กริ้ง... กริ้ง... กริ้ง... มือถือของข้าวผัดดังขึ้น
“จ้า... แม่...” เธอรีบรับสาย
“พาน้องไปถึงไหน ยังไม่กลับบ้านอีก... ฮึ... แม่เป็นห่วง” เด่นนภาทำเสียงเข้มมาตามสาย
“กลับมาแล้วแม่ แต่ตอนนี้อยู่บ้านอาไผ่ ก็ผิงผิงนะสิงอแงจะมาหาพ่อให้ได้”
เด็กสาวตัวน้อยพอได้ยินเสียงคุณป้าไก่ เธอก็รีบแย่งโทรศัพท์ไปคุย
“คืนนี้ผิงผิงจะนอนเป็นเพื่อนคุณพ่อค่ะ คุณพ่อน่าสงสาร นอนคนเดียวทุกวัน ให้พี่ข้าวผัดนอนที่นี่ด้วยนะคะ” เธอเอ่ยขออนุญาตเสียงน่ารัก ก่อนจะยกมือปิดปากที่หาวหวอด ๆ
ข้าวผัดรีบแย่งเอาโทรศัพท์มาถือ
“ก็เนี่ยแม่ ไม่ยอมกลับท่าเดียวเลย เปลี่ยนชุดนอนกันแล้ว โน้น... กระโดดขึ้นไปนอนบนเตียงแล้ว” ข้าวผัดส่ายหน้าแบบเสียอารมณ์
“เอ่อ... มันดึกแล้ว นอนที่โน่นแหละ ไม่ต้องขี่รถปุเลง ๆ พาน้องมาที่นี่อีกนะ แม่ก็เป็นห่วง กลัวรถจะหกจะล้ม ทางมันก็ไม่ค่อยดี” เด่นนภายังบ่นอีกหลายคำ ก่อนจะวางหูไป หารู้ไม่ว่าทั้งลูกทั้งหลานได้แผลกันคนละนิดละหน่อยถลอกปอกเปิก
อาไผ่เดินขึ้นบนเรือนมาแบบโซซัดโซเซ ก่อนจะเดินหายเข้าไปในห้องน้ำ เด็กหญิงตัวน้อย นอนถือขวดนมอยู่ในปาก ตาก็จะปิด แต่ก็ยังเรียกหาแต่พ่อ
“พ่อจ๋า... พ่อจ๋า... พ่อไผ่จ๋ามากล่อมผิงผิงหน่อย”
เธอร้องโวยวาย ผิงผิงทำตัวไม่น่ารักเหมือนตอนที่อยู่กับพี่ข้าวผัด ส่งเสียงอ้อนพ่อไปด้วย คอยลืมตามองพ่อที่จะออกมาจากห้องน้ำ พอเห็นพ่อเดินใส่ผ้าเช็ดตัวออกมาก็รีบลุกขึ้นนั่ง
“พ่อจ๋า...” แล้วทำเสียงสะอึกสะอื้นเรียกร้องความสนใจ
อาไผ่รีบหาเสื้อผ้ามาเปลี่ยน ก่อนจะเดินตรงมาหาลูกสาวตัวน้อย ๆ ของเขา
ข้าวผัดมองใบหน้าที่หม่นเศร้าของเขาแล้วรู้สึกสงสาร ไผทปล่อยหนวดเคราให้รุงรัง ผมเผ้าไม่ยอมตัด แล้วตอนนี้กลิ่นเหล้าก็คลุ้งไปหมดทั้งห้อง
เด็กหญิงผิงผิงวางขวดนมในมือทันที ก่อนจะสอดแขนเข้ากอดรัดร่างของคุณพ่อเอาไว้แน่น ไผททิ้งตัวลงไปนอนอิงแอบกับลูกสาวตัวน้อย
“คุณพ่อขาพรุ่งนี้ไม่กินเหล้าแล้วนะคะ ผิงผิงเหม็นที่สุดเลย” ปากก็พูด แต่มือก็กอดรัดร่างของพ่อเอาไว้แน่น
ภาพที่เห็นทำให้ข้าวผัดสะท้อนในหัวใจ อาไผ่คงรักอาเหมยมาก ๆ เขาถึงทำตัวซังกะตายแบบนี้ เธอถอนหายใจออกมาเบา ๆ ตอนนี้ก็ง่วงตาแทบปิดเหมือนกัน เพราะเมื่อเช้าเธอตื่นมาตั้งแต่ตีห้าเพื่อทบทวนตำราที่จะสอบในวันนี้
ข้าวผัดลุกขึ้นไปจากเตียง มองหาผ้าห่มผืนใหญ่ที่อาเหมยเอามาปูให้เธอนอนด้วยบ่อย ๆ เวลาที่อาไผ่ไปทำธุระที่กรุงเทพฯ เธอเดินไปหอบมันขึ้นมา ก่อนจะสะบัด ๆ แล้วปูวางมันลงไปที่พื้นห้องไม่ห่างจากเตียงของอาไผ่มากนัก
เพียงครู่เธอก็หลับไปก่อนที่อาไผ่จะดับไฟ
เวลาล่วงไปเท่าไหร่แล้วไม่รู้ เธอสะดุ้งตื่นขึ้นมาเพราะเสียงร้องไห้ของผิงผิงดังลั่นไปทั้งห้อง ข้าวผัดกระวีกระวาดลุกขึ้นตรงไปหาเด็กน้อยที่บนเตียงทันทีเห็นแต่หนูน้อยร้องไห้จ้าอยู่บนเตียง แต่ไร้วี่แววของคุณอา เธอจึงหอบเอาร่างที่สะอึกสะอื้นของผิงผิงลงมานอนด้วยที่ข้างล่าง ปลุกปลอบใจกันอยู่นาน กว่าเด็กหญิงจะนิ่งและเงียบไป
ข้าวผัดเดินสำรวจไปรอบ ๆ บ้าน ก่อนจะนึกขึ้นได้ เธอเดินลงไปจากชั้นสองของเรือนไม้ เห็นอาไผ่นอนไม่ได้สติกอดขวดเหล้าอยู่ในมือ เธอเดินตรงไปหาเขา มองใบหน้าที่เคยหล่อเหลาตอนนี้สิ้นสภาพดูแทบไม่ได้
เธอรู้สึกยินดีมาก ๆ ที่เห็นคุณอาของเธอมีความสุข แต่วันนี้เขาไม่มีเหมือนมีแต่ร่างกายแต่ไร้ซึ่งหัวใจ ชีวิตเหมือนอับแสงลงไป ความเจิดจ้าในสายตาของเขาก็หดหายลงไปด้วย ชีวิตของอาไผ่คงไม่มีความหวังใด ๆ หลงเหลืออีกแล้วตั้งแต่วันที่ไม่มีอาเหมย
ข้าวผัดค่อยนั่งลงใกล้ ๆ แล้วเธอก็น้ำตารินไหล เด็กสาวค่อย ๆ ยกมือขึ้นลูบหน้าผากของอาไผ่ หัวใจที่ภักดีกับเขาไม่เคยเปลี่ยนไป เคยรักอาไผ่แบบไหน เธอก็ยังคงรักเขาแบบนั้น และยิ่งเพิ่มพูนทวีขึ้นมากมาย ข้าวผัดก็ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกัน แต่เธอไม่อาจจะหักห้ามใจได้ เธอยินดีที่อาไผ่มีอาเหมย ขอแค่ให้เห็นความสุขของอาไผ่ก็เพียงพอแล้วข้าวผัดถอนหายใจออกมาอีกครั้งหนึ่ง ก่อนจะใช้มือเขย่าตัวของคุณอาเบา ๆ
“อาไผ่คะ ไปนอนข้างบนบ้านดีกว่าค่ะ นอนตรงนี้ไม่ได้นะคะ ยุงมันเยอะ” เธอเรียกเขาอีก
ไผทค่อยปรือตาขึ้นมองเธอ แสงไฟนีออนดวงน้อย ๆ ที่แขวนอยู่ตรงทางขึ้นบันไดทำให้เขาเห็นหน้าเธอไม่ค่อยชัดเท่าไหร่
“อาไผ่เราขึ้นไปนอนข้างบนกันเถอะค่ะ อยู่ที่นี่ยุงจะกัดเอา” เธอบอกเขาด้วยน้ำเสียงอาทร
“เหมยเหรอ เหมยกลับมาหาพี่แล้วใช่ไหม เหมย...” ไผทเรียกชื่อเมียรักออกมาเสียงดัง วันนี้เขาเอาแต่ดื่ม ๆ ดื่มไปไม่รู้กี่กลมต่อกี่กลมแล้ว
สติที่มีอยู่น้อยนิดในตอนนี้ เห็นภาพใบหน้าของเมียรักจาง ๆ เขาคิดว่า ข้าวผัดเป็นเหมยเมียรักของเขาไผทกอดรัดร่างของเด็กสาวยกใหญ่ ซบใบหน้า ใช้ปลายจมูกและริมฝีปากจุมพิตปลอบขวัญภรรยาของเขาด้วยความห่วงใยรักและคิดถึง ข้าวผัดตกใจมากไม่คิดว่าอาไผ่จะทำกับเธอแบบนี้ เด็กสาวพยายามปัดป้องแต่ก็สู้แรงมือของเขาไม่ได้ อาไผ่ซุกไซ้ร่างบางที่สั่นสะท้านจนพอใจ
“อาไผ่คะ ข้าวผัดนะคะ ไม่ใช่อาเหมย” คำพูดของเด็กสาว ทำให้เขาตื่นจากภวังค์ ไผทผละตัวออกมาจากเด็กสาวทันที
“ข้าวผัดเหรอ ข้าวผัดมาตอนไหน แล้วอาเหมยของอาหายไปไหน” เขาถามเหมือนเขาเห็นภรรยาตัวเองอย่างนั้น ข้าวผัดจึงได้แต่ถอนหายใจ
“ข้าวผัดรู้ไหมว่าอาเหมยจะไม่มีวันกลับมาหาพวกเราแล้ว” คำพูดของเขาน่าสงสาร ข้าวผัดที่ค่อย ๆ พาดแขนของอาไผ่ขึ้นบนไหล่ พยุงตัวที่หนักอึ้งของเขาให้ลุกขึ้น พยายามพยุงตัวคุณอาให้เดินขึ้นไปด้วยกันบนเรือน
“อาไผ่คะ ระวังตกลงไปนะคะ ช่วยยึดราวบันไดไว้ด้วยสิ” เธอทำเสียงดุ อาไผ่หันหน้ามายิ้มให้ ทำตาปรือ หน้าตาแดง ลมหายใจของเขามีแต่กลิ่นแอลกอฮอล์คละคลุ้งเด็กสาวพาร่างอาขึ้นบ้านไปแบบทุลักทุเล เธอพาเขาไปนอนที่เตียงได้ก็เกือบแย่ ข้าวผัดนั่งหายใจหอบอยู่ใกล้ ๆ