คุณพ่อขา

1204 คำ
เย็นวันนั้น ข้าวผัดก็ขี่รถจักรยานคู่ชีพปุเลง ๆ พาน้องผิงผิงซ้อนท้ายไปด้วย สองคนร้องฮัมเพลงกันไปตลอดทาง “สัญญากันแล้วนะว่า ผิงผิงจะไม่งอแง” เธอขอคำมั่นตอนที่พาร่างเด็กหญิงลงจากท้ายรถ “สัญญาค่ะ” เด็กหญิงยิ้มแป้น เธอถูกพี่ข้าวผัดแต่งตัวเสียน่ารัก เพื่อน ๆ ต่างเฮโลกันขออุ้มเด็กหญิงคนสวย ข่าวเรื่องที่เกิดขึ้นกับน้องผิงผิงดังไปทั้งอำเภอเพราะเป็นอำเภอเล็ก ๆ แต่ก็ไม่มีใครถามเด็กน้อยกับเรื่องราวที่เกิดขึ้น มีแต่พาเธอร้องรำทำเพลงกันด้วยความสนุก   “ว่าแต่พวกแกได้ที่เรียนกันหมดแล้วนะ มีฉันคนเดียวมั้งเนี่ยไม่มีที่ไหนตอบรับเลย ไม่รู้สอบครั้งหน้าจะติดกับเขาหรือเปล่า” ข้าวผัดนั่งบ่นกับโอมและอ้อม “สู้ ๆ สิวะ แกก็อ่านหนังสือให้เข้ม ๆ อีกนิดหนึ่ง ไว้ว่าง ๆ ฉันติวให้แกก็ได้” อ้อมขันอาสา “อิจฉาพวกแกว่ะ หัวดี ฉันเนี่ยมันหัวขี้เลื่อย ถ้าไม่ขยันนะ ป่านนี้คงติดอันดับหลังห้อง” ข้าวผัดโอดครวญ เธอเรียนดีเพราะเพื่อนช่วย แต่ในหัวสมองเนี่ยมันตื้อไปหมด “เอาแบบนี้สิ แกก็เลือกเอาสาขาที่คนไม่ค่อยเรียนกัน เผื่อมันจะง่ายขึ้น” โอมแนะนำ “แกก็พูดได้สิโอม แกติดเอกที่แกเลือก ฉันเนี่ยยังนั่งคิด ๆ อยู่ หัวจะระเบิดอยู่แล้ววัน ๆ แม่ก็เร่ง ๆ ถามอยู่นั่นแหละ เรียนที่ไหนดี เรียนเอกอะไรดี ดีหน่อยนะที่พ่อเข้าใจ พ่อบอกว่าถ้าสอบที่ไหนไม่ติด ก็จะซื้อควายมาให้เลี้ยง” คำบอกเล่าของข้าวผัดทำให้เพื่อน ๆ หัวเราะออกมา “เฮ้ย...ไอ้ผัด แกอย่าว่าเลี้ยงควายไม่ดีนะเว้ย เดี๋ยวนี้คนเขาไม่ค่อยเลี้ยงควายกันแล้ว กูว่าเลี้ยงควายก็เหมาะนะ เผื่ออนาคตจะเป็นสัตว์เศรษฐกิจ คิดดูสิ ควายนะไม่ต้องประคบประหงมมากเหมือนเลี้ยงวัวหรอกว่าไหม” โอมออกความคิดเห็น “มึงเคยเลี้ยงควายหรือไอ้โอม ทำเป็นผู้เชี่ยวชาญ” ข้าวผัดหันไปแขวะเพื่อน “อึ... กูไม่เคยเลี้ยงควายหรอก แต่มีเพื่อนเป็นควายเท่านั้นเอง” โอมตอบโต้ “เชี่ย... แกว่าฉันเป็นควายใช่ไหม ไอ้โอม... แกตาย” ข้าวผัดวิ่งไล่ตีโอมไปรอบ ๆ งาน เรียกเสียงหัวเราะได้จากเพื่อน ๆ อีกครา   “พี่ข้าวผัดจ๋า ผิงผิงง่วงแล้ว” เด็กหญิงเดินเข้ามาหา ก่อนจะโผเข้ากอดคอพี่ข้าวผัดของเธอเอาไว้แน่น “กี่โมงแล้ววะ” เธอหันไปถามเพื่อน ๆ “สี่ทุ่มครึ่งแล้ว” มีคนหนึ่งตะโกนบอก “เอ่อ... กูกลับก่อนนะ ผิงผิงท่าทางจะไม่ไหวซะแล้ว” เธอรีบบอกลาเพื่อน ๆ “บาย ๆ นะ ขี่รถดี ๆ” เพื่อนพากันโบกมือลา ข้าวผัดอุ้มเด็กหญิงผิงผิงขึ้นขี่หลัง แล้วพาไปที่จักรยานก่อนจะจัดให้เด็กน้อยนั่ง แล้วออกคำสั่ง “จับกอดเอวพี่ข้าวผัดแน่น ๆ นะคะ ไม่งั้นหล่นตุ๊บลงไปจริง ๆ ด้วย” เธอไม่ได้ขู่ แต่เห็นท่าทางผิงผิงง่วงอย่างหนักจริง ๆ ข้าวผัดก็ลืมดูเวลาไป และผิงผิงก็เล่นกับพี่ ๆ จนเพลิน สงสัยจะหมดแบตแล้วถึงได้เดินกลับมาหาพี่ข้าวผัด รถจักรยานที่เธอขี่เริ่มแกว่ง เพราะต้องวิ่งหลบหลุมตามทางลูกรังที่เป็นบ่อและพื้นผิวถนนที่ขรุขระ และเด็กหญิงที่นั่งอยู่ข้างหลังก็เริ่มคอพับคออ่อน “ผิงผิงจ๋า อย่าเพิ่งหลับนะ ลืมตาขึ้น” เธอส่งเสียงบอกกับเด็กหญิงอยู่เป็นระยะ ๆ ทางแค่สองสามร้อยเมตรแต่ทำไมมันเหมือนไกลจัง อาจจะเพราะมือข้างหนึ่งจับยึดแฮนด์รถเอาไว้ อีกมือหนึ่งต้องจับผิงผิงเอาไว้ให้มั่น ทำให้การขับขี่ไม่ค่อยได้ดั่งใจ “เว้อ...” คอจักรยานง่อนแง่น ก่อนที่จะชนก้อนหินขนาดใหญ่กลางถนน แล้วรถก็ล้มลงไม่เป็นท่า ทำให้สองพี่น้องถลาหกคะเมนไปบนถนนลูกรังที่แข็ง ๆ นั้น เด็กหญิงร้องไห้จ้าด้วยความเจ็บ ข้าวผัดรีบลุกขึ้นอย่างรวดเร็วก่อนจะคว้าตัวเด็กน้อยขึ้นมาดู ยกมือปัดฝุ่นที่ติดอยู่ตามเสื้อผ้าให้ เห็นมีเลือดซึมอยู่ที่หัวเข่าและตามแขนขา ก่อนจะดึงเด็กน้อยเข้ามากอดปลอบโยน “พ่อจ๋า พ่อไผ่จ๋า ผิงผิงเจ็บจังค่ะ” เด็กหญิงเรียกร้องหาพ่อ ปิดหูปิดตาร้องโวยวาย ข้าวผัดได้แต่โทษตัวเองที่ไม่ระมัดระวัง เธออุ้มเด็กน้อยเข้าสู่อ้อมแขน ทั้งกอดรัดและปลอบประโลม แต่น้องผิงผิงก็ยังไม่หยุดร้อง ได้แต่ร้องไห้จะหาแต่คุณพ่อ “ผิงผิงขา พรุ่งนี้นะคะ พี่ข้าวผัดจะพาไปหาคุณพ่อนะ ป่านนี้คุณพ่อคงนอนแล้ว” “ไม่เอา... ผิงผิงจะหาพ่อไผ่ ผิงผิงคิดถึงคุณพ่อ พ่อจ๋า... แม่จ๋า... แม่...” อาจจะเพราะความง่วงและเจ็บตัว ทำให้หนูน้อยพูดพร่ำพร้อมกับร้องเรียกหาแต่คุณพ่อกับคุณแม่อย่างไม่ลืมหูลืมตา ข้าวผัดจึงตัดสินใจพาน้องผิงผิงขึ้นท้ายจักรยานอีกครั้งหนึ่ง ก่อนจะออกคำสั่งอีกหนักแน่น “จับเอวพี่ข้าวผัดให้ดี ๆ นะคะ แล้วตอนนี้ผิงผิงห้ามหลับ พี่ข้าวผัดจะพาไปหาคุณพ่อ” เด็กหญิงพยักหน้าให้งึก ๆ แต่ก็ยังสะอึกสะอื้น เธอนึกไปถึงอาไผ่ ป่านนี้ไม่นอนหลับฟุบไปกับพื้นบ้านแล้วเหรอ  แล้วก็เป็นจริงดังคาด พอเธอไปถึงที่ใต้ถุนเรือน ก็เห็นอาไผ่นอนหลับอยู่บนแคร่หน้าบ้านจริง ๆ   เธอจึงอุ้มผิงผิงเข้าไปหาอาไผ่ “คุณพ่อขา...” เด็กหญิงส่งเสียงออดอ้อน ข้าวผัดปล่อยตัวเด็กน้อยลง ไผทพอได้ยินเสียงลูกน้อย ก็รีบงัวเงียลุกขึ้น เปิดตามองหน้าลูกสาวด้วยนัยน์ตาแดงก่ำ “คุณพ่อดื่มเหล้าทำไมคะ” เด็กหญิงถามด้วยความไร้เดียงสา ยกมือน้อย ๆ ขึ้นโอบกอดพ่อของเธอไว้ด้วยความรัก เขายกตัวลูกสาวให้ขึ้นยืน เห็นเลอะฝุ่นไปหมด พอหันไปเห็นแม่หลานสาว ก็ไม่ต่างกัน มอมแมมพอ ๆ กัน “ไปทำอะไรกันมา” เขาพูดน้ำเสียงอ้อแอ้ แต่ก็พยายามทำให้มันเป็นปกติ “รถล้มนะคะ แล้วผิงผิงก็เอาแต่ร้องไห้จะหาพ่อท่าเดียว” ข้าวผัดสารภาพผิด เธอพูดไปพลางเก็บจานถ้วยที่วางเกลื่อนรวบรวมเอาไว้ แล้วพาไปตั้งไว้ในซิงก์ล้างจาน “คุณพ่ออาบน้ำหรือยังคะ ตัวเหม็น ๆ” เด็กหญิงยกมือขึ้นปิดจมูก ก่อนจะสะบัดทำไม้ทำมือว่าเหม็นมาก “ไปอาบน้ำตอนนี้เลยนะคะ อย่าดื้อค่ะ” ผิงผิงออกคำสั่งกับคุณพ่อ ลุกขึ้นดึงแขนของเขาเพื่อให้คุณพ่อลุกขึ้น “ผิงผิงมาหาพี่ข้าวผัดมะ เราต้องไปล้างตัว ล้างแผลแล้ว เปลี่ยนเสื้อผ้า” เธอบอกเด็กหญิง ก่อนจะคว้าตัวขึ้นมาอุ้มแล้วพาเดินขึ้นบ้านไป  
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม