“ฉันพูดชัดแล้วนะ ขอตัวก่อน”
“พี่...ถ้าพี่ไม่ให้โอกาสหนูแย่แน่เลยว่ะ”
“ฉันไม่รู้ว่าใครจะแย่หรือไม่แย่ ฉันรู้แค่...ไม่ใช่ความรับผิดชอบของฉัน”
“...” เขาเดินไปแล้วค่ะ พูดจบก็เดินไปเลย
ใจร้ายว่ะ จี๊ดหัวใจมากเลยที่วันนี้ได้รับคำพูดแย่ ๆ เป็นพลังลบจากคนอื่นหลายรอบ แต่พอคิดอีกมุมเขาก็เด็ดขาดดี ถึงจะโกรธที่ได้ยินแต่คิดให้ดีมันก็ไม่ใช่ความรับผิดชอบของเขาจริง ๆ นั่นแหละ
เฮ้อ~
ฉันเดินคอตกกลับไปที่รถ ขอนั่งตั้งสติก่อนแล้วค่อยกลับคอนโดที่ไม่รู้ว่าถึงคอนโดแล้วจะนอนหลับไหมเพราะรู้ดีว่าพรุ่งนี้ต้องเจออิทธิฤทธิ์ของป้ามหาภัยพ่นใส่
ตื๊ดดดด ตื๊ดดด
...แฟนคุณพ่อ
“...”
ติ๊ด!
“ค่ะคุณแม่” ^^
ฉันกดรับสายวีดีโอคอลของคุณแม่ที่โทรหาเกือบทุกวัน
(ทำอะไรจ้ะสาวน้อย)
“เซย์มาทำธุระเรื่องงานค่ะ เพิ่งเสร็จกำลังจะกลับ”
(ฝึกงานเหนื่อยไหมลูก)
“ไม่ค่ะ สนุกดี” ^^
ฉันโกหกแบบนี้ทุกครั้งที่ท่านถามแหละ ไม่อยากบ่นให้ฟังแม้แต่เล็กน้อยต่อให้ในใจจะกดดันกับเรื่องเส็งเคร็งแค่ไหนก็ตาม คุณแม่อยู่ไกลถึงยุโรปไม่อยากทำให้ท่านเป็นห่วง
(ดีแล้วลูก แต่ถ้ามีเรื่องอะไรไม่โอเคก็บอกแม่นะจ้ะคนเก่ง)
“ได้เลยค่ะ คุณพ่อล่ะคะ”
(ทำงานจ้ะ เหมือนเดิมนั่นแหละ)
“งานเยอะขนาดนี้ท่านทูตมีเวลาสวีทกับภริยารึเปล่าคะ”
(ฮ่า ๆๆ มีสิจ้ะ โอเคแม่ไม่กวนแล้วเดี๋ยวจะไปชงชาให้คุณพ่อก่อน พักผ่อนเยอะ ๆ นะลูก ฝึกงานเรียบร้อยแล้วรีบมาหาคุณพ่อกับแม่นะจ้ะ)
“ได้เลยค่ะ จะไปอยู่ยุโรปสักสองปีเลยค่ะ”
(ฮ่า ๆๆ ขอให้อยู่ได้ถึงเดือนเถอะยัยตัวแสบ)
^^
“เซย์รักคุณแม่นะคะ”
(จ้ะ แม่ก็รักหนู คุณพ่อด้วยนะ)
“ค่ะ” ^^
ติ๊ด!
คุณแม่กดวางสายไปแล้วรอยยิ้มที่เคยมีของฉันก็ค่อย ๆ จางหายไปแล้วน้ำตาก็คลอออกมาแทน คิดถึงคุณพ่อกับคุณแม่ อยากไปกอดท่าน กดดันกับการฝึกงานจนแทบบ้าตายอยู่แล้ว
“เฮ้อ~”
ชีวิตมันเศร้าอยากได้เหล้าขม ๆ ร้านเหล้าอยู่เบื้องหน้าก้าวขาไม่กี่สิบก้าวก็ได้ดื่มแต่คงไม่เข้า...
ก๊อก ๆๆ
ขวับ!
“ไอ้เซย์! พี่ว่าแล้วว่าต้องเป็นแกจริง ๆ ด้วย” ฉันหันไปมองตามเสียงเคาะกระจกรถแล้วก็ตกใจแทบบ้าที่เห็นเป็นพี่แฟรงค์กับ...เมียของเขา ยืนอยู่ข้างรถ
นี่มัน...เชี่ยอะไรนักหนาเนี่ย! T^T
ครืด~
“หวัดดีพี่แฟรงค์...สวัสดีค่ะ” ฉันทักทายรุ่นพี่คนสำคัญแล้วก็ทักทาย...เมียของเขา ด้วยเสียงที่สุภาพและแน่นอนว่าซ่อนความเจ็บปวดเอาไว้ ผู้หญิงคนนี้ไม่รู้ว่าฉันคิดยังไงกับคนของเธอ รู้แค่ฉันเป็นรุ่นน้องมั้งเลยยิ้มทักทายด้วยความเป็นมิตรมาก ๆ
“สวัสดีค่ะ”
“มาเที่ยวเหรอหรือว่ามาหาเฮีย” ยะ ยังจำเรื่องวันนั้นได้อีกเหรอถึงถามแบบนี้ แต่จะว่าไปใครมันจะไปลืมวะ
“คือ... / เออ ๆๆ ถ้างั้นเข้าไปพร้อมกันเลยมาเฮียจะได้ไม่ต้องลงมารับมา ๆๆ ดับรถเลย” ฮะ?
“เซย์... / เร็วเลยวันนั้นก็ไม่ได้คุยกัน” พี่แฟรงค์ไม่พูดเปล่าแต่เอื้อมมือมากดปุ่มดับเครื่องยนต์ของฉันด้วย
ฉัน...ทำยังไงดีวะ
ฉันมองหน้าพี่แฟรงค์แล้วก็มองหน้า...เมียของพี่เขา เฮ้อ~ เจ็บจี๊ด ชื่ออะไรวะจะได้เลิกเรียกว่าเมียของเขาให้ปวดตับปวดใจสักที นั่นแหละเธอคนนั้นมองหน้าฉัน ยิ้มให้เหมือนรอให้เข้าไปสนุกด้วยกันฉันยิ่งกดดัน แล้วที่กดดันมากกว่านั้นคือ...พี่แฟรงค์เปิดประตูรถฉันแล้ว
T^T
ฉันเลือกอะไรได้ไหม ทำไมฉันหาวิธีปฏิเสธไม่เจอเลย สมองฉันช็อตไปเลยค่ะ คิดอะไรไม่ออกไปดื้อ ๆ ทั้งที่ความจริงถ้าจะปฏิเสธมันก็คงทำได้อยู่แล้ว
“ไปกันเถอะค่ะ น้อง...น้องเซย์ใช่ไหมคะพี่แฟรงค์”
“ค่ะ” พี่แฟรงค์หันไปตอบแฟนเขาเสียงหวาน ดูรักกันดีจังคืนนี้ฉันต้องเผชิญสภาวะอกหักอีกรอบใช่ไหม เฮ้อ~
“พี่ปริมนะคะ วันนั้นไม่ได้ทำความรู้จักกันขอโทษด้วยนะ”
“ค่ะ” ^^
เอาวะ ไปก็ไป มาถึงขนาดนี้แล้วปฏิเสธยังไงล่ะในเมื่อคิดไม่ทันแล้ว
เฮ้อ~
ฉันลงจากรถแล้วเดินเข้าไปในผับชื่อดังจากด้านหลังเหมือนวันที่เดินออกมาพร้อมพี่แฟรงค์กับเมีย ไม่ ๆๆ เรียกแค่พี่ปริมก็แล้วกันจะได้ลดอาการปวดตับลงไปได้บ้าง
นั่นแหละเดินเข้ามาแล้วก็ไม่ได้ถูกพาไปหน้าร้านด้วยนะ เดินนำฉันขึ้นชั้นบนเลย ไม่ถามเลยสักคำว่าอยากขึ้ไปข้างบนหรือไปสนุกข้างในร้าน
พรุ่งนี้เซย์นิสจะไปทำบุญถวายโลงศพสัก 9 โลง เหมือนช่วงนี้ดวงจะไม่ค่อยดี หรือเผลอ ๆ ชะตาฉันอาจจะตกคนคอขาดเลยด้วยซ้ำมั้งถึงได้มีแต่เรื่องไม่น่ารักเกิดขึ้นกับชีวิต
พี่แฟรงค์กับพี่ปริมเดินนำมาแต่ไม่ได้ไปทางห้องทำงานของผู้ชายคนนั้นที่ฉันเคย...ค้าง หรอกนะคะ เดินขึ้นชั้นบนมานิดเดียวก็จะเจอโถงที่ตรงด้านหน้าเป็นกระจกบานใหญ่ วันนั้นฉันไม่ได้สังเกตแต่วันนี้เห็นชัดแล้วว่ามันมองลงไปข้างล่างที่เป็นบริเวณผับได้แถมยังวิวดีซะด้วยสิ แล้วไม่ใช่แค่ผนังกระจกบานใหญ่นะแต่ที่นั่งก็คือพร้อมนั่งดื่มสุด ๆ ไปเลย
“ตรงนี้วิวดีน้องเซย์เคยมานั่งดื่มรึยังจ้ะ” พี่ปริมหันมาถามฉันเลยรีบยิ้มบาง ๆ พร้อมส่ายหน้าตอบ
“ไม่เคยค่ะ” จะเคยได้ไงเพิ่งเคยมาครั้งนั้นเป็นครั้งแรกแถมยังนั่งอยู่ในร้านได้แป๊บเดียวก็ทนไม่ไหวต้องแอบไปนั่งอกหักเงียบ ๆ คนเดียวที่สวนแถวที่จอดรถ ผับที่ได้ชื่อว่าดีที่สุดของเมืองไทยในตอนนี้มันดีแค่ไหนยังสัมผัสได้ไม่ถึงห้าสิบเปอร์เซ็นต์เลย
“สาว ๆ นั่งสั่งเครื่องดื่มกับอาหารรอไปก่อนนะพี่เข้าไปเคลียร์งานกับเฮียแป๊บเดียว”
“ค่ะ” ^^
พี่ปริมตอบรับส่วนฉันไม่อยากสั่งอะไรเลยสักอย่าง อยากไปจากที่นี่เร็ว ๆ เดี๋ยวต้องหาจังหวะขอตัวแล้วค่ะ ขอไปเข้าห้องน้ำแล้วส่งข้อความเตี๊ยมให้อิ๊งค์มันโทรตามดีไหมนะ ดีแน่ ๆ ดีที่สุดเลยเซย์
ตึก ๆๆๆ
“อ้าวเฮีย กำลังจะไปหาพอดี”
ฮะ? พี่แฟรงค์ยังไม่ทันได้เดินถึงสามก้าวเลยเจ้าของที่นี่ก็เดินมาแล้วเหรอคะ ตาย ๆๆๆ เขาจะหาว่าฉันตื๊อเรื่องงานไม่เลิกไหมนะ T^T
“อืม กำลังจะลงไป...” เขาคุยกับพี่แฟรงค์แต่พูดไม่จบเขาก็ดันหยุดพูดก่อนซึ่งก็น่าจะเพราะเห็นสิ่งแปลกปลอมในบริเวณนี้อย่าง...ฉัน
^_^!
ฉันส่งยิ้มบาง ๆ ทักทายเขา ยิ้มบาง ๆ เก้อ ๆ ในขณะที่เขาขมวดคิ้วนิดหน่อยจากนั้นก็มองไปที่พี่ปริมเล็กน้อยแล้วก็มองกลับมาที่ฉันต่อ
อย่าเข้าใจผิดนะพี่ หนูโดนลากมา หนูไม่ได้ตั้งใจ หนูแค่นั่งตั้งสติไม่ได้คิดอยากจะขึ้นมาวอแวอะไรเลยจริง ๆ
ฉันคุยกับเขาในใจ พยายามส่งข้อความผ่านสายตาแต่... เฮ้อ~ ใครจะไปเข้าใจวะเซย์ คนรู้จักยังไม่ใช่แล้วจะมองตาจนรู้ใจได้ยังไง T^T
“ผมกับปริมเจอน้องที่ลานจอดรถพอดีเลยชวนขึ้นมาพร้อมกันน่ะเฮีย ไหนเฮียบอกว่าจะเข้ามาแป๊บเดียวไง นี่อย่าบอกนะว่า...นัดกันจะไปที่อื่น” พี่แฟรงค์คะ ได้โปรดอย่าคิดไปเองและคิดไปไกล T^T
เขาฟังพี่แฟรงค์พูดแต่สายตามองที่ฉันตลอด มองนิ่ง ๆ อ่านความรู้สึกไม่ได้เลย อย่าเงียบและนิ่งยิ่งกว่าเป่าสากหนักห้าตันแบบนี้สิ เครียดนะเนี่ย รู้ไหมว่าเครียด แต่ต้องรู้ใช่ไหมจ้องกันขนาดนี้ก็ต้องรู้สิ
“...อืม นัดเจอกันที่นี่เดี๋ยวจะออกไปข้างนอก” ไม่ว่าพี่เขาจะตามน้ำด้วยเหตุผลอะไรก็แล้วแต่ แต่ก็อยากขอบคุณนะเพราะจะได้ไม่ต้องนั่งดื่มกับพี่แฟรงค์และเมียนาน
“อ่อ ถ้างั้นดื่มกันก่อนสักนิดนะเฮีย ผมไม่ได้เจอไอ้เซย์มาตั้งห้าปีขออนุญาตทักทายน้องมันก่อน...ไม่ว่านะเฮีย” อย่าทำเสียงแอบแซวแบบนี้เลยพี่แฟรงค์ เฮียพี่เขาไม่ว่าหรอกระวังแต่แฟนพี่เถอะ ผู้หญิงลองแฟนทำตัวสนิทกับผู้หญิงอีกคนไม่ว่าจะในสถานะไหนถ้ามากไปก็ไม่มีใครชอบใจหรอกนะ ให้หนูเจ็บปวดคนเดียวเถอะอย่าให้แฟนพี่แอบคิดมากจนไม่สบายใจไปด้วยเลย
“เอาไว้วันหลังดีกว่าวันนี้มีธุระแล้ว ไปกันเลยไหม”
“ค่ะ” ฉันตามน้ำทันที ไปเลย ไปตอนนี้เลย
“แต่ผมยังไม่ได้เอาบัญชีให้เฮียตรวจเลยนะ รีบเหรอเฮีย”
“อืม เอาไว้บนโต๊ะเดี๋ยวกลับมาเคลียร์ ไปกันเถอะ” เขาพยักหน้าเรียก ส่งสายตากดดันมาให้ด้วยแต่ฉํนก็ไม่รอช้านะรีบลาพี่แฟรงค์กับพี่ปริมทันทีถึงแม้พี่แฟรงค์จะบ่นนิดหน่อยที่รีบไปกันมาก ๆ ก็ตาม
ฉันเดินตามหลังเขาจนกระทั่งออกมาจากหลังร้าน ไม่มีเสียงพูดคุยระหว่างเรามีแค่เสียงดังของบรรยากาศรอบ ๆ เท่านั้นจนกระทั่งออกมาห่างหลังร้านพอสมควรเขาถึงได้หยุดแล้วหันกลับมามอง
“นึกว่ากลับไปแล้ว” ดูเขาไม่ค่อยพอใจนะคะที่ฉันขึ้นไปพร้อมพี่แฟรงค์กับพี่ปริม ซึ่งจนถึงตอนนี้ฉันก็ยังไม่รู้เลยว่าเขากับพี่แฟรงค์เกี่ยวข้องกันแบบไหน แต่ช่างเถอะเรื่องนั้นไม่สำคัญเท่าตอนนี้หรอก
“ก็จะกลับนั่นล่ะค่ะแต่พอดีหนูนั่งคิดอะไรเรื่อยเปื่อยอยู่บนรถก่อน ไม่คิดว่าพี่แฟรงค์กับพี่ปริมจะตาดีมองเห็น”
“ไอ้แฟรงค์เลยชวน?”
“ใช่ แต่หนูไม่อยากขึ้นไปนะหนู... / ถ้าไม่ได้อยากขึ้นไปคราวหลังก็แค่ปฏิเสธ อย่าทำแบบนี้อีก จำไว้ว่าวันนั้น...เธอกับฉันแค่วันไนซ์สแตนด์”