หลังกินข้าวอิ่ม บุหรี่ในซองถูกเคาะออกมามวนนึงก่อนจะใช้ปากคาบ แต่พอนึกอะไรบางอย่างได้ทศวรรษกลับดึงมันออกแล้วโยนทิ้งลงถังขยะทั้งซอง
เดินไปหาน้ำหวานในตู้เย็นออกมาดื่ม แล้วเข้าไปหาพริกหวานในห้อง ก็เห็นอีกคนนอนดูทีวี
"อาทศมานอนกับพริกค่ะ"
มือเรียวอ้าออกให้อีกฝ่ายเดินมาหา ทว่าทศวรรษกลับส่ายหัว แต่พอเห็นพริกหวานหน้าบึ้งจึงเดินไปนั่งลงด้านหน้า พริกหวานก็เอาแขนตวัดรัดรอบเอวเขามาทันที
"โซฟาตัวนิดเดียวจะให้อานอนยังไง"
"อาก็ขึ้นมาคร่อมพริกสิคะ"
คร่อมไปคร่อมมาอาทศต้องอยากเสียบเธอบ้างแหละ
จากนั้นก็...เริ่มบรรเลงบทรักกันต่อเลย อิอิ
ทศวรรษมองคนที่พูดจาสองแง่สองง่ามก่อนจะส่ายหัวออกมา แต่ละคำที่พ่นออกมาก็คือทะลึ่งตึงตังทั้งนั้น
พริกหวานย้ายศีรษะมาด้านหน้าแล้วยกขึ้นหนุนขาแกร่งแทน ทศวรรษจึงเขยิบเอาแผ่นหลังพิงพนักโซฟา
แขนแกร่งถูกสองมือเรียวจับให้โอบช่วงไหล่ของเธอเอาไว้ ขณะที่พริกหวานก็นอนดูทีวีไป
สิ่งที่ทำให้เจ้าของบ้านสนใจมากกว่าทีวีก็คือขาขาวๆ ที่โผล่พ้นออกมาจากกางเกงขาสั้นสีดำยาวสองคืบ ดูแต่งตัวมาบ้านผู้ชาย
เอื้อมมือไปหยิบเสื้อแขนยาวมาคลุมให้
พริกหวานเงยหน้าขึ้นมอง
"ทำไมคะ ถ้าอาทศหิวก็ทำได้นะคะ"
ทศวรรษส่ายหัว
"เพิ่งกินข้าวอิ่มเดี๋ยวจุก"
"งั้นเราย่อยแล้วทำกันเลยนะคะ"
"ทำไมถึงมีแต่เรื่องพวกนี้ในหัวนะ"
มือหนานวดลงตรงขมับของพริกหวาน พอลงน้ำหนักนานๆ หญิงสาวร้องโอดโอยออกมา
"อื้อเจ็บนะคะ!" ก่อนจะกัดมือเขากลับไปเพื่อทำโทษ
ทศวรรษนิ่วหน้า ทว่ายอมทนให้พริกหวานทำตามอำเภอใจ พอขึ้นรอยแดงมือเรียวกลับลูบไล้แล้วเงยหน้าขึ้นมองเขา
"เจ็บไหมคะ"
"โดนกัดก็ต้องเจ็บอยู่แล้ว"
"แล้วทำไมอาไม่บอกให้พริกหยุดคะ"
"ถ้าพริกไม่อยากให้อาเจ็บตัวพริกจะไม่ทำตั้งแต่แรก"
หญิงสาวรู้สึกผิด คำพูดคำจาของคนที่โตเป็นผู้ใหญ่แล้วก็แบบนี้สินะ ไม่ได้ตำหนิ แต่สอนให้เธอรู้ว่าอะไรควรทำ อะไรไม่ควรทำ
แทนที่จะดุแต่กลับใช้คำพูดที่ดูซอฟต์ลง แต่ถึงอย่างนั้นก็เถอะ เธอก็รับรู้ว่าตัวเองทำผิดอยู่ดี
"จะกลับตอนไหนเหรอโอ๊ย!"
คราวนี้คนโดนกัดเข้ามาแรงกว่ารอบแรกเผลอร้องเสียงหลงออกมา
"กัดอาทำไมพริก!"
"ก็ใครให้ถามแบบนี้คะ อาทศกำลังไล่พริกอยู่รู้ตัวไหม"
กำลังรู้สึกผิดอยู่แท้ๆ แต่อีพริกหวานไม่อยากเห็นใจอาทศแล้ว อยู่ดีๆ มาไล่เธอกลับบ้านได้ยังไง
"หายจากบ้านมานานพ่อแม่เราจะถามหาเอาได้ แล้วยิ่งพริกมาอยู่ที่บ้านของอานานๆ เกิดมีใครมาเจอเข้าจะว่ายังไง"
"ช่างหัวมันค่ะ"
"พูดไม่เพราะ"
พริกหวานลุกขึ้นจากโซฟาอย่างรวดเร็วแล้วนั่งคร่อมตักแกร่งพร้อมกัดปากตัวเองเซ็กซี่ มองใบหน้าคมคายอย่างมีเลศนัย สองแขนโอบรัดรอบคอของเขาเอาไว้แล้วดึงตัวเองเข้าใกล้
"ลงโทษพริกเลยไหมคะ"
"เรื่องอะไรครับ"
"เรื่องที่พริกพูดไม่เพราะไงคะ ต่อไปหากพริกพูดอะไรที่ไม่เข้าหูอา อาก็ลงโทษพริกได้เลยนะคะ กระแทกมาแรงๆ ได้เลยค่ะ"
สะโพกสวยบดคลึงเจ้าลูกชายของอาทศให้เขารู้ว่าเธอหมายถึงที่ตรงไหนที่เขาสามารถลงโทษเธอได้
เอาให้เธอเดินขาถ่าง หรือนอนโรงพยาบาลสักสามวันเจ็ดวันไปเลยเป็นไง
อยากรู้ว่าอาทศน่ะไหวไหม ถ้าไหวก็ทำมาเธอพร้อมรับมือ สัญญาจะไม่โทษอาทศสักนิดเลย
"ไม่ล่ะ พริกไม่ได้พูดอะไรผิดขนาดนั้น"
ทศวรรษจับสะโพกสวยให้หยุดขยับ พยายามจะยกอีกคนลงแต่พริกหวานกลับติดหนึบ
"ถ้าไม่อยากลงโทษก็กินพริกหน่อยสิคะ พริกอยากให้อากินค่ะ"
ทศวรรษส่ายหัว
"อายังไม่หิว"
"งั้นให้พริกกินลูกชายอาทศหน่อยนะคะพริกหิว"
ดันตัวเขาให้เอนหลังไปแล้วเลิกเสื้อยืดสีขาวของเขาขึ้นอย่างรวดเร็ว โน้มใบหน้าลงไปตวัดเลียยอดอกสีชมพูจนมันแข็งเป็นไต
ฮื่อออ อาทศเป็นคนผิวสองสีแต่กลับมียอดอกสีชมพูเฉย
แล้วด้านล่างล่ะ จะชมพูด้วยมั้ย
อ๊ายยยย!!!
ต้องชมพูแน่ๆ
"พะ..พริก!"
ทศวรรษบีบระบายความเสียวซ่านไปกับสะโพกอวบ พอพริกหวานดูดดุนเขาหลับตาพริ้มลง
กัดฟันตัวเองจนเส้นเลือดปูดขึ้นตามขมับ อาวุธคู่กายด้านล่างเริ่มขยายเหยียดยาว
พริกหวานรับรู้ได้ว่าอาทศของเธอเครื่องติดแล้ว มือเรียวข้างหนึ่งปล่อยจากเสื้อมาป้วนเปี้ยนตรงกระดุมกางเกงก่อนจะรูดซิปลงช้าๆ
มือล้วงเข้าใต้กางเกงชั้นในสีขาวสัมผัสได้ถึงเส้นขนนุ่ม
'ผู้ใหญ่ทศ!'
ทศวรรษลืมตาพรึบขึ้น อุ้มพริกหวานลงไปนั่งที่โซฟาอย่างรวดเร็วแล้วรีบวิ่งออกจากห้องไป ก็เจอลูกบ้านตัวเองมาด้วยอาการตื่นตระหนก
"มีอะไรเขียว!"
ถามคนอายุน้อยกว่าเขาครึ่งนึง แถมยังเป็นหูเป็นตาช่วยเขาด้วย
"ไอ้แจ๊สมันอาละวาดครับ"
"ไปๆ!"
"เดี๋ยวครับ!"
"ว่า"
"รูดซิปก่อนไหมครับพ่อผู้ใหญ่"
เขียวเกาหัวตัวเองยิกๆ แหม..เป้าตุงมาเชียว
ทศวรรษมองลงที่กางเกงของตัวเองทันที ก่อนจะรีบรูดซิปกลับขึ้นพร้อมติดกระดุมกางเกงเข้า
พริกหวานนะพริกหวาน ทำเรื่องขายหน้าให้เขาแล้ว!
"ขอโทษที่มาขัดจังหวะนะครับพ่อผู้ใหญ่ แต่มันจำเป็นจริงๆ ครับ"
ก็ใครจะไปรู้ล่ะว่าผู้ใหญ่ทศที่เพิ่งหย่าเมียได้ไม่ถึงอาทิตย์กลับหาของแซ่บมากินต่อซะแล้ว
แหม..พ่อผู้ใหญ่บ้านหมู่สิบสองของเรานี่ก็แซ่บไม่เบาเหมือนกันนะเนี่ย เลขห้าแล้วแต่ยังบริหารเอวไม่มีพัก อิอิ
"ไปๆ"
ทศวรรษพยายามไม่สนใจคำแซวทั้งที่หน้าแดงไปแล้ว แต่เขาไม่มีเวลามาอายเพราะชีวิตลูกบ้านสำคัญกว่า
พอมาถึงบ้านที่เกิดเหตุก็ได้ยินเสียงเอะอะโวยวายมาจากข้างบนบ้าน และตัวต้นเหตุกำลังจับข้าวของที่มีอยู่โยนลงมาด้านล่าง ส่วนผู้เป็นเมียถูกชาวบ้านกันตัวออกมา นั่งกอดลูกน้อยร้องไห้
"เกิดอะไรขึ้นละไม"
คนเป็นเมียไม่พูด เอาแต่สะอื้นไห้มองผัว
"เกิดอะไรขึ้นเขียว"
"ไอ้แจ๊สมันเมายาครับ"
"แจ้งตำรวจหรือยัง"
"เมียมันไม่ให้แจ้งครับ"
"ทำไมล่ะละไม"
ผู้ใหญ่ทศมองลงที่เมียของแจ๊สอย่างไม่เข้าใจ ผัวเมายาอาละวาดหนักขนาดนี้ทำไมยังไม่แจ้งตำรวจอีก หรือต้องรอให้มันฆ่าตายก่อน
"ถ้าพี่แจ๊สเข้าคุกแล้วใครจะหาเลี้ยงเราสองแม่ลูกคะ"
ถึงผัวเธอจะเสพยา แต่เขาก็หาเลี้ยงครอบครัว มีนานๆ ครั้งที่คลุ้มคลั่ง แต่ก็ไม่เคยทำร้ายครอบครัว มีแต่ลงมือกับข้าวของเครื่องใช้
"แต่ปล่อยเอาไว้แบบนี้สักวันหนึ่งเราจะโดนเองนะ ไม่แน่ชาวบ้านแถวนี้ก็ต้องเดือดร้อนไปด้วย"
"อย่าเลยค่ะพ่อผู้ใหญ่ ละไมขอล่ะ ไม่งั้นเราสองแม่ลูกจะเอาเงินที่ไหนกินที่ไหนใช้คะ"
เธอเพิ่งคลอดลูกมาได้เดือนเดียวมันไม่สามารถไปทำงานที่ไหนได้ ก็ต้องอาศัยผัวหาเลี้ยง
ผู้ใหญ่ทศหมดความจะพูด คนที่เป็นเสาหลักของบ้านดันมาติดยา
"ติดขัดเรื่องเงินใช่ไหม"
ละไมพยักหน้า
"เดี๋ยวฉันดูแลเอง เขียวโทรแจ้งตำรวจ ถ้ามันไม่หายไม่ต้องให้ตำรวจปล่อยมันออกมานะ"
"ครับพ่อผู้ใหญ่"
เขียวรีบโทรแจ้งตำรวจทันที ภายในเวลาไม่ถึงสิบนาทีตำรวจมากันหนึ่งคันรถ พร้อมเข้ามาควบคุมสถานการณ์ได้จนสำเร็จเพราะแจ๊สไม่ได้มีอาวุธทำร้ายใคร
ทำให้ลูกบ้านที่มามุงต่างพากันทยอยกลับบ้าน เหลือเพียงละไม ผู้ใหญ่ทศ เขียว และลูกบ้านคนอื่นที่เป็นผู้ชายอีกสี่คน
"ไอ้แจ๊สมันหาให้ใช้วันละเท่าไหร่"
เปิดประเด็นถามเลย อะไรแก้ได้ตอนนี้แก้ไขไปก่อน
"วันละร้อยค่ะ"
"ฉันให้เดือนละหมื่น"
ผู้ใหญ่ทศควักเงินออกจากในกระเป๋ากางเกงออกมานับ เป็นเงินสดส่วนหนึ่งที่กดไปเที่ยวร้านคาราโอเกะเมื่อคืนเอายื่นให้ละไมไป
ฝ่ายนั้นรีบไหว้พร้อมรับเงินด้วยสองมือก่อนจะปาดน้ำตา
"ขอบคุณพ่อผู้ใหญ่มากเลยนะคะ บุญคุณครั้งนี้ละไมจะไม่มีวันลืมเลยค่ะ"
ทศวรรษพยักหน้า
"ทุกวันที่หนึ่งไปหาฉันที่บ้านนะ บางทีฉันอาจลืม ไม่ต้องเกรงใจ"
วางมือบนบ่าลูกบ้านให้สบายใจในเรื่องนี้
"ส่วนไอ้แจ๊ส ให้มันหายดีก่อนค่อยให้มันกลับมา เดี๋ยวฉันตามเรื่องเอง แต่ถ้ามันออกมาแล้วทำเหมือนเดิมอีกฉันก็จำเป็นต้องให้ตำรวจมาลากมันไปอีก ละไมเข้าใจด้วย เพราะไม่ใช่แค่ละไมกับลูก ชาวบ้านคนอื่นๆ เขาก็กลัว"
"ค่ะพ่อผู้ใหญ่ ละไมเข้าใจค่ะ ขอบคุณพ่อผู้ใหญ่มากๆ นะคะ"
ทศวรรษพยักหน้าก่อนจะวางมือลงบนศีรษะเด็กน้อยที่เพิ่งคลอดแล้วนึกเวทนา แต่ไม่ขอพูดอะไรมากไปกว่านี้เดี๋ยวมันกระทบใจเปล่าๆ
ใครเรียนผูกก็ต้องเรียนแก้ ในเมื่อละไมปล่อยให้ตัวเองท้องทั้งที่ครอบครัวลำบากก็ต้องดูแลลูกและตัวเองไป ส่วนเขาช่วยได้เท่าที่ช่วย
หันไปบอกเขียวและลูกบ้านคนอื่นๆ ช่วยเก็บของของละไมกลับขึ้นบนบ้าน
พอไม่มีอะไรแล้วผู้ใหญ่ทศจึงเดินกลับบ้าน คุยอะไรกับเขียวมาตลอดทาง ก่อนแยกกันควักตังค์ให้เขียวไปพันนึงสำหรับค่าเป็นหูเป็นตาช่วย และอีกสองพันให้คนที่ช่วยขนของขึ้นบ้านของละไมเอาไปแบ่งกัน
"ฝากไปให้คนที่เหลือด้วยเขียว"
"ครับพ่อผู้ใหญ่ แล้วนี่จะกลับไปกินของแซ่บต่อเลยไหมครับ"
".."
"อะ..อ๋อ..กินไม่กินก็เป็นเรื่องของผู้ใหญ่เนอะ ผมไปแล้วครับ"
เขียวรีบวิ่งกลับหลังทันทีไม่งั้นเดี๋ยวโดนถีบมา
ทศวรรษเดินเข้าบ้าน ตรงไปยังห้องพักผ่อนด้านล่างที่เขาเพิ่งออกมาเมื่อหนึ่งชั่วโมงก็เจอพริกหวานนั่งหน้าบึ้งมองมา