ท่ารถโดยสารประจำทาง สายพิษณุโลก-ลำปาง
หญิงสาวก้าวอย่างมั่นใจไปที่ห้องขายตั๋วผู้โดยสาร เมื่อได้ตั๋วแล้วกำลังจะเดินไปขึ้นรถโดยสารปรับอากาศไปยังจังหวัดลำปาง ก็พบว่ามีผู้คนที่ต่างพากันซื้อตั๋วแล้วทยอยขึ้นรถทัวร์ไปหาที่นั่งตามตั๋วของตัวเองทีละคน หญิงสาวจึงเดินไปต่อแถวเป็นคนสุดท้าย
รูปร่างอ้อนแอ้น ผิวพรรณนวลเนียน ราวกับคุณหนูที่ผิวกายไม่เคยกระทบแสงแดด ทั้งที่จริงแล้วศศิกาญจน์ทำงานทุกอย่างในสวนผัก แต่มักจะแต่งกายมิดชิดเพื่อถนอมผิวพรรณ ดวงหน้าสวยหวาน และรูปร่างสมส่วน ดึงสายตาให้ผู้โดยสารที่นั่งประจำอยู่ก่อนแล้วต่างพากันมองมาที่เธอ
ร่างสวยที่รู้ตัวว่ากำลังตกเป็นเป้าสายตา พร้อมกระเป๋าเป้สะพายหลัง ค่อยๆ ลากรองเท้าคัชชูสีดำส้นเตี้ยเบี่ยงตัวหลบผู้โดยสารท่านอื่นที่กำลังยกกระเป๋าขึ้นไปไว้ในช่องเก็บสัมภาระบนศีรษะ ในมือมีตั๋วโดยสารระบุหมายเลขสิบเอ็ด ขณะเดียวกันสายตาก็สอดส่องมองตามพนักพิงเพื่อหาที่นั่งของตัวเอง
ศศิกาญจน์เดินมาหยุดลังเลตรงที่นั่งเบอร์สิบสอง ซึ่งมองเห็นว่าที่นั่งด้านในติดริมหน้าต่างนั้นเป็นที่นั่งเบอร์สิบเอ็ดของเธอ แต่ทว่าไม่อาจเข้าไปได้ เพราะตรงหน้ามีชายผิวขาวละเอียด ผิวพรรณเหมือนผู้ลากมากดี โครงหน้าหล่อเหลาใส่แว่นกันแดดสีดำสนิทแบรนด์ดัง แล้วดูเหมือนว่ามันจะเป็นของแท้ไม่ใช่สินค้าก็อปเกรดเอ นั่งกอดอกท่าทางสงบนิ่งคล้ายกำลังหลับระหว่างรอรถโดยสารออกเดินทาง
“ขอโทษนะคะ ขอทาง ให้ฉันเข้าไปด้านในหน่อยได้ไหมคะ”
เสียงหวานเอ่ยขึ้นอย่างไม่เบาและไม่ดังเกินไป แต่ร่างสูงหล่อเหลา ขาวเหมือนโอปป้าเกาหลีก็ยังไม่ขยับเขยื้อน นิ้วเรียวเล็กจึงสะกิดหัวไหล่ตั้งตรงเบาๆ
“คุณคะ”
น้ำเสียงสดใสอ่อนหวานปลุกคนที่กำลังพักสายตาให้รู้สึกตัว ชายหนุ่มถอดแว่นกันแดดออกมาเหน็บไว้ที่คอเสื้อ เผยให้เห็นใบหน้าหล่อขาวใสสไตล์เกาหลี จะว่าไป เขาดูดียิ่งกว่านักร้องเกาหลีชื่อดังหลายๆ คนด้วยซ้ำไป สายตาคมปลาบเหลือบไปมองใบหน้าสวยที่เปื้อนยิ้มหวานน้อยๆ อย่างมีมารยาท
“เอ่อ...ขอโทษครับ” เขาผุดลุกขึ้น เบี่ยงลำตัวหนาหลบทางให้หญิงสาวเข้าไปนั่งด้านใน
‘ภาษิต’ ตะลึงไปชั่วขณะตอนที่สายตาประสานกับดวงหน้าหวาน เขามาจากกรุงเทพฯ สาวสวยผ่านตามาไม่รู้เท่าไหร่ แต่ส่วนมากเป็น ‘สวยสั่งได้’ ที่มองผ่านๆ แต่เชื่อได้ว่าสาวตรงหน้า สวยมาแต่กำเนิด ไม่ได้ผ่านมีดหมอศัลยกรรม
“เอ่อ ผมขอโทษด้วยครับ”
“ไม่เป็นไรค่ะ ฉันก็ต้องขอโทษด้วยนะคะที่ปลุกคุณ” พูดพลางมือเรียวก็ปลดกระเป๋าเป้ออกจากหลังลงมาวางตรงหน้าขาของเธอ
“ไม่เป็นไรครับ ผมแค่จะพักสายตาเท่านั้นเอง แต่เผลอวูบหลับไป เอ่อ...กระเป๋าเอาไว้ด้านบนไหมครับ เดี๋ยวผมเก็บให้” ชายหนุ่มพูดด้วยน้ำเสียงสุภาพ แล้วลุกขึ้นมาจะช่วยเหลือ
คนที่ร่างกายอ้อนแอ้น แต่ไม่เคยทำตัวอ่อนแอส่ายหน้า “ไม่เป็นไรค่ะ ในกระเป๋าไม่มีอะไรหนัก เอาไว้ข้างล่างนี่ก็ได้” หญิงสาวยิ้มตอบขณะที่เลื่อนกระเป๋าเป้บนหน้าขาลงไปด้านล่างตรงปลายเท้าเธอ
“อ๋อ ครับ ผมภาษิตนะครับ ยินดีที่ได้ร่วมทางกับ คุณ…?”
หญิงสาวยิ้มตอบรับด้วยท่าทางเป็นมิตร “ฉัน ศศิกาญจน์ค่ะ เรียกสั้นๆ ว่าซอก็ได้ค่ะ”
“คุณซอจะไปลำปาง ไม่ทราบว่าไปทำธุระ หรือว่าไปเที่ยวครับ” ชีวิตนักท่องเที่ยวแบ็กแพ็ก มันดีแบบนี้เอง นี่เป็นครั้งที่สองที่ภาษิตอยากลองเดินทางไปเรื่อยๆ โดยไม่ใช้รถยนต์ส่วนตัว เขาอยากสัมผัสถึงวิถีชาวบ้าน และเลือกจะเดินทางตามลำพัง
“ฉันไปสัมภาษณ์งานค่ะ แล้วคุณล่ะคะ” ศศิกาญจน์เป็นคนอัธยาศัยดี หากไม่ใช่พวกผู้ชายที่จ้องจะหาเศษหาเลย เธอก็พร้อมจะพูดคุยด้วยอย่างเป็นมิตร
“ผมมาพักผ่อนครับ กะว่าจะแวะเที่ยวในตัวเมืองลำปางก่อนแล้วค่อยไปหาเพื่อนที่รีสอร์ตครับ” เขาไม่ได้บอกว่ามีเพื่อนเป็นเจ้าของรีสอร์ตชื่อดังอันดับต้นๆ ของภาคเหนือ ส่วนนามสกุลของคนที่เขาจะไปหาก็เรียกได้ว่าดังคับจังหวัด
“ดีจังเลยนะคะ ขอให้เที่ยวให้สนุกนะคะ”
“ขอบคุณครับ คุณซอก็เช่นครับ ขอให้สมหวังในการสัมภาษณ์งานนะครับ”
“ขอบคุณมากค่ะ”
หญิงสาวกล่าวขอบคุณด้วยใบหน้าแย้มยิ้มสดใสราวกับดอกไม้ต้องแสงตะวันในยามเช้า ทำเอาหนุ่มหล่อที่นั่งข้างๆ ใจละลาย เผลอจับจ้องรอยยิ้มนั้นไม่วางตา นึกอยากจะหยิบกล้องขึ้นมาเก็บภาพรอยยิ้มบริสุทธิ์จริงใจที่หาดูได้ยาก ทว่า มันคงเป็นการเสียมารยาทอย่างแรงสำหรับคนที่เพิ่งพบกันครั้งแรก
ทันใดนั้น เสียงโทรศัพท์ของศศิกาญจน์ก็ดังขึ้น หมายเลขโทรศัพท์ที่ปรากฏบนหน้าจอมือถือทำให้ดวงตากลมโตยิ่งเบิกกว้างด้วยความตื่นตระหนก
“พี่กร!” คิ้วเรียวด้านขวากระตุกถี่ๆ ขึ้นมาทันที
‘ลางร้ายมาเยือน’
ศศิกาญจน์ลังเลที่จะรับสาย แต่ด้วยความเกรงใจว่าเสียงโทรศัพท์จะรบกวนผู้โดยสารคนอื่น รวมถึงผู้ชายหล่อเหลาเหมือนโอปป้าเกาหลีที่กำลังมองเธออยู่ จึงจำยอมรับสายพี่เลี้ยงหนุ่มที่โทร.เข้ามา ขณะเดียวกัน หางตาของเธอก็เหลือบไปเห็นกรวิชญ์กำลังเดินตามหาเธออยู่ เขาสอดส่ายสายตาไปทั่ว
เธอรีบหลบหน้าหันมา แล้วมันเป็นจังหวะที่ดูเหมือนว่าเธอกำลังก้มไปซบอกเพื่อนร่วมทางที่เพิ่งรู้จักกันเมื่อครู่ กลิ่นหอมอ่อนๆ และแก้มนุ่มนิ่มที่สัมผัสอกแกร่งทำเอาภาษิตนั่งอึ้งตัวเกร็ง แต่ก็ไม่ได้พูดอะไรออกมา
“คุณอย่าขยับนะคะ”
ภาษิตไม่คิดจะขยับหนี เขายินดีให้หญิงสาวแนบศีรษะลงมาซบอกด้วยซ้ำ แต่ไม่เข้าใจเหมือนกัน เธอทำเหมือนกำลังหลบอะไรอย่างนั้นละ
ศศิกาญจน์กรอกเสียงลงไปเบาที่สุด “ค่ะ พี่มีอะไรคะ?”
ขณะที่ใบหน้าสวยยังคงซุกอยู่ตรงอกของภาษิต ที่เวลานี้ ชายหนุ่มแข็งเกร็งไปทั้งตัว เขาผ่านผู้หญิงมามากมาย ไม่เข้าใจเลยว่า แค่สาวสวยที่พบกันเพียงครั้งแรกก้มหน้าหลบอะไรบางอย่างโดยใช้แผ่นอกของเขาเป็นเกราะกำบัง ทำไมหัวใจของเขามันถึงเต้นโครมครามแทบไม่เป็นจังหวะ
ส่วนคนที่โทร.มากรอกเสียงเกรี้ยวกราด เมื่อรู้ว่าน้องเลี้ยงโกหก เขามีคนรู้จักอยู่ที่ไร่กำนันผ่อง บิดาของ ‘แป๋ว หรือ ปรารถนา’ เพื่อนสนิทของน้องเลี้ยงจึงโทร.ไปเช็กที่ไร่ คนทางนั้นบอกว่า ปรารถนาไปกระบี่ จะกลับอาทิตย์หน้า