บำเรอที่ 7
ห้องใต้ดิน
ที่คฤหาสน์ตระกูลเซียวนอกจากเซียวหมิงที่เป็นบุตรชายคนโตเขายังมีน้องชายต่างมารดาอีกหนึ่งหากแต่ก็อายุต่างกันมากเซียวหมิงที่แต่ละวันวุ่นวายอยู่กับกิจการร้านค้าจึงมิได้เห็นเขาอยู่ในสายตาซักเท่าใด
เพียงแต่เซียวหมิงไม่เห็นเขาอยู่ในสายตาแต่เหยาเหยาในวัยสิบห้ากับจับจ้องเฝ้ามองเขาเฝ้ามองด้วยความโกรธแค้นชิงชัง64
คนผู้นี้อายุอ่อนกว่านางหนึ่งปีเกิดจากสาวใช้อุ่นเตียงของนายท่านเซียวตอนนั้นเขาอายุเกือบห้าสิบนี่เป็นลูกหลงคนสุดท้ายก่อนที่เขาจะป่วยตายในอีกสองปีต่อมา
แน่นอนว่าแม้จะเกิดในตระกูลร่ารวยแต่ความเป็นอยู่ของบุตรที่เกิดจากสาวใช้ทั้งยังไม่มีบิดาคอยดูแลฮูหยินใหญ่มารดาของเซียวหมิงคงไม่ให้ความสาคัญเท่ากับบุตรชายแท้ๆ ของตนเอง
แต่ว่าวันนี้เกิดเรื่องน่าแปลกใจเพราะไม่บ่อยครั้งที่เซียวหมิงจะพาน้องชายผู้นี้มาดื่มกินทั้งแสดงท่าทีเอาใจใส่ออกหน้าร้องขอเลี้ยงสุราพ่อบ้านจวนของนายอาเภอ
มุมหนึ่งของร้านสุราที่เหยาเหยาทางานอยู่เซียวเฉิงและพี่ชายมิทราบหัวเราะอันใดกับชายชราฝั่งตรงข้ามที่นั่งร่วมโต๊ะกัน65
“เช่นนั้นก็ต้องฝากพ่อบ้านหวังดูแลแล้วน้องชายของข้าผู้นี้หัวไวหากได้อาจารย์เย่เป็นผู้ฝึกสอนทั้งยังมีนายอาเภอหลี่คอยสนับสนุนการสอบบัณฑิตปีหน้าน้องชายข้าคงสอบติดได้ไม่ยาก”
เซียวหมิงกล่าวกับพ่อบ้านชราอาจารย์เย่เป็นขุนนางปลดเกษียณเพื่อเตรียมการให้กับบุตรชายเขาสอบรับราชการนายอาเภอถึงกับยอมทุ่มเงินจานวนมากว่าจ้างเขามาเป็นครูฝึกสอนประจาจวน
นี่เป็นโอกาสอันดีเซียวหมิงไม่ต้องการให้น้องชายเดินตามรอยตนเป็นพ่อค้าหากแต่อยากให้เขาเข้าสู่เส้นทางขุนนางราชสานักวันนี้จึงนัดพ่อบ้านหลี่หารือถึงความเป็นไปได้ที่จะนาเซียวเฉิงเขาเรียนพร้อมๆ กับคุณชายจวนนายอาเภอ66
ข้อตกลงผ่านพ้นไปเงินค่าจ้างทั้งหมดเซียวหมิงเป็นคนเสนอตัวออกแทนอีกทั้งยังจะอุดหนุนค่าใช้จ่ายจิปาถะตลอดระยะเวลาเล่าเรียนของน้องชายด้วยซึ่งก็ตรงใจกับข้อกาหนดของนายอาเภอที่ส่งพ่อบ้านมาเจรจาพอดี
นี่เป็นเรื่องของเส้นสายและหน้าตาเซียวหมิงร่ารวยเงินทองก็จริงแต่ในแวดวงสังคมชนชั้นบัณฑิตมีความรู้พวกเขาดูถูกพ่อค้ายิ่งหากให้เซียวหมิงเองว่าจ้างขุนนางเกษียณเองเขายังไม่มีความสามรถมากพอ
ที่มุมห่างไกลของร้านมีสายตาอาฆาตคู่หนึ่งเหยาเหยายืนเกาะประตูมองออกมาจากห้องครัวนางไม่ได้ยินพวกเขาคุยกันทาเพียงยืนจิกเล็บหากเป็นไปได้นางแทบอยากหยิบมีดวิ่งเข้าไปแทงหัวใจคนที่นั่งยิ้มแย้มข้างกายชายชู้ของตน! 67
นั่นเป็นสามีนางความแค้นเก่าก่อนจากความทรงจาอดีตไม่เคยลืมเลือนหากเป็นเหตุการณ์ในชาติที่แล้วช่วงเวลานี้นางยังไม่เจอกับเขานางได้พบเขาครั้งแรกก็ตอนเขาสอบติดจิ้นซื่อแล้วตอนนั้นเขาเพิ่งเดินทางกลับจากเมืองหลวงกลับมารับตาแหน่งขุนนางอวี๋ซื่อประจาเมืองหังโจว
ชาติที่แล้วเหยาเหยาอายุสิบแปดนางเป็นสตรีดีงามในหอห้องเซียวเฉิงเองก็เป็นขุนนางตรวจสอบผู้มีความโดดเด่นทั้งรูปร่างหน้าตาและฐานะทางบ้านนางที่ได้ชื่อว่าเป็นหญิงงามอันดับหนึ่งแดนชูหังพอถูกเขาทาบทามสู่ขอบิดาที่แต่ไรมาไม่เคยรับของหมั่นใครกับยอมให้นางแต่งกับเขาอย่างง่ายดาย68
เหมือนกับความฝันตื่นหนึ่งนางจาได้ว่าปีแรกที่แต่งเข้าสกุลเซียวนางมีความสุขมากเขารักและหวงแหนนางราวกับของมีค่าแต่วันคืนอันหอมหวานของนางกับกลายเป็นขุมนรกเมื่อฐานะภรรยาเอกเช่นนางจริงๆ แล้วยังมีค่ากับเขาไม่เท่าพี่สะใภ้ม่าย
ตอนนั้นนางโง่งมอยู่หลายปีเห็นว่าเป็นพี่สะใภ้สามีก็ยอมให้อีกฝ่ายเอาเปรียบอยู่เรื่อยมาจนกระทั่งนางจับได้ว่าพวกเขามีความสัมพันธ์กันอย่างลับๆ ยังไม่ทันเปิดโปงความชั่วช้าสามีกับจับนางไปขังไว้ในห้องใต้ดินอันคับแคบช่วงเวลาปีสุดท้ายของชีวิตนางค่อยทราบว่าที่ผ่านมาตนเองโง่งมถึงเพียงใด
ใช่แล้วพี่สะใภ้ม่ายของสามีนางก็คือรั่วหยุนรั่วหยุนคนที่เป็นภรรยาของชายชู้นางตอนนี้เอง69
โชคดีที่หญิงแพศยานั่นหลังจับนางทรมานสารพัดอีกฝ่ายคงเห็นว่านางหมดสภาพหรือไม่ก็อาจนึกสะใจในความทุเรศถึงได้เผยความลับมากมายที่กระทากับสามีนางตลอดหลายปีที่ผ่านมา
ชาติที่แล้วเหยาเหยาไม่รู้จักเซียวหมิงเขาตายตั้งแต่ก่อนนางจะแต่งเข้าตระกูลเซียวตายระหว่างเดินทางขนสินค้าไปเมืองหลวงหลังจากแต่งภรรยาได้ไม่ถึงครึ่งปี
***
ย้อนเวลำกลับไปชำติก่อนในห้องใต้ดินคฤหาสน์ตระกูลเซียวหลังจากถูกสามีจับขังหลายปีนางไม่เห็นเดือนเห็นตะวันสภาพงดงามปานบุปผาในวันวานจึงเหลือเพียงหญิงผอมแห้งเสื้อผ้าสกปรกยิ่งกว่าขอทาน70
ภายในห้องขังมืดมิดเทียนไขซักเล่มก็ไม่มีตรงกลางมีโต๊ะไม้สี่เหลี่ยมซึ่งปกติจะใช้เป็นที่นั่งพูดคุยยามพี่สะใภ้ม่ายคิดเหยียดหยามนาง
เตียงของนางตั้งอยู่ที่มุมด้านซ้ายหาผู้คนเปิดประตูเดินลงบันใดมาก็จะมองเห็นนางนอนแน่นิ่งหรือว่าประกอบอิริยาบทใดๆ ได้ทันที
จู่ๆ แสงแรกในรอบหลายวันส่องสว่างเหยาเหยาในวัยยี่สิบแปดได้ยินก็ไม่แปลกใจนางไม่มีแรงแม้แต่พลิกกายหันหน้าไปมองแต่ก็ทราบได้ว่าผู้มาเป็นใคร
“ฮูหยินคิดถึงเราหรือไม่วันนี้มีข้าวต้มร้อนๆ ขอรับเราเป็นห่วงท่านยังแอบใส่หมูบดกับไข่สองฟองลงไป” เสียงทุ้มต่าดังขึ้นพร้อมกับร่างตุ้ยนุ้ยเดินหิ้วตะเกียงไฟลงมา71
ชายร่างท้วมหยุดลงที่ปลายเตียงกลิ่นไม่พึงประสงค์มิได้ทาให้เขารังเกียจเขามีอายุย่างห้าสิบทางานเป็นพ่อบ้านในคฤหาสน์ตั้งแต่วัยสิบห้าจึงได้รับความไว้วางใจส่งข้าวส่งน้าให้กับเหยาเหยานับแต่ถูกคุมขังมาเพราะไร้เรี่ยวแรงบางครั้งหญิงสาวยังเผลอปล่อยหนักปล่อยเบาบนเตียงพ่อบ้านกล่าวทักทายเสร็จก็วางตะเกียงกับตะกร้ายกชามข้าวต้มแล้วประคองนางให้ลุกขึ้นนั่งเหยาเหยาหิวโหยก็รีบอ้าปากรับอาหารคาแรกในรอบหลายวัน
ในความเงียบเปลวไฟจากเทียนสั่นไหวรสชาติของอาหารค่อยทาให้นางรู้สึกถึงการมีชีวิตแม้จะเป็นชีวิตที่น่าเวทนาเพียงใดก็ตาม72
ผ่านไปนานสองนานพ่อบ้านกลางคนพลันถามนางว่าอิ่มหนาแล้วกระมัง
“ฮูหยินท่านเมื่ออิ่มแล้วก็ต้องตอบแทนเราเหมือนเคยถูกต้องหรือไม่”
“หวังว่าครั้งนี้ท่านจะไม่ขบกัดเรา”
เสียงสวบสาบดังขึ้นเป็นชายร่วงท้วมเองที่กาลังแก้สายรัดเอว...