ว่าแล้วว่าเขาต้องได้เห็นหน้าภายในสิบนาที ซึ่งเขาก็รออยู่ก่อน นั่งอยู่ตรงโต๊ะไม้ที่ใช้รับแขกและคุยงานจะได้เห็นว่าใครผ่านไปผ่านมา
เดินหน้าบึ้งหน้าบูดมาไม่ต่างจากเมื่อเช้า
"ทำไมต้องโอนเงินมาให้พริกอีกด้วยคะ เป็นแค่ผู้ใหญ่บ้านรวยขนาดนั้นเลยหรือไงทำไมถึงได้เทียวแจกชาวบ้านเขาไปทั่ว"
"อาไม่ได้แจกคนอื่นสักหน่อย"
ทศวรรษลุกไปหาคนที่ทำหน้าไม่สบอารมณ์ เดินฝ่าแดดร้อนๆ ไปมาจนหน้าใสเปลี่ยนเป็นสีชมพู
เพราะพริกหวานขาวมาก โดนแดดนิดๆ หน่อยๆ ก็ตัวแดงแล้ว
"อาเปย์เมีย"
"เลิกเรียกพริกว่าเมียสักทีเถอะค่ะ พริกอาย"
เอามือกอดอกแล้วมองเมินไปทางอื่น ทุกครั้งที่ได้ยินเธอก็ใจเหลวไปหมด แต่ครั้งนี้ไม่ คำว่า 'เมีย' ของอาทศที่ให้เธอมามันไม่ศักดิ์สิทธิ์อีกต่อไปแล้ว
"งอนที่อาต้องออกไปช่วยลูกบ้านน่ะเหรอ อาเป็นผู้ใหญ่บ้านนะพริก เมื่อลูกบ้านเดือดร้อนอาก็ต้องรีบไป"
เธอเข้าใจ ไม่งั้นจะอยากเป็นเมียผู้ใหญ่บ้านไปทำไม แต่งอนที่เขาดูแต่ใจคนอื่นแล้วไม่ดูใจเธอ อาทศทำเหมือนเธอเป็นคนอื่นชัดๆ ไม่ใช่เมีย
"พริกแค่เอาเงินมาคืน อาไม่ต้องอธิบายอะไรทั้งนั้นค่ะ"
"อาให้แล้วไม่รับคืน"
"อาทศ!"
"อาให้เมีย"
"เลิกเรียกพริกแบบนั้นนะ!"
"เมีย"
พริกหวานทนไม่ไหวเดินไปกัดอกคนตัวสูงเต็มแรง
ทศวรรษนิ่วหน้าเพราะเจ็บ แต่ไม่คิดห้าม อยากกัดก็กัดมาถ้ามันทำให้พริกหวานหายโกรธเขา
นานจนพริกหวานเงยหน้าขึ้นมองเอง
"กัดเถอะ เอาที่พริกหายงอนอาค่อยพอ ถ้าไม่พอไม่ต้องหยุดนะ"
มองลงบอก พร้อมประคองแผ่นหลังอีกคนเอาไว้ด้วยไม่ให้พริกหวานล้ม แต่กลายเป็นพริกหวานเองที่ค่อยๆ ปล่อยออกพร้อมน้ำตาไหลอาบแก้มลงมา
ผละออกแล้วปล่อยหมัดหนักทุบซ้ำลงที่อกเขาแทน มันเจ็บใจที่อาทศไม่ตำหนิเธอเลยสักครั้ง กลับกันเขายังใจเย็นมากทั้งที่เธอร้อนเหมือนไฟ
มันอยากให้เขาปะทะ อยากให้เขาใช้คำพูดแรงๆ เธอจะได้เลิกเอาแต่ใจตัวเองสักที
ทศวรรษเขยิบเข้าไปรวบอีกคนมากอด พริกหวานสะอื้นไห้ตรงอกเขา
"พริกมันหมาบ้าใช่ไหมคะ ทำนิสัยไม่ดีกับอาอีกแล้ว"
"พริกทำได้ ถ้าพริกรู้สึกว่าอาไม่ได้ดั่งใจพริกก็ทำเลย"
ยิ่งเขาเอ่ยแบบนั้นเธอยิ่งร้องไห้หนัก ยิ่งเขาตามใจเธอก็ยิ่งรู้สึกผิดมากขึ้นทุกที
"พริกจะกลับบ้าน"
พยายามผลักอีกคนออกห่าง ทว่าทศวรรษกลับไม่ยอมปล่อย
"อยู่กินข้าวกับอาก่อน อาจะทำต้มปลาให้กิน"
"ไม่กินค่ะ พริกไม่หิว"
"กินเถอะ ไปนั่งดูอาทำปลาเร็ว"
ทศวรรษเปลี่ยนเป็นอุ้มคนตัวเล็กขึ้นในท่าเจ้าสาวแล้วนำไปวางบนเก้าอี้ สองมือเช็ดน้ำตาออกให้ก่อนจะกดจมูกลงที่ศีรษะหอมๆ
"นั่งรออยู่นี่นะเดี๋ยวอารีบทำ"
นวดแขนนวดขาเพื่อปลอบประโลมแล้วผละออกไปหยิบเขียงไม้ที่ใช้สำหรับขอดเกล็ดปลาวางบนพื้น หยิบตั่งไม้มานั่ง พร้อมกับมีดในมือ
จับปลาช่อนมาทุบหัวแล้วจับปาดคอ ก่อนจะใช้มีดขอดเกล็ดด้วยความชำนาญ
พลิกตัวปลาทั้งสองข้างเพื่อดูความสะอาด จับหงายท้องแล้วขอดเกล็ดซ้ำ ตบท้ายด้วยการเอาน้ำมาราดล้างตัวปลา ก่อนจะควักไส้มันออกโดยการใช้มีดผ่าท้องแล้วเอามือดึงออก
ค่อยๆ เงยหน้าขึ้นมองเมื่อผ่านไปสิบนาทีแล้วแต่ไม่ได้ยินเสียงพริกหวานเอ่ยอะไรสักคำจนแอบกังวลว่าอีกฝ่ายจะย่องหนีกลับบ้านไปแล้ว
จากที่มันเสียใจอยู่ดีๆ หายเป็นปลิดทิ้งเมื่อได้มองตัวปลา
อู้หูวววววว! ปลาตัวล่างว่าใหญ่แล้ว แต่ปลาตัวบนนี่สิ อีพริกหวานแทบคลั่ง!
อาทศรั้งกางเกงขึ้นแล้วนั่งถ่างขา ส่งผลให้ไอ้ที่ซ่อนอยู่ด้านในขึ้นรูป ยาวพาดไปทางฝั่งซ้ายของเป้ากางเกง
มองลงที่แขนของตัวเองแล้วส่ายหัว
มองที่ขาอีกที ก่อนจะพยักหน้าออกมา
โอ้โห! มันใหญ่เท่าขาของเธอเลย มันหวนให้เธอนึกถึงเพลง 'ปลาค่อใหญ่' ขึ้นมาทันที
"เช็ดน้ำลายหน่อยพริก"
มือเรียวยกขึ้นปาดมันออก ส่วนตามองไม่กะพริบ
"เช็ดเลือดกำเดาด้วย"
พริกหวานละสายตาออกจากปลาค่อใหญ่ตัวนั้นแล้วมองหน้าคนที่เป็นต้นเหตุของเสียง ก่อนจะใช้หลังมือปาดตรงจมูกออกดู
ไม่มี!
"อาทศ!"
พริกหวานหน้ามุ่ยที่เขาแกล้งเธอ
"ก็ใครใช้ให้คิดทะลึ่งกับอาตอนนี้"
พริกหวานหน้างอ นั่งเอามือกอดอกแล้วหันข้างให้
ทศวรรษล้างทำความสะอาดปลาเรียบร้อยแล้วจึงเดินมาหอมแก้มนุ่ม
"แต่ก็ไม่เป็นไรนี่ เมียอยากคิดหื่นกับผัวจะเป็นอะไรไป"
"อาทศ!"
นี่ไง ทำใจเธอเหลวอีกแล้ว เรียกเธอว่า 'เมีย' แทนตัวเองว่า 'ผัว' อดไม่ได้จับหมับเข้าที่เป้ากางเกงของอีกคนแล้วบีบไข่เต็มแรง
"โอ๊ยพริก!"
ทศวรรษหน้านิ่ว จุกจนตัวงอ พยายามดึงมือเรียวออกห่างทว่าพริกหวานกลับไม่ปล่อย
สีหน้าของหญิงสาวตอนบีบลูกชายเขา พริกหวานทำเหมือนสะใจมาก
เขาจึงจั๊กจี้ตรงรักแร้ของเธอจนพริกหวานยอมคลาย
"อาทศ! แกล้งพริกเหรอ"
พริกหวานถามอย่างไม่พอใจ
"ถ้าใช้งานไม่ได้ขึ้นมาจะทำไงพริก"
"สมน้ำหน้า มีแล้วไม่อยากใช้ก็ทำให้มันเป็นหมันไปเลยค่ะ"
ทศวรรษมองอีกคนตั้งแต่หัวจรดเท้าด้วยความมันเขี้ยว
เดี๋ยวเถอะ!
เดี๋ยววววว
เดินไปค้างหม้อใส่น้ำเปล่าแล้วนำขึ้นตั้งไฟ ก่อนจะเดินไปสับเอาข่า ตะไคร้ที่ปลูกเอาไว้ในพื้นที่ เด็ดใบมะกรูดมาด้วย แวะเก็บผักชีลาวและใบแมงลักเอามาใส่ปิดท้ายจะได้หอมๆ
เดินกลับมาล้างสมุนไพรก่อนจะเอาลงใส่ในหม้อ รวมทั้งมะขามเปียกเท่านิ้วโป้งมือ รอจนน้ำเดือดอีกทีก็ใส่ปลาที่ล้างทำความสะอาดด้วยผลมะกรูดจนหมดความคาว
รอน้ำเดือดอีกครั้งตักฟองในหม้อออก น้ำต้มปลาจะได้ใสๆ น่ากิน
จัดการปรุงรสด้วยเกลือ น้ำปลา ผงชูรสเพียงเท่านี้
ชิมรสชาติได้ที่จึงรอให้น้ำเดือดอีกที ตักฟองออกอีกรอบเป็นอันเสร็จสิ้น ได้รสชาติของความนัวและหอมสมุนไพร มีความเปรี้ยวติดมานิดๆ ทุบพริกสดลงไปปิดท้ายแล้วปิดแก๊สทันที
ชงพริกน้ำปลาในถ้วยใบเล็กแล้วบีบมะนาวเพิ่มลงไปด้วย โรยด้วยต้นหอมและผักชีฝรั่งสักหน่อย
ยกมาเสิร์ฟคนสวยที่นั่งรอตั้งแต่แรกเริ่ม พอพริกหวานเห็นต้มปลาในถ้วยกับแจ่วพริกน้ำปลาถึงกับร้องว้าว อาทศทำอาหารได้น่ากินมาก
ทศวรรษยกกระติบข้าวเหนียวมาเปิดออก เขาไม่ได้อุ่นอีกครั้งเพราะเพิ่งนึ่งไปตอนเที่ยง ข้าวยังนุ่มกินได้อร่อยเหมือนเดิม ลำพังต้มปลาก็ร้อนมากพอแล้ว
ลุกเดินไปเอาจานใบหนึ่งมาตักชิ้นเนื้อปลาแยกออกมาจะได้หายร้อนไวๆ ก่อนจะใช้ช้อนแกะออกให้
"กินนี่ค่อยไม่ร้อน"
พริกหวานอมยิ้มแก้มแทบปริ ที่งอนอาทศมานั้นหายทั้งหมดเลย
ไม่ใช่แค่ให้ปลาหายร้อน แต่ส่วนที่อร่อยที่สุดของปลาช่อนอย่างไข่ของมันอาทศก็ยกให้เธอ
ลุกเดินไปนั่งลงเก้าอี้ตัวข้างๆ สองแขนโอบกอดเอวสอบแล้ววางศีรษะสวยซบลงไปกับไหล่แกร่ง
ผัวที่เธอใฝ่ฝัน อบอุ่น ใจเย็น ที่สำคัญทำกับข้าวเป็น แถมส่วนไหนอร่อยยังยกให้เมียกิน
โชคดีของอีพริกหวานจริงจริ๊งที่ได้มารู้จักอาทศ แต่เมื่อไหร่จะถึงคิวโชคดีของจิ๋มสักทีน้อ..
รอ ร๊อ รอ วันได้กินปลาค่อใหญ่และพวงไข่ของคนทำอยู่นะอิ๊อิ๊