยู่ไม่ใกล้ไม่ไกล แผ่นหลังหนาแน่น บ่ากว้างน่าซบ สีหน้าที่ดูจริงจัง ก้ม ๆ เงย ๆ เพ่งตรวจดูความเรียบร้อยตรงหน้า ทุกอย่างลงตัวเสมือนชิ้นงานศิลปะขนาดย่อม
รอยยิ้มจาง ๆ ปรากฏขึ้นบนมุมปากของหญิงสาว เมื่ออาหารจานพิเศษนั้นอยู่เบื้องหน้าด้วยกลิ่น หอมละมุนจากเครื่องปรุงและแซลมอนร้อน ๆ ชวนรับประทาน พลพยัคฆ์จัดการรินไวท์ใส่แก้วและชนพอเป็นพิธี
เชียส์
ใบหน้าของลักษณ์นาราบอกเล่าเรื่องราวทุกอย่างได้ก่อนคำพูดเสียอีก คำแรกที่ตักเข้าปากเธอสัมผัสได้ถึง รสชาติอันกลมกล่อมของแซลมอนและซอสสูตรพิเศษที่เข้ากันดี
อาหารอร่อยเช่นนี้ไม่ต้องไปเสียเงินให้หมอทำเสน่ห์เลย
“อร่อยจัง คุณอเล็กซ์เรียนมาเหรอคะ” หลงแล้ว...หลงเสน่ห์ปลายจวักผู้ชายคนนี้
“เรียกอเล็กซ์เถอะ”
“อเล็กซ์เรียนมาจากที่ไหนหรอ”
“เรียนกับป๊าไง ป๊าเคยเป็นหัวหน้าเชฟโรงแรมมาก่อน โรงแรมของป้าลีน่านั่นแหละ ตอนเจอกับมาม้า” ตั้งแต่จำความได้เขาเห็นพ่อสาระวนจัดการอะไร ๆ ในครัวกลายเป็นภาพชินตา เมนูพิเศษเสิร์ฟในร้านอาหารไฮโซหรือโรงแรมห้าดาวไม่มีอะไรที่เอื้อมพัฒน์ทำให้รับประทานไม่ได้ จนเขาและน้องสาวเกือบกลายเป็นคนกินยากเพราะรสชาติอาหารที่ไหนก็ไม่อร่อยถูกปากเท่าจานที่พ่อทำ
“เป็นผู้ใหญ่แล้วก็ต้องดูแลตัวเอง ถ้าดูแลตัวเองได้ก็ดูแลคนอื่นได้...”
ชายหนุ่มเกริ่นนำอย่างมีเจตนา พลางช้อนดวงตาที่ทอประกายความหวังไปยังคนเบื้องหน้า
“ผู้หญิงคนแรกและคนเดียวที่ป๊าทำอาหารให้ทานคือมาม้า เพราะมาม้าคือคนพิเศษแล้ว อเล็กซ์เห็นด้วยกับป๊าทุกอย่าง”
ความอุ่นร้อนและเลือดฝาดแผ่กระจายบนหน้าสวย ทันทีที่พลพยัคฆ์ขยับร่างให้ประชิดเธอมากขึ้น
“คุณเอื้อมเป็นคนโรแมนติก...นะคะ....อุ๊ย” ลักษณ์นาราพูดตะกุกตะกักทำอะไรไม่ถูกเมื่ออีกฝ่ายคว้าเรียวมือไว้แน่น
“อเล็กซ์ตั้งใจอยากทำอาหารอร่อยให้คนพิเศษทานมานานแล้ว”
ทำไมหัวใจถึงเต้นแรงเพียงนี้ คำพูดธรรมดาแฝงความหมายพิเศษ
“นาร่าอยากจะกินอเล็กซ์มั้ย!”
“กิน! อเล็กซ์!” หญิงสาวขมวดคิ้วทวนคำถามแปลก ๆ บังเอิญพูดผิดหรือคิดจะเล่นมุข
“หมายถึงจะทำอาหารอร่อย ๆ ให้นาร่าทานหลังจากนี้ ตกลงมั้ย!”
ผู้ชายคนนี้มีปัญหากับการสื่อสารแน่ ๆ พูดได้หลายภาษาจนมึนตึ๊บเป็นระยะ พูดจาอ้อมโลกอ้อมกาแลคซี่แล้วยังต้องมาตีความหมายอีก คบกันแล้วจะคุยกันรู้เรื่องหรือเปล่า
เขาและเธอต้องเริ่มเรียนเพิ่มอีกภาษาแล้วสิ.....ภาษารัก
พลพยัคฆ์ออกแรงบีบมือฝ่ายหญิงไว้แน่น ย่นคิ้วน้อย ๆ อย่างจริงจัง นาทีลุ้นระทึกดั่งประกาศรางวัลออสก้าก็ไม่ปาน ลงทุนขนาดนี้...ถ้ายังไม่ตกลงคงต้องจับปล้ำ ให้นอนร้องไห้กระซิก ๆ ซะ
คนจะโดน ไม่สิ! คนโดนขอเป็นแฟนทั้งงงงันทั้งเขินอายจนเนื้อเต้น เธอเม้มเรียวปากแน่น หน้าแดงกว่าเมื่อครู่ มืออีกข้างทำอะไรไม่ถูกได้แต่ขย้ำผ้ากันเปื้อนบนตักแก้เก้อไปพลาง
ผู้ชายอะไร๊ เว่อวังอลังการ น่ารักน่าหยิกเพียงนี้!
“ตะ...ตะ...ตก...ลง...ค่ะ”
สเตตัสระหว่างกันถูกเปลี่ยนอย่างเป็นทางการแล้ว
พลพยัคฆ์คลี่ยิ้มยินดีดั่งผู้กำชัยชนะ พลันกดจูบหลังมือนุ่มของแฟนสาวที่ยังคงอายม้วนจนเกือบจะมุดใต้โต๊ะ แล้วเขายีศีรษะเธอเบา ๆ
“เดี๋ยวจะทำเมนูปลาให้กินนะ จะได้ฉลาดไม่อ้วนด้วย”
“จะบอกว่านาร่าทั้งอ้วนทั้งโง่ใช่มั้ยคะ”
“นั่นไง! ฉลาดขึ้นแล้ว อีกหน่อยเบ๊บจะฉลาดเหมือนอเล็กซ์นะ”
เบ๊บ Babe หรือเบบี๋นั่นเอง
“จะดีหรอ ฉลาดเหมือนตัวเองน่ะ ฉลาดแกมโกงล่ะสิ”
ทั้งคู่ยังคงใช้เวลานั่งเลยพูดคุยกันต่อจนเกือบตีหนึ่ง
“อเล็กซ์พูดได้ทั้งจีนกลางทั้งจีนฮ่องกงเลยหรอ เก่งจัง”
“มันแน่อยู่แล้วล่ะ คืออเล็กซ์มีญาติเป็นคนฮ่องกงด้วย ก็เลยพูดได้บ้าง เอาไว้แกล้งเบ๊บไง”
“ไอ้ขี้แกล้ง งั้นถามหน่อยสิ คำว่า เก๋าเจ้ง! มันแปลว่าอะไร”
มันเป็นคำไม่สุภาพอย่างยิ่ง อาจได้นอนหยอดน้ำข้าวต้มเลยทีเดียว
“มันคือคำชมนะ ประมาณว่าสุดยอด เจ๋งโคตร เอาไว้พูดกับคนที่เราชื่นชมไง!” ยังไม่เลิกอำอีก
“งั้นเหรอ นาร่าคงเข้าใจความหมายผิดไปเอง” ลักษณ์นาราบุ้ยปาก รับมุก
ก่อนนอนคืนนั้น แฟนหนุ่มจอมทะเล้นไม่ลืมส่งข้อความหยอดออดอ้อนหญิงสาว
ALEX P. ไม่มีแว่นทำให้โลกเบลอ ไม่มีเธอทำให้โลกพัง ฝันดีนะเบ๊บ จุ๊บๆ
NAMWHANZZ กู๊ดไนท์ ฝันดีค่ะ อเล็กซ์เก๋าเจ้ง!
ถึงคราวพลพยัคฆ์ตกเป็นฝ่ายอ้ำอึ้งบ้าง เขาเบิกตาโต ฉีกยิ้มเจื่อนแล้วหัวเราะในลำคอหึหึ คืนนี้หลับสนิทนอนสบายแน่นอน หาเรื่องให้ตัวเองเป็นหมาซะงั้น
เวรกรรมติดจรวดจริง ๆ แกล้งนั้น...คือสนอง!
‘แปลได้ว่า...ฝันดีนะ ไอ้ชาติหมาอเล็กซ์!’