ฉันมาหาแพรเพื่อนสนิทที่ร้านคอฟฟี่ ซึ่งเป็นร้านของเธอเอง แพรเป็นเพื่อนฉันตอนที่เรียนมหาวิทยาลัยและเราสนิทกันมากจนถึงตอนนี้ แพรเธอเป็นลูกเศรษฐีนะแต่ชอบใช้ชีวิตแบบเรียบง่ายมากกว่า
“ลมอะไรหอบแกมาถึงที่นี่ ไม่ทำงานหรือไง” แพรเดินมาหาฉันที่นั่งรออยู่พร้อมกับเอาเค้กช็อกโกแลตที่ฉันชอบมาให้
“ฉันลาออกแล้ว”
“ห๊ะ! แกลาออก ทำไมเป็นงั้นล่ะออกทำไม ไหนแกบอกว่างานดีเงินดี” แพรตกใจมากที่ได้ยินฉันบอกแบบนั้น
“ฉันอยากกลับไปทำงานใกล้บ้านมากกว่าน่ะ”
“แกไม่ได้มีปัญหาอะไรกับคนในบริษัทใช่ไหมอลิช”
“จะบ้าหรือไง! อย่างฉันจะไปกล้ามีปัญหากับใครได้”
“วันก่อนแกโทรมาถามฉันเรื่องที่เปิดบริสุทธิ์จะรู้สึกยังไง นี่อย่าบอกนะว่าแก….” แพรยกมือขึ้นมาปิดปากแล้วมองหน้าฉันตาค้าง
“บะ บ้าหรือไง หยุดความคิดบ้าๆ ของแกเดี๋ยวนี้เลยนะ”
พอฉันบอกแบบนั้นแพรก็ยื่นหน้าเข้ามาใกล้ๆ แล้วมองฉันด้วยสายตาจับผิด
“ดูเหมือนกับว่าแกกำลังมีอะไรที่ปิดบังฉันอยู่นะอลิช”
เฮือก!! ว่าแล้วไงถ้าอยู่ต่อหน้าฉันต้องพลาดท่าทำตัวมีพิรุธให้แพรจับได้แน่ๆ
“แกเถอะทำไมถึงรู้ว่าเปิดบริสุทธิ์เป็นยังไง แกเคยแล้วใช่ไหม” ฉันถามกลับเพราะกลัวจะถูกจับพิรุธได้ และมันก็ได้ผล แพรเธอผละหน้าออกไปแล้วส่ายหน้ารัวๆ
“ฉันจะไปเคยกับใครแฟนสักคนยังไม่มี กูเกิ้ลก็มีคำตอบพวกนี้ แกนี่บื้อจริงๆ”
“จริงหรอ ?”
“ก็จริงน่ะสิ”
ถ้าฉันรู้ว่าในกูเกิ้ลมีคำตอบคงไม่โทรถามแพรแน่ๆ ฉันนี่บื้ออย่างที่แพรว่าจริงๆ
มาถึงที่ห้องฉันก็ไปเคาะห้องบอกอลันว่าจะกลับบ้าน และด้วยความที่น้องชายของฉันเป็นคนเงียบๆ จึงแค่พยักหน้าตอบแล้วก็ปิดประตู
ให้มันได้แบบนี้สิ! ใจคอจะไม่มาช่วยฉันเก็บของหน่อยหรือไง
ฉันกลับมาที่ห้องตัวเองเพื่อมาเก็บของ พวกเสื้อผ้าของใช้ที่จำเป็น ฉันไม่ได้เอากลับหมดหรอกนะ ขืนเอากลับหมดคงไม่พอใส่รถแน่ๆ เอาไว้ให้อลันเอากลับก็แล้วกัน
อีกอย่างฉันคงจะได้กลับมาที่กรุงเทพอีกแต่คงพักใหญ่ ขอกลับไปทำใจที่บ้านก่อนบางครั้งฉันอาจจะกลับมาหางานทำที่กรุงเทพ อาจจะอีกหนึ่งปีหรือสามสี่ห้าปีข้างหน้า
ห้องนี้พ่อฉันซื้อให้แล้วเป็นแบบคอนโด มันก็ไม่ใช่ห้องใหญ่อะไรหรอก ราคาก็พอที่จ่ายไหว เพราะที่บ้านฉันก็ไม่ได้มีฐานะถึงกับร่ำรวยจนเงินเหลือใช้ขนาดนั้น
ใช้เวลาเดินทางจากกรุงเทพกลับมาที่บ้านประมาณเจ็ดชั่วโมงได้ ที่หน้าบ้านของฉันจะมีป้ายใหญ่ๆ เขียนไว้ว่าบ้านกำนันเพิ่ม ใช่ค่ะพ่อฉันเป็นกำนัน แถมยังโหดมากๆ ส่วนแม่เสียไปตั้งแต่ฉันอายุได้สิบเอ็ดปีแล้วแหละ จนถึงทุกวันนี้ฉันก็ยังคิดถึงแม่ อยากให้แม่อยู่กับฉันในทุกช่วงเวลาของชีวิต อยากให้แม่เห็นความสำเร็จของฉัน…
“พ่อจ๋า ^_^” ฉันเดินเข้าไปกอดพ่อที่นั่งดูทีวีอยู่
“จะให้คนงานที่บ้านไปรับก็ไม่ยอม พ่อบอกแล้วใช่ไหมว่าไม่ชอบให้ลูกขับรถไกลๆ แบบนั้น”
“แต่อลิชก็ขับมาถึงบ้านอย่างปลอดภัยนี่คะ ^_^”
“แล้วอลันเป็นไงบ้าง ออกนอกลู่นอกทางหรือเปล่า”
“ไม่หรอกค่ะ ก็เก็บตัวอยู่ในห้องเหมือนเคย” อย่างที่ฉันบอกว่าเป็นปกติของอลันอยู่แล้วที่ไม่ชอบสุงสิงกับใครแม้กระทั่งคนในครอบครัว
“พรุ่งนี้อลิชว่าจะไปสมัคงานนะคะ ไม่อยากพักที่บ้านหลายวันกลัวจะกลายเป็นคนขี้เกียจ ^_^”
“พ่อบอกแล้วไงว่าให้มาช่วยงานของพ่อ หรือไม่เดี๋ยวพ่อจะฝากงานที่อำเภอให้จะไปสมัคให้ลำบากทำไม”
ฉันส่ายหน้ารัวๆ “อลิชไม่อยากเป็นเด็กเส้น ขออลิชฝช้ความสามารถตัวเองดีกว่าค่ะ ^_^”
“ตามใจลูกแล้วกัน ว่าแต่อยากจะกินอะไรเดี๋ยวพ่อทำให้กิน”
“อยากกินทุกอย่างที่พ่อทำเลยค่ะ ^_^” ฉันบอกพร้อมกับฉีกยิ้มกว้าง อาหารฝีมือพ่ออร่อยที่สุดแล้ว
“ไปอาบน้ำอาบท่าก่อนแล้วกัน เดี๋ยวพ่อจะเข้าครัว”
“ค่ะ ^_^”
ฉันหอมแก้มพ่อฟอดใหญ่อีกครั้ง ก่อนจะลุกขึ้นเดินแยกมาที่ห้องนอนของตัวเอง
ความรู้สึกในตอนนี้ของฉันคืออยากจะลืมเรื่องราวทั้งหมดที่เกิดขึ้นในวันนั้น ถึงฉันจะจำไม่ได้ว่ามันเกิดอะไรขึ้น แต่ฉันก็ยังจำภาพที่ตื่นมาแล้วเห็นว่าตัวเองนอนเปลือยกายอยู่แบบนั้น
ฉันอยากจะลบมันออกไปให้หมด…
หนึ่งเดือนผ่านไป ชีวิตของฉันดำเนินไปเรื่อยๆ หลังจากไปสมัคงานก็ได้งานที่บริษัทแห่งหนึ่งซึ่งก็อยู่ไม่ไกลจากบ้าน เป็นบริษัทเล็กๆ ไม่ใหญ่มาก แถมเจ้าของบริษัทก็ยังใจดีกับฉันเอามากๆ
“ก๋วยเตี๋ยวร้อนๆ มาแล้วครับผม ^_^” พี่เอ็มเจ้าของบริษัทที่ฉันทำงานอยู่เดินเอาก๋วยเตี๋ยวมาเสริฟ พี่เอ็มเป็นหัวหน้าที่เป็นกันเองมากๆ เขามักจะชวนฉันออกมากินข้าวเที่ยงด้วยกันประจำ
“ขอบคุณนะคะ ^_^”
“ยินดีครับ” พูดจบพี่เอ็มก็นั่งลงแล้วหยิบเครื่องปรุงมาตรงหน้าฉัน “อลิชปรุงก่อนสิเดี๋ยวพี่ปรุงทีหลัง”
“ค่ะ ^_^”
ฉันตักน้ำซุปก๋วยเตี๋ยวขึ้นมาชิม แต่ยังไม่ทันที่ช้อนจะเข้าปากกลิ่นของน้ำซุปมันก็ตีขึ้นจะจมูก มันรู้สึกว่าเหม็นจนอยากจะอ้วก
“ทะ ทำไมถึงเหม็นแบบนี้ล่ะคะ” ฉันวางช้อนลงแล้วยกมือขึ้นมาปิดปากตัวเอง
“ไม่เหม็นนะอลิช เขาเพิ่งทำให้เมื่อกี้เลยนะยังร้อนอยู่เลย”
“อะ อลิชเหม็นจริงๆ นะคะ อึก อ้วก” ฉันรีบลุกขึ้นรีบวิ่งมาหาที่อ้วก