หลายคนเดินเข้ามาจับมือแสดงความยินดีกับคลิสเตียน ไม่ว่าจะเป็นผู้ถือหุ้นหลักๆ หรือทีมงานวิศวกร
คลิสเตียนยกมือเกาคาง...เขามองแปลนตึกที่กางอยู่ตรงหน้า “ตึกนี่ สร้างที่ไหนวะ?”
คงเป็นเพราะตลอดช่วงเวลาที่เจ้าของโปรเจกต์พรีเซ้นต์ คลิสเตียนอยู่ในภวังค์ตลอด
เซเก้กลอกตามองบน เขาไม่กล้าตำหนิเจ้านาย การ์ดหนุ่มกึ่งเลขาฯ ส่งเอกสารบางอย่างให้ แทนคำตอบ
เจ้านายหนุ่มฉวยเอกสารนั่นขึ้นมาเปิดอ่านคร่าวๆ “ประเทศไทย...” ตึกระฟ้าสูงกว่า40ชั้นนั่น กำลังจะปลูกสร้างในประเทศแถบเอเชีย โดยบริษัทยักษ์ใหญ่เจ้าหนึ่ง และรอสซีคอร์ปอเรชั่นประมูลได้มา เงินลงทุนมหาศาล และผลกำไรก็มหาศาลเช่นกัน...
“ฉันขอไปดูสถานที่ได้มั้ย?”
เสียงเปรยของเจ้านายดังเบาๆ เซเก้หลุบเปลือกตาลง ปิดบังแววตาเต้นระริก มือของการ์ดหน้าดุกุมอยู่ที่เป้ากางเกง “ครับ”
“เคลียร์งานให้ด้วย...ฉันไม่อยากให้มีเรื่องด่วน ทำให้ฉันต้องวุ่นวายใจ”
คลิสเตียนผุดลุกขึ้นยืน เดินไปหยุดริมพนังกระจกใส ทอดสายตามองทิวทัศน์ด้านนอก ด้วยสายตาว่างเปล่า เมื่อความคิดภายในสมองกำลังถกเถียงกันให้วุ่นวาย
‘นายกำลังจะไปหาแม่นั่นซินะ’
‘ไม่...คนอย่างฉัน ทำไมต้องสนใจหล่อนด้วย ฉันไปดูงาน ไม่เกี่ยวกับแม่นั่นเลย’
‘อย่าปากแข็งเลยคลิส...แกมันก็แค่ไอ้ขี้แพ้ แกหลงแม่นั่นจนยอมกลืนน้ำลายตัวเอง’
มือแข็งแรงกำแน่น เถียงเจ้าความคิดวุ่นวายในใจนั่นดัง ‘ไม่! ฉันคือคลิสเตียน รอสซี ฉันไม่เคยสนคนอย่างแม่นั่นเลย’ ใช่...ชายหนุ่มพยักหน้ากับตนเอง เขาคือใคร!! ทำไมต้องสนใจผู้หญิงอย่างหวันยิหวาด้วย ผู้หญิงแบบหล่อนแค่เขี่ยๆ ก็เจอ หล่อนไม่ได้โดดเด่น ไม่มีความสำคัญ แค่บังเอิญผ่านมาในชีวิตของเขา หากหล่อนจงใจจะจากไป ทำไมเขาต้องยื้อไว้
เซเก้มองด้านหลังเจ้านาย เขาเป็นห่วงคลิสเตียน ท่าทีเงียบขรึมที่เจ้านายพยายามแสดงออกให้ทุกคนรอบตัวมองเห็น ความเฉยชาหลังได้รับรู้เรื่องของผู้หญิงที่ชื่อหวันยิหวา มันคือหน้ากากที่อำพรางความจริงในใจ
นับ10ปี ที่เซเก้ยืนอยู่ด้านหลังของคลิสเตียน และเกือบ10ปีที่อยู่ในฐานะเพื่อน เวลาทั้งหมดนั่น ทำให้เขารู้จักนิสัยใจคอของเจ้านายเป็นอย่างดี ชั่วชีวิตผู้ชายชื่อคลิสเตียน เขาไม่เคยรู้จักความผิดหวัง อะไรก็ตามที่เจ้านายอยากได้ คลิสเตียมสมปรารถนามาตลอด ครั้งนี้เป็นครั้งแรก ที่ชายหนุ่มเหมือนถูกตบหน้า ผู้หญิงของตัวเอง หอบผ้าหนีตามลูกน้องคนสนิทตอนที่เขาเผลอ...ความไว้ใจ กลายเป็นความเคียดแค้น... ภายใต้สีหน้าเฉยเมย ผู้ชายคนหนึ่งกำลังคุ้มคลั่งเพราะความโกรธที่เกาะติดอยู่ในหัวใจ
ผู้หญิงธรรมดาคนนั้น ผู้หญิงที่ความบังเอิญชักพามาให้รู้จักคนอย่างคลิสเตียน แต่ผู้หญิงคนนั้นพิเศษเหนือใคร เพราะหล่อนเป็นคน คนเดียวที่เคยอยู่ในอ้อมแขนของคลิสเตียนใต้ชายคาปราสาทรอสซี สถานที่ที่แม้แต่ เจนน่าคู่หมายของเจ้านายหนุ่ม... ยังไม่เคยเหยียบย่างเข้าไปได้เลย
เซเก้โครงศีรษะ ความวุ่นวายนี่เพิ่งเริ่มต้นเอง...คลิสเตียนจะต้องผจญกับความวุ่นวายนี่ไปอีกนาน ในเมื่อเขาจงใจผูกปม...คนที่คลายปมนั่นได้ ก็น่าจะเป็นตัวเขาเอง...เซเก้อยากพบเจออัลเบโต้ที่สุดเวลานี้ เขาอยากได้ยินจากปากเพื่อน สิ่งที่อัลเบโต้กระทำนั้น...คือความจงใจ หรือมีใครอยู่เบื้องหลัง?
การ์ดหนุ่มค้อมตัวให้เจ้านาย เดินถอยหลังออกไปด้านนอก...ปล่อยให้คลิสเตียนอยู่เงียบๆ เพียงลำพัง
เพล้ง!
แก้วคลิสตัสเนื้อดีแตกละเอียด หลังจากถูกกระทบกำแพงปาสุดแรง ฝีมือบุตรสาวคนเดียวของ เปาโล เซมิโอเน่
“ไอ้โง่นั่น... โง่จนนาทีสุดท้าย สรุปว่ามันตายหรือไม่ตายล่ะหะ!!”
เสียงแหลมปรี๊ดแหบสั่น สั่นตั้งแต่เสียงจนถึงร่างกาย ไม่ใช่เพราะอากาศเย็นแต่เพราะกำลังโกรธจัด
“ไม่ตายครับ ผมจับมันขังไว้ทีเซฟเฮ้าน์ชานเมือง” คนตอบ ตอบเสียงเรียบ
“หึ!” เจนน่าเหยียดยิ้ม...แผนของหล่อนเป็นไปตามคาด ที่ผิดคาดคือยังไม่สามารถกำจัด ใครบางคนได้
“แล้ว...” เจนน่าถามถึงอีกคน
“เธอกลับประเทศของเธอไปแล้วครับ...” ผู้หญิงที่เป็นหนามตำใจเจ้านายคนสวย หล่อนบังอาจเกาะติดคนต้องห้าม ผู้หญิงคนนั้นเลยพบจุดจบเช่นนั้น
“ฉันต้องการให้มันตาย!” เจนน่ากล่าวเสียงดุดัน ดวงตายาวรีแฝงความอำมหิต
“อาการของเธอ...สาหัสมากครับ ไม่แน่บางทีตอนนี้เธออาจจะตายแล้วก็ได้”
อุบัติเหตุที่ถูกจัดฉากให้เกิดขึ้น...ความตั้งใจที่ทำครั้งนั้น คือต้องการปลิดชีพหวันยิหวา แต่พระเจ้าคงยังไม่ต้องการเธอ หล่อนเลยแค่เจ็บหนัก ไม่ถึงขั้นสิ้นใจ เหมือนดังความต้องการของเจนน่า
“ฉันต้องการคำตอบที่ชัวร์กว่านี้ ไม่ใช่แค่การสันนิษฐาน” เจนน่าต้องการเห็นกับตา มากกว่าการได้ยินจากหู ผู้หญิงคนนั้นควรหายไปจากโลกนี้ หล่อนคือหนามแหลมคอยทิ่มตำใจเธอ พื้นที่ข้างกายคลิสเตียนคือที่ของเธอ ไม่ใช่ผู้หญิงคนนั้น
“ครับ...” ชายหน้าดุรับคำ ถอยหลังออกไปจากห้อง เพื่อสืบข่าวที่แน่ชัด100% ให้กับเจ้านาย
“เดี๋ยว...” เจนน่ารั้งไว้ “ไอ้หมอนั่น...ทำให้มันตายซะ ก่อนที่มันจะคาบเรื่องนี้ไปบอกคลิส” เจนน่าสังลูกน้องให้ปลิดชีวิตคนเหมือนกำลังสั่งซื้อของบางอย่าง เมื่อเธอชินชาเสียแล้ว เมื่อโตมาในครอบครัวที่เป็นมาเฟีย
“ครับ...”
สายตาพร่ามัว ลมหายใจรวยริน คราบเลือดเกรอะกรังแห้งจนแข็งติดกับผิวหนัง เสื้อผ้าขาดหวิ่น...บาดแผลกระจายเกือบทั่วร่างกาย แต่คน คนนั้นก็ยังดวงแข็ง พญามัจจุราชหาได้พรากลมหายใจของเขาไป อัลเบโต้ข่มความเจ็บปวด เขาพยายามมองหาทางรอด เพราะเสียงแผ่วๆ ที่ได้ยินก่อนลืมตานั้น
“เจ้านายให้กำจัดมันว่ะ”
หากยังมัวนอนนิ่งๆ อยู่เช่นนี้ ลมหายใจของเขาคงปลิดปลิว มันยังไม่ใช่เวลาที่เขาควรตาย หากยังช่วยเหลือหวันยิหวาไม่สำเร็จ สิ่งที่ทำให้อัลเบโต้กัดฟันทนอยู่ได้ คือหวันยิหวา ผู้หญิงของเจ้านายนั่นเอง
โชคดีที่คนเหล่านั้นไม่ได้มัดเขาให้แน่นหนา...มันอาจจะเป็นเพราะว่าสภาพร่างกายของเขาสะบักสะบอม เกินกว่าจะหลบหนีได้ คนพวกนั้นคาดผิด เพราะต่อให้เจ็บหนักกว่านี้ อัลเบโต้ก็สามารถหนีรอดได้...เขามันพวกหนังหนา ไม่ตายง่ายๆ ให้คนที่ต้องการให้เขาตายเจ็บใจเล่น
“รอให้กูหนีออกไปได้เถอะ กูจะกลับมาเอาคืนพวกมึงให้สาสม”
ชายหนุ่มกัดฟันพูด ค่อยๆ คลานลงจากโต๊ะตัวใหญ่ โผเผเดินโซซัดโซเซ พาตัวเองเดินไปข้างหน้า ทุกย่างก้าวเจ็บจนน้ำตาเล็ด โชคดีที่แขนขาไม่ได้หัก แม้จะมีบาดแผลกระจายไปทั่วตัว แต่ไม่ได้ร้ายแรงอะไรมากจนถึงขนาดขยับตัวไม่ได้ ชายหนุ่มสอดส่ายสายตามองหาทางรอดตามสัญชาตญาณ
เวลาเดินเร็วเหมือนลมพัด อัลเบโต้ยืนจนขาแข็ง พยายามเพ่งมองฝ่ารอยแตกของเนื้อไม้ เพื่อมองหาทางรอดของตัวเองจากด้านใน แต่ที่เขาเห็นก็มีแค่เพียงแสงไฟที่สะท้อนอยู่บนผิวน้ำเท่านั้น อัลเบโต้เดาเอาเอง จากสิ่งที่มองเห็น ไอ้อาคารที่ขังเขานี้น่าจะอยู่ใกล้กับแม่น้ำไทเบอร์ ชายหนุ่มคำนวณระยะทาง...หากฝ่าออกไปได้ เขามีแรงพอจะวิ่งให้ถึงแม่น้ำหรือไม่? ทางรอดทางเดียวที่พอมองเห็น เขาต้องไปถึงตรงนั้น ใช้สายน้ำกำบัง และหลบหนีไปจากคนใจหยาบเหล่านี้
อัลเบโต้ถอยหลังกลับ เขาเดินกระโผกกระเผกกลับไปนั่งที่เดิม วางแผนการในใจเงียบๆ...
“มันฟื้นยังวะ? ได้เข้าไปดูมั่งมั้ย!” เสียงกรรโชกโฮกฮาก ดังอยู่ด้านนอก
อดีตหน่วยซีลเก่า กระเด้งตัวลุกจากที่นอน รวบรวมแรงเฮือกสุดท้ายเดินไปยืนที่หลังประตู ในมือของอัลเบโต้มีเศษไม้ ซึ่งมันเคยเป็นขาโต๊ะ แต่อะไรบางอย่างทำให้ขาโต๊ะนั่น กลายเป็นแค่เศษไม้หักๆ ชิ้นหนึ่ง มือแข็งแรงกำไม้ท่อนนั้นจนแน่น จ้องมองประตูข้างตนเอง รอเวลาให้คนด้านนอกดันเข้ามา
ล้อเหล็กครูดกับรางดังครืดคราด ก่อนที่ประตูเหล็กหนาๆ จะถูกดันให้เปิดออก
โผ๊วะ!
อัลเบ้โต้ฟาดไม้ในมือของตนเองไปข้างหน้า เขากะให้ถูกส่วนหัว แต่คนมาใหม่ตัวใหญ่กว่าที่คาด ไม้ชิ้นนั้นจึงฟาดเขาไปเต็มแรงที่บ่าด้านซ้าย “โอ้ย!” เสียงมันอุทาน เขามีเวลาไม่มาก ต้องรีบทำให้มันหุบปาก ก่อนที่คนอื่นๆ จะแห่กันมาจนตนเองสู้ไม่ไหว