บำเรอที่ 3
แม่นางลู่
คำว่าอาจารย์ถึงจะฟังดูดีแต่เบี้ยหวัดของบิดาข้านั้นน้อยยิ่งค่าใช้จ่ายในแต่ละวันจึงไม่ค่อยพอใช้หากแต่ว่าเรื่องอาหารการกินเลี้ยงปากท้องไม่ค่อยมีปัญหานักเพราะแทบทุกวันนักเรียนของเขาจะมารวมตัวกันที่บ้านข้าออกเงินซื้อหาอาหารกลางวันมารวมกลุ่มกินกัน
แต่นี่ก็สงวนสิทธิ์ให้เฉพาะคนที่บิดาข้าฝึกสอนเพียงไม่กี่คนอย่างเช่นวันนี้ข้าพอกลับถึงบ้านก็พบพวกเขาอยู่พร้อมหน้ากัน
ที่จริงเป็ดย่างในมือข้าคิดนำมาฝากท่านพ่อแต่หลังจากสอบถามพวกเขาข้าค่อยได้คำตอบว่านายอำเภอหังโจวเรียกตัวเขาเข้าพบเป็นการด่วนเห็นว่ามีข้อพิพาทบางอย่างจำเป็นต้องให้บิดาข้าไปยืนยัน
ปกติบิดาข้ามักช่วยงานราชการเป็นประจำข้าได้ฟังก็มิแปลกใจจึงนาเป็ดย่างสองตัวขึ้นโต๊ะไปนั่งกินพร้อมกันกับพวกเขาเสียเลย
บนโต๊ะอาหารมีข้าเป็นสตรีนางเดียวศิษย์ของบิดาข้าบัดเดี๋ยวกล่าวหยอกล้อเอาใจจนข้าหัวเราะคิกบุรุษปากหวานที่สุดในกลุ่มเรียกว่าเมิ่งเหิงเขาอายุมากกว่าข้าสองปีศึกษาอยู่กับบิดาข้าเกือบสิบปีแล้วดังนั้นจึงสนิทกับข้าจนเราสองคนเรียกพี่เรียกน้องกัน
หากแต่ในใจของเขาคิดกับข้าเช่นไรข้ารู้ดี
“เหยาเหยาเจ้าก็เลยวัยปักปิ่นมาหลายเดือนแล้วใช่คิดถึงเรื่องสามีแล้วหรือไม่” จู่ๆ ขณะรับประทานเจ้าอ้วนฝั่งตรงข้ามข้าก็ถามสิ่งที่ไม่ควรถามต่อหน้าสตรีออกมา
เจ้าผู้นี้เรียกว่าฉีหยวนข้าแสร้งเป็นเขินอายก้มหน้าตอบเขาว่า “ยังไม่คิดเจ้าคะ” แต่สายตายังแอบเหล่ไปมองพี่เมิ่งที่นั่งอยู่ข้างๆ “…” แล้วก็เป็นอย่างที่ข้าคิดเขาเขินอายแก้มแดงพร้อมกับดุด่าฉีหยวนว่า “ไม่ระวังคำพูดหากอาจารย์อยู่ด้วยแล้วได้ยินคงถูกไม้เรียวฟาดโบย”
อาหารกลางวันของพวกเราก็ผ่านไปด้วยเสียงเฮฮาพวกเขามักจะหยอกเย้าข้าเช่นนี้ยามที่บิดาข้ามิได้นั่งอยู่ด้วยเป็นประจำ
แต่แล้วสิ่งที่ข้าคาดการไว้พลันเกิดขึ้นเพียงแต่มันเกิดขึ้นเร็วเกินไปจนข้ามิทันตั้งตัว...
***
เย็นวันเดียวกันข้าเห็นบิดายังไม่กลับจึงออกจากบ้านปกติข้าก็มักไปยังสถานที่แห่งนั้นนั่นเพราะมันอยู่ไม่ไกลจากบ้านข้าซึ่งเป็นป่าไผ่ที่ปลูกไว้ข้างอารามวัดมีหอเก๋งหกเหลี่ยมหลายหลังเพื่อรองรับผู้คนที่มาสักการบูชา
“น้องเหยาเจ้ามีเวลาว่างให้ข้าสักครู่หรือไม่”
ขณะข้ากำลังนั่งเหม่อลอยด้านหลังมีเสียงคุ้นหูดังแผ่วเบาพอข้าหันกลับไปค่อยพบว่าเป็นพี่เมิ่งเหิงเอง
“พี่เมิ่งหรือตะวันจะตกดินแล้วท่านไฉนไม่กลับบ้านตนเอง”
ข้าถามไถ่ด้วยความแปลกใจปกติเขาต้องกลับก่อนฟ้ามืดนั่นเพราะครอบครัวเขามิได้มั่งมีมากหลังเรียนเสร็จเขาจาเป็นต้องกลับไปช่วยบิดาเก็บร้านขายสมุนไพรที่เปิดไว้ในตัวอำเภอ
บริเวณป่าไผ่มิได้มีเพียงข้าและเขาข้างเคียงยังมีนักท่องเที่ยวบ่าวสาวหลายคนเขาได้ยินคาถาก็ไม่ตอบข้าหากแต่เลือกที่จะเดินเข้ามาใกล้แล้วกล่าวว่า “เหยาเหยาเจ้าไปตรงนู้นกับเราสักครู่เรามีเรื่องบางอย่างอยากบอกเจ้าเป็นการส่วนตัว”
ปลายนิ้วของเขาชี้ไปทางสระบัวตรงนั้นมีสะพานให้เดินข้ามไปอีกฟากข้าไม่แม้แต่จะคิดก็พยักหน้ายอมรับเดินนาเขาไปยังที่หมายทันที
เนื่องจากประสบการณ์ในชาติก่อนตอนนี้แม้ข้าจะยังเด็กแต่ข้ามิโง่เง่าอีกหลายเดือนที่ผ่านมาเมิ่งเหิงแสดงออกว่ารักชอบข้ามากดังนั้นไม่ต้องบอกก็รู้ว่าเขาคิดคุยกับข้าตามลำพังเรื่องอะไร
หากแต่สิ่งไม่คาดคิดก็เกิดขึ้นด้วยบนสะพานอิฐเหนือสระบัวขณะข้ากำลังถูกสารภาพรักเนื่องจากยืนอยู่จุดสูงจึงมองเห็นเข้าไปในเขตวัดข้าพลันพบว่าเจอคนรู้จักอยู่ที่นั่นแม้จะไกลแต่ข้าก็มองออกว่าเป็นคู่หมั้นของเซียวหมิงไม่ผิดแน่นอน
“พี่เมิ่งตามเรามาเหมือนเราจะเจอคนรู้จักเจ้าคะ”
จู่ๆ ข้าดึงแขนเสื้อเมิ่งเหิงเขาแสดงสีหน้างุนงงผิดหวังเพราะข้ามิได้สนใจฟังคำบอกรักเขาสักนิดเพียงกระชากตัวเขาให้เดินตามข้ามา
นี่เป็นภายในวัดไท่ซ่างตั้งแต่สมัยยังเด็กข้าวิ่งเข้าออกบ่อยครั้งจนจำทางได้หมดพี่เมิ่งถูกข้าฉุดลากผ่านอารามหลังแล้วหลังเล่าสุดท้ายอ้อมไปจนถึงหลังโขดหินที่อยู่มุมอับข้างอุโบสถวัดตรงหน้าพวกเราก็ปรากฏชายหนุ่มและหญิงสาวข้าชมมองแวบแรกก็ทราบได้ทันทีว่าพวกเขานัดพบกัน
***
“หยุนเอ๋อข้าไม่ยอม! หลายปีที่ผ่านมาข้ากับเจ้ามิใช่รักกันดีอยู่แล้วหรือเพียงแค่พ่อค้าคนหนึ่งข้าไม่เชื่อหากเจ้าต้องการถอนหมั้นเจ้าจะทาไม่ได้!”
เสียงดุดันของชายหนุ่มเพราะความโมโหทาให้ข้าได้ยินชัดหากแต่คำต่อไปฝ่ายชายยังมิทันพูดก็ถูกฝ่ายหญิงใช้มือปิดปากไว้จนข้ามิได้ยินอีกว่าเขากล่าวอะไรต่อไป…
“ท่านเบาเสียงหน่อยสิไม่กลัวผู้คนได้ยินรึไง”
รั่วหยุนใช้ฝ่ามือปิดปากชายคนรักวันนี้นางตั้งใจมาตัดความสัมพันธ์กับเขาทั้งยังส่งคืนของแทนใจหลายชิ้นซึ่งนางเองก็เสียใจไม่น้อยไปกว่าเขาเช่นกัน
“ท่านฟังข้าให้ดีงานแต่งนี้ยกเลิกไม่ได้หากข้าเอาแต่ใจเลือกแต่งกับท่าน ท่านสามารถช่วยเหลือสนับสนุนเงินทองให้บิดาเราได้หรือ”
กล่าวไปก็ยกชายเสื้อมาปาดเช็ดหางตา ความจริงนางรักเขามากเพียงแต่นางยังพอมีสติปัญญาเขาเป็นเพียงบุตรชายขุนนางเล็กๆ ขั้นแปดเรื่องเงินทองบางครั้งยังต้องหยิบยืมนางใช้เป็นเช่นนี้มาตั้งแต่สมัยยังเด็กแล้ว
“รั่วหยุนเสียทีที่เจ้าร่ำเรียนมาในที่สุดเจ้าก็ยอมรับว่าเลือกบุรุษที่ทรัพย์สินเงินทอง!”
เสียงทะเลาะกันเริ่มดังขึ้นอีกครั้งต่อจากนั้นเป็นชายหนุ่มหญิงสาวฉุดกระชากแขนกันไปมาข้าได้ยินได้เห็นก็ร้อง “เหอ!” ในใจอยากจะช่วยคู่หมั้นของชายชู้ตนออกไปด่าเจ้าหนุ่มนั่นตะโกนใส่หน้าเขาดังๆ ว่า “ข้าเองก็เลือกบุรุษที่เงินทองมีปัญหาอะไรมั้ย!” “…”
***