ปริม / Prim
“ไงพี่”
“เออ เฮียล่ะ”
“ยังไม่มาเลยพี่ วันนี้น่าจะไม่เข้าเพราะเฮียเพิ่งลงเครื่องตอนหัวค่ำ”
“โอเค ไปกันค่ะที่รัก”
“ค่ะ” ฉันพยักหน้ารับแล้วยื่นมือไปจับมือคุณแฟนของฉัน ผู้ชายที่ไม่มีใครในผับนี้ไม่รู้จักเขาเพราะในผับชื่อดังที่ตอนนี้กล้าพูดได้เต็มปากว่าเป็นอันดับหนึ่งของประเทศไทยเขาใหญ่รองจากคนที่แฟนของฉันเพิ่งถามหาแค่คนเดียว
“วันนี้เพื่อนปริมมานะ ปริมนัดกันไว้รึเปล่าคะ”
“ไม่ได้นัดแต่สิบนาทีก่อนส่งข้อความถามปริมอยู่ว่ามากับพี่รึเปล่าแต่ปริมบอกว่าไม่มา”
“อ้าว ทำไมล่ะคะที่รักไม่อยากออกไปเจอเพื่อนเหรอ”
“ไม่ดีกว่าเพื่อนปริมชอบเกรงใจพี่อ่ะ เดี๋ยวก็ต้องลงบัญชีพี่แฟรงค์อีก”
“ฮ่า ๆๆ จะเป็นอะไรล่ะปริม เรื่องเล็ก”
“เหล้าขวดละตั้งหลายพัน เดือนที่แล้วเพื่อนปริมมาถลุงพี่แฟงค์ตั้งสองรอบปริมรู้นะว่าหมดเยอะ ไม่เอาอ่ะ ปริมหลบอยู่บนห้องทำงานพี่ดีกว่า” เสียดายถ้ารู้ว่าเพื่อนจะมาเร็วกว่านี้สักชั่วโมงฉันไม่ให้เขาไปรับหรอกนอนตีพุงอยู่คอนโดดีกว่า เสียดายจริง ๆ ทั้งที่วันนี้ฉันคิดว่า...ช่างเถอะ พลาดแล้วก็คือพลาดนอนเล่นโทรศัพท์ในห้องทำงานแฟนก็แล้วกัน
“เดี๋ยวก็เบื่อ”
“ถ้าเบื่อเดี๋ยวปริมเรียกรถกลับได้ พี่ไม่ต้องห่วงหรอกทำงานของตัวเองเลยค่ะ”
“ได้ไงที่รักอุตส่าห์มาทั้งที ลงไปสนุกกับเพื่อนเถอะน่าลงบัญชีพี่มันจะเป็นอะไรพี่ไม่ได้มีปัญหาซะหน่อย”
“ไม่เอาอ่ะ เกรงใจ หลายครั้งแล้ว”
“พี่รวยนะ”
“ไม่เกี่ยว ต่อให้พี่เป็นเจ้าของที่นี่ปริมก็ไม่มีทางให้เพื่อนมาถลุงบ่อย ๆ หรอก” ฉันคิดแบบนั้นจริง ๆ ถึงเขาจะเป็นผู้จัดการของที่นี่แถมเงินเดือนสูงมากก็ตามแต่มันไม่ใช่เรื่องที่จะต้องเลี้ยงเหล้าเพื่อนฉันบ่อย ๆ อยากมากินอยากมาดื่มเองก็ต้องจ่ายเองใช่ไหมล่ะ
“โอเค ๆๆ เอาตามที่ปริมของพี่สบายใจเลยค่ะ ถ้างั้นนั่งเล่นในห้องทำงานพี่นะ”
“ค่ะ” ^^
ฉันยิ้มตกลงแล้วเขาก็โอบเอวพาเดินไปส่งที่ห้องทำงาน แต่ก็นะ...เฮ้อ~ อดลงไปสนุกข้างล่างเลยเพราะเพื่อนมา แต่ไม่เป็นไรนั่งเล่นโทรศัพท์ดื่มเงียบ ๆ คนเดียวในห้องทำงานแฟนก็ได้ อย่างน้อยเจ้าของผับไม่อยู่ก็ถือเป็นเรื่องดีเหมือนกันเพราะฉัน...ไม่อยากอึดอัดใจ
เซย์นิส / Sheynnis
ตื๊ดดดด ตื๊ดดด
...อิ๊งค์
ติ๊ด!
“ว่าไงจ้ะคนไม่สวยถึงไหนแล้ว”
(เซย์ คือ...) ตอนแรกฉันรับสายอารมณ์ดีมากแต่เสียงอ้ำอึ้งของเพื่อนทำฉันกรอกตามองบนได้ง่าย ๆ
“คือ? อย่าบอกนะว่า?”
(...พี่บูมเขา)
“โอเค ๆๆ ไม่เป็นไรอิ๊งค์เดี๋ยวเราเที่ยวเผื่อ” ฉันรู้ว่าเพื่อนต้องกำลังอึดอัดใจและที่แน่ ๆ ไอ้นั่นต้องอยู่ข้าง ๆ คอยกำกับให้อิ๊งค์ปฏิเสธฉันแน่
(เซย์เรา...)
“ไม่เป็นไร ๆๆ เดี๋ยวเที่ยวเผื่อพรุ่งนี้เจอกันน้า” ฉันรีบตัดบทด้วยเสียงร่าเริงทั้งที่ในใจเซ็งมาก~ มากแบบ กอไก่ มากกว่าล้านตัว
...บูด -_-
หมายถึงไอ้พี่บูมนะคะที่บูดไม่ใช่อิ๊งค์เพื่อนฉัน
บูดมาก โคตรบูดเลย บูดจนฉันเรียกมันลับหลังว่าไอ้บูดตลอด
(โอเค ถ้างั้นเที่ยวให้สนุกอย่าเมานะเซย์)
“จ้า ไม่ต้องห่วง อิ๊งค์ก็รู้ว่าเราไม่เคยเมาอยู่แล้ว แค่นี้นะเดี๋ยวจะเข้าไปแล้ว”
(จ้ะ)
ติ๊ด!
“...เหอะ!” เซ็ง
ตอนชวนกันก็เช็ควันแล้วนะว่าไอ้บูดมันจะกลับบ้านแต่สุดท้าย เฮ้อ~ โชคไม่เข้าข้างเซย์ ส่วนไอ้อิ๊งค์...อย่าพูดเลย คนเป็นเพื่อนก็ทำได้แค่เตือนแต่ถ้าไม่เดินออกมาเองก็จะไปทำอะไรได้ล่ะ ก็เพื่อนรักเขา เอาเป็นว่าเวรใครกรรมมันก็แล้วกัน
เอาล่ะ!
ถึงแม้ว่าวันนี้จะโดนเพื่อนเทแบบกระทันหันและกระชั้นชิดชนิดที่ไม่ทันให้ได้เตรียมใจเพราะฉันมายืนรอเพื่อนที่หน้าประตูผับแล้วเนี่ย ตอนรับสายเพื่อนขาซ้ายก็กำลังก้าวไปหาพี่พนักงานเพื่อคุยเรื่องจองโต๊ะแล้วด้วยซ้ำแต่จะมานั่งแซดคนที่หงุดหงิดไม่มีความสุขก็มีแค่เซย์นิสคนนี้คนเดียวใช่ไหมล่ะคะ เพราะฉะนั้น ไปเถอะ ไปหาเพื่อนข้างในก็ได้เพราะเรามันสายปาร์ตี้อยู่แล้ว ^0^
“สวัสดีค่ะ คุณลูกทำการจองโต๊ะไว้เรียบร้อยแล้วใช่ไหมคะ”
“ค่ะ”
“ดิฉันขอคิวอาร์โค๊ดของคุณลูกค้าด้วยนะคะ” ฉันยื่นคิวอาร์โค๊ดที่จองโต๊ะให้พนักงาน พอยื่นให้ก็แอบเซ็งขึ้นมาอีกครั้งเพราะกว่าจะจองโต๊ะของที่นี่ในคืนวันศุกร์ได้มันยากมากตั้งใจจะมาสนุกกันสองสาวทุกท้ายก็กลายเป็นฝันสลายสุด ๆ สงสารอิ๊งค์ด้วย แต่ก็อย่างว่า เวรใครกรรมมัน ตัดเจ้ากรรมนายเวรไม่ได้ก็ต้องใช้เวรใช้กรรมกันต่อไป
“มากี่ท่านคะ”
“คนเดียวค่ะ” ฉันตอบออกไปพนักงานก็ก้มหัวรับทราบด้วยท่าทางสุภาพจากนั้นก็ผายมือให้ฉันเข้าไปด้านในซึ่งทันทีที่ผายมือก็มีพนักงานอีกคนเดินมาต้อนรับและพาไปที่โต๊ะทันที
ตื่นเต้นเหมือนกันนะคะเนี่ย ทุกอย่างเป็นระบบมาก ผับหรูชื่อดังที่รีวิวบอกไว้ว่าระบบจัดการดีเยี่ยมไม่มีคนเข้ามายืนมั่วโดยที่ไม่มีโต๊ะ ถ้าอยากมาเที่ยวต้องจองเท่านั้นไม่มี Walk in เด็ดขาดเหมือนเจ้าของผับจะกันคนล้นรึเปล่าฉันก็ไม่แน่ใจเพราะผับดังมากคนก็ต้องยิ่งอยากมามาก แต่ก็ต้องยอมรับนะคะว่าการทำแบบนี้ยิ่งทำให้คนอยากมาเที่ยวที่นี่ อะไรที่มันได้มายาก ๆ นี่แหละที่มันสนุก แค่การต้อนรับ ระบบจัดการในตอนแรกฉันก็ประทับใจแล้วนะแต่พอเดินเข้ามาถึงกับตาแอบเบิกโพลงแล้วก็มองสำรวจไป 180 องศา เท่าที่สายตาจะกวาดมองได้ สวยมากเลยค่ะ สวยสุด ๆ สวยไปหมดแถมเสียงในผับก็ยังดีมาก เปิดเพลงดังแต่สบายหู เครื่องเสียงที่ใช้ต้องแพงแค่ไหนกันเซย์คนนี้ไม่อยากจะคาดเดาราคาเลยค่ะ
“โต๊ะนี้ค่ะคุณลูกค้า”
“ของคุณมากค่ะ” ฉันถูกพามาที่โต๊ะขนาดสองสามคนนั่นเพราะตอนจองระบุมาแล้วว่าเอาโต๊ะแบบไหน พอนั่งเสร็จพนักงานก็แนะนำทางไปห้องน้ำแล้วก็บันไดหนีไฟให้เสร็จสรรพแล้วตบท้ายด้วยการเอาเมนูเครื่องดื่มกับอาหารมาให้ฉันเลือก สั่งเสร็จพนักงานเดินไปฉันก็ได้ถือโอกาสมองสำรวจผับนี้ มองบรรยากาศ มองนักท่องเที่ยว มองพนักงาน มองทุกอย่างเลย มองช้า ๆ ทีละนิดเพราะความจริงแล้วฉันไม่ได้มีเหตุผลแค่อยากมาเที่ยวหรอกนะคะ ก็ใช่ไม่ปฏิเสธหรอกว่าอยากมาเที่ยวแต่อีกเหตุผลที่ฉันเลือกมาที่นี่ก็เพราะฉันอยากมาหา...รักแรกของตัวเอง
ตุลย์ / Tun
“กลับคอนโดเลยนะครับเฮีย”
“ไปร้าน”
“ครับ?”
“ไปร้าน”
“ไปทำไมเฮีย ไม่เหนื่อยเหรอ”
“ถ้าเหนื่อยกูคงกลับคอนโดไม่ใช่ไปร้าน”
“เฮีย... / เงียบแล้วพากูไปร้านก็พอ”
“...ครับ” ลูกน้องคนสนิทรับคำแล้วขับรถเงียบ ๆ ส่วนผมก็ทิ้งหัวพิงเบาะแล้วหลับเพื่อสงบสติอารมณ์ของตัวเอง
“อยู่ได้นะตัง”
“อยู่ได้ค่ะ”
“...”
“ตังอยู่ได้จริง ๆ”
“...มันเป็นใคร”
“...”
“อ่าส์~ โอเค มีอะไรก็โทรหาพี่”
“พี่ตุลย์ทำงานเถอะ งานก็เยอะยังต้องมาหาบ่อย ๆ ตังเกรงใจ”
“พี่มีน้องคนเดียว”
“...ขอโทษนะพี่ตุลย์”
“ไม่เป็นไร พร้อมเมื่อไหร่มีอะไรก็คุยกับพี่”
“...ค่ะ”
“อ่าส์~”
“เฮีย” ผมคงเผลอถอนหายใจแรงไปหน่อยไอ้พีนัทลูกน้องคนสนิทของผมถึงได้เรียกขึ้นมา
“อืม ขับรถไปเถอะ”
“ให้ผมสืบเลยไหมเฮีย”
“...น้องกูยังไม่อยากให้กูรู้ ทำไมไม่บอกวะตังก็รู้ว่ายังไงกูก็หาตัวมันเจอ”
“กลัวเฮียไปฆ่ามันเร็วขึ้นไง”
“หึ! ไม่ต้องห่วง กูฆ่ามันแน่” ไม่ว่าน้องสาวของผมจะพยายามปกปิดแค่ไหนแต่ยังไงซะผมก็ต้องหาเจอ หนึ่งเดือนที่ผ่านมาที่ผมยังไม่รู้ว่ามันเป็นใครมันเป็นเพราะผมอยากรอให้น้องสาวของผมพูดเอง ไม่อยากทำร้ายจิตใจตังเม น้องสาวแค่คนเดียวของผม
“...” ผมแค่รอให้สภาพจิตใจของน้องผมดีขึ้นเลยไม่ทำอะไรบุ่มบ่าม แต่เชื่อเถอะไม่ว่ายังไงผู้ชายคนนั้นมันก็หนีผมไม่พ้นอยู่ดี
ไม่ว่าจะยังไงสุดท้าย...ผมก็จะเอาเลือดมันมาเลี้ยงเด็กที่กำลังจะเกิดอยู่ดี!