คฤหาสน์สุดหรูหราใจกลางเมืองใหญ่ทางเหนือของประเทศไทย เธอคำสร้อยผู้ที่ถูกพ่อแม่แล้วก็เจ้านายแสนรักส่งมาอาศัยอยู่กับตายายของเจ้านายในเมืองใหญ่แห่งนี้
เชียงใหม่ก็ไม่ได้ไกลจากเชียงรายเท่าไหร่หรอกแต่ก็ถือว่ามาอยู่ต่างบ้านต่างเมืองอะไรอะไรมันก็ไม่ชินตา เมื่อก่อนเธอเคยแต่นั่งรถรับส่งไปโรงเรียน เย็นมาก็วิ่งเล่นในสวนกับพวกลุงๆป้าๆ เสาร์อาทิตย์ก็ช่วยป้าแม่บ้านกวาดเช็ดทำความสะอาดบ้านเจ้านาย อย่างน้อยเขาก็ให้ที่พักพิงกับพวกเธอฟรีๆ แถมเป็นบ้านที่ถ้าซื้อก็คงจะเกือบล้านเลยทีเดียว พวกเธอถือว่าโชคดีที่เจอนายดี เอาใจใส่เสมือนพวกเธอเป็นญาติพี่น้อง เพราะอย่างนี้พวกลุงป้าน้าอาที่อยู่ที่สวยถึงรักและเคารพนายอย่างมาก แม้แต่ชีวิตก็ให้ได้...
“คำสร้อยกินข้าวหรือยังลูก” เสียงคุณยายเอ่ยถามเธอที่กำลังนั่งอ่านหนังสือตรงระเบียง เธอหันไปยิ้มกว้างละมือจากหนังสือเรียนแล้วเดินไปกอดเอวหนาของหญิงสูงวัย ท่านเมตตารักเธอดุจหลานแท้ๆ คนหนึ่ง เธอรู้สึกซาบซึ้งในความเมตตาของท่าน เธอพยายามตอบแทนท่านด้วยความดีแล้วก็ค่อยดูแลท่านเสมอมาตลอดหนึ่งเดือน
ใช่...เธอพึ่งจะย้ายมาที่คฤหาสน์หลังนี้ได้เพียงเดือนเดียว เพราะต้องมาเรียนต่อมหาวิทยาลัยที่นี่เนื่องจากสอบติดที่นี่ทีเดียว และพี่ไนท์ก็ส่งเธอให้มาอยู่กับคุณตาคุณยายเพื่อที่พวกท่านจะได้ไม่เหงา
จะว่าไป.. มันก็ไม่นานเท่าไหร่หรอกนะแค่เดือนเดียว เพียงแต่เธอคุ้นเคยกับที่นี่เร็วเกินไปมากกว่ามันเลยดูเหมือนว่าเธออยู่ที่นี่มานานมาก
“กินแล้วค่ะยาย กินจนพุ่งยื่นเหมือนคนท้องแล้วค่ะ" หญิงสาวพูดพล่งยิ้มจนตาหยี จนหญิงชรายิ้มออกมาด้วยความเอ็นดู
“จ้าแม่คนท้องลม! ว่าแต่เรียนเป็นยังไงบ้างลูก” ถามพร้อมกับยกมือขึ้นลูบผมยาวดำขลับที่นุ่มดุจแพรไหมของหญิงสาวเบาๆ จนเธอยิ้มแป้น
“ก็ปวดหัวดีค่ะยาย จะลาออกมาเอาผัวก็กลัวปวด..ฮิ”
โป้ก!!
“โอ้ย! ยายเขกหัวคำสร้อยทำไมคะ” เธอยกมือขึ้นลูบหน้าผากปอยๆ ทำปากยื่นเพราะคุณยายเขกไม่ออมแรงเลยสักนิด
“ก็ใครบอกให้ริอ่านออกมามีผัวกันฮึ” ยายทำหน้าโหดจนเธอยิ้มอ่อยๆ ให้กับท่าน ก็กลัวโดนดุนี่นา
“แหม หนูก็แค่พูดเล่นเองนะคะคุณยายขา”
“มันใช่เรื่องพูดเล่นมั้ยละ เดี๋ยวถ้าเกิดมีจริงๆ ขึ้นมาอย่ามาร้องไห้ขี้มูกโป่งกับยายก็แล้วกัน จะตีกระบาลให้” ว่าแล้วก็ทำท่ายกมะเหงกขึ้นมาจ่อตรงหัวหลานสาวจอมทะเล้น หญิงสาวรีบกระโดดออกมาจากระยะอันตรายของมือคุณยายแทบจะทันที
“โห...ยายอ่ะ ใครจะมาเอาหนู สวยก็ไม่สวย” พูดแล้วยิ้มจนตาหยี ที่พูดมาก็เรื่องจริงทั้งนั้น เธอไม่ใช่คนสวยและก็ไม่ใช่คนรวยอะไรที่จะคาดหวังให้ใครมาตกหลุมรักได้ง่ายๆ สักหน่อย
“ใครบอกเราไม่สวย?” ยายขมวดคิ้วมองหน้าเธอสายตาแปลกๆ
“หนูก็บอกตัวเองยังไงล่ะค่ะ” ปากบางเบะออกเล็กน้อยดูน่าเอ็นดูในสายตาของผู้เป็นยาย ก่อนจะส่งค้อนให้หลานสาววงใหญ่
“ยายไม่คุยกับแกละ ปวดหัวไปหาตาดีกว่า” ว่าแล้วก็เดินสะบัดหน้าไปอย่างคนแก่ขี้งอนจนหญิงสาวมองแล้วยิ้มตามไม่ได้
ชาติที่แล้วเธอทำบุญด้วยอะไรนะชาตินี้ถึงโชคดีแบบนี้ ทั้งเจ้านายทั้งคนรอบข้าง เจอแต่คนดีๆ ทั้งนั้นเลย
อ่า...คำสร้อยแกนี่วาสนาดีจริงๆ
สองวันผ่านไปหลังกลับจากมหาลัย
ร่างบอบบางเดินเข้ามาในคฤหาสน์กวาดสายตามองหาก็ไม่เจอใคร ก่อนจะหมุนตัวเดินขึ้นห้องเปลี่ยนเสื้อผ้านุ่งกระโจมอกแบบผ้าถุงที่พกพามาจากบ้าน ใช้หมวกคลุมผมตามฉบับสาวบ้านนอกเพื่อเข้าไปอาบน้ำในห้องน้ำ มือถือขันน้ำเพื่อไปตักน้ำในอ่างจากุซซี่มาราดตัวเล่น
เธอไม่ถนัดนอนในอ่างแต่ถนัดนั่งข้างอ่างแล้วตักราดมากกว่า...
คฤหาสน์หลังนี้ใหญ่มากกินพื้นที่ไปหลายสิบไร่ มีห้องนอนชั้นบนสามห้อง แต่ห้องของคุณตาคุณยายแยกไปอีกปีกของบ้าน ส่วนห้องของเธอกับอีกห้องอยู่ติดกัน ก็แปลกดีนะทำไมออกแบบมาเแปลกๆ ก็ไม่รู้ หญิงสาวสะบัดหัวไล่ความสงสัย สงสัยไปก็เท่านั้นเพราะยังไงเจ้าของบ้านเขาคงคิดว่าดีแล้วถึงออกแบบมาแบบนี้
“ลั้ลล้า..ลั้ลล้า..กระจกวิเศษเอ๋ยใครงามเลิศในห้องน้ำนี้ ก็หนูคำสร้อยยังไงละค่าาาา..." เธอเข้าห้องน้ำไปพูดเล่นกับตัวเองไปพร้อมกับถอดผ้าถุงออกแล้วสะบัดก้นไปมาเป็นจังหวะเพลงอยู่หน้ากระจกเงาบานใหญ่
ร่างบอบบางยืนบิดซ้ายที บิดขวาที สำรวจร่างกายตัวเอง พลางยิ้มเล็กยิ้มน้อยเพราะถึงเธอจะตัวเล็กแต่มันก็ดูสมส่วนตามมาตรฐานหญิงไทยอยู่
“อืม...จะว่าไปเราก็สวยนะเนี่ย นมก็ถือว่าโต เอวก็ถือว่าเล็กใช้ได้ ตูดก็งอนเด้งดึ๋ง เด้งดึ๋ง อูยยย...น่ากินนะเราอ่ะ คิกคิก” เธอจับหน้าอกตัวเองแล้วหัวเราะคิกคัก ก่อนจะหันกลับมาที่อ่างจากุซซี่สุดหรูหรา
“เธอเป็นใคร?”
“...!!!...”
“อยากให้ฉันกินก็เข้ามาสิ...”
“กรี้ดดดดดดดดด!!!!”
------------------------------------