การเกิดใหม่ครั้งที่สองกู้ฮุ่ยหมิงมีความทรงจำของทั้งสองชาตินางสามารถจดจำเหตุการณ์ต่าง ๆ ทั้งสองชาติภพที่ผ่านมาได้เป็นอย่างดี การใช้ชีวิตครั้งที่สองกู้ฮุ่ยหมิงต้องเรียนรู้ที่จะเอาชีวิตรอดในวังหลังอย่างอยากลำบากเพราะมารดาของนางเป็นเพียงนางสนมยศต่ำไม่มีอำนาจใด ๆ จึงทำให้ใช้ชีวิตด้วยความระแวง
ภายในวังหลังผู้คนต่างมีเล่ห์เหลี่ยมเพื่อทำร้ายกันอย่างโหดเหี้ยมเหมือนดังคำว่าเรียวปากแย้มยิ้มอ่อนโยนภายในมือถือดาบพร้อมสังหารผู้คนที่มีความเห็นต่างจากตนเอง
ก่อนที่กู้ฮุ่ยหมิงจะกลับมาอยู่ในร่างของตนเองนางต้องใช้ชีวิตในฐานะองค์หญิงนานถึงสิบสี่ปี ก่อนที่จะได้มาอยู่ในร่างของตนในชาติภพนี้ จำได้ว่าเวลานั้นตนเองกำลังนั่งเล่นอยู่ภายในตำหนักของตนอยู่ ๆ ก็เกิดอาการง่วงนอนขึ้นมาจึงได้ฟุบหน้าลงกับโต๊ะ แต่พอรู้สึกตื่นขึ้นมาอีกทีวิญญาณของกู้ฮุ่ยหนิงได้กลับมาอยู่ในร่างของตนเองในชาตินี้ในวัยสิบขวบเสียแล้ว
กู้ฮุ่ยหนิงเดาว่าสาเหตุที่ทำให้วิญญาณของนางสามารถย้อนกลับมาอยู่ในร่างเดิมของตนเองได้คงจะเป็นเพราะว่านางที่ได้เกิดเป็นองค์หญิงก่อนหน้านี้คงจะถูกลอบวางยาพิษจนเสียชีวิตไปแล้ว
เหตุการณ์ที่กู้ฮุ่ยหมิงได้ประสบพบเจอมานั้นจะว่านานก็นาน จะว่าไม่นานก็ใช่เพราะเรื่องราวต่าง ๆ ที่ได้พบเจอกู้ฮุ่ยหมิงจดจำได้เป็นอย่างดี เหมือนเวลาเพิ่งผ่านไปไม่นานแต่แท้จริงแล้ววิญญาณของกู้ฮุ่ยหมิงได้เผชิญกับเรื่องราวแปลกประหลาดเหล่านั้นเป็นเวลานานนับร้อยนับพันปี
ร่างเล็กของเด็กอายุเพียงสิบขวบกำลังนั่งมองดูผู้คนเดินไปมาอยู่บนชั้นสองของร้านน้ำชา วิญญาณของกู้ฮุ่ยหนิงย้อนกลับมาอยู่ในร่างของตนเองในวัยสิบขวบเป็นเวลาหนึ่งเดือนแล้ว ตลอดหนึ่งเดือนที่ผ่านมากู้ฮุ่ยหนิ่งเฝ้าสำรวจและสังเกตสิ่งต่าง ๆ ที่อยู่ในเมืองเสียนหยางอย่างสนใจ เพราะเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในช่วงเวลานี้เมื่อชีวิตก่อนนางยังเด็กเกินไปที่จะใส่ใจจดจำรายละเอียดต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นรอบตัวได้จึงทำให้ในความทรงจำในช่วงเวลานี้ไม่ชัดเจนนัก
เมื่อชีวิตก่อนจำได้ว่าช่วงเวลานี้นางกำลังร้องไห้เสียใจที่ได้เดินทางมาหาท่านพ่อท่านแม่ที่เมืองชายแดน หลังจากที่เที่ยวดูนอกจวนแล้วเห็นว่าภายในเมืองชายแดนแห่งนี้ไม่มีสิ่งใดน่าสนใจเลยแถมยังไม่มีความเจริญเหมือนเมืองหลวงทำให้กู้ฮุ่ยหนิงในวัยสิบขวบร้องไห้เอะอะโวยวายจะเดินทางกลับเมืองหลวงให้ได้
เพราะที่เมืองเสียนหยางถึงแม้จะดีแต่ก็เป็นแค่เพียงเมืองที่ติดชายแดนจะมีความเจริญสู้เมืองหลวงได้อย่างไร ประกอบกับแม่นมซ่งพูดให้นางฟังทุกวันว่า อยู่ที่เมืองชายแดนกันดารเช่นนี้จะทำให้นางกลายเป็นหญิงสาวชนบทที่มีแต่ผู้คนดูถูกต่อไปจะไม่มีโอกาสหาชายหนุ่มที่มีชาติตระกูลดีมาแต่งงานด้วยในอนาคต
ในยามนั้นนางอายุยังน้อยจึงเชื่อคำยุยงของแม่นมซ่งร้องไห้โวยวายต้องการจะเดินกลับไปอยู่กับท่านย่าที่เมืองหลวง ทำให้ท่านแม่เสียใจเป็นอย่างยิ่งเพราะบุตรสาวที่ท่านรอมาตั้งหลายปีไม่ต้องการจะอยู่กับครอบครัวผู้ให้กำเนิด
พูดถึงแม่นมซงกู้ฮุ่ยหนิงก็ยกยิ้มเล็กน้อยกับสิ่งที่นางได้ตอบแทนแม่นมซงในชาตินี้ ชาติก่อนถ้าไม่เป็นเพราะแม่นมซงนางคงจะไม่พบกับองค์ชายสี่จ้าวลู่เหวินที่สวนดอกไม้ภายในจวนตระกูลกู้ เมื่อมาคิดทบทวนดูแล้วในวันนั้นคนที่มาบอกนางที่เรือนไผ่เขียวว่ากู้หลี่หลินต้องการพบกู้ฮุ่ยหนิงที่สวนดอกไม้ก็คือแม่นมซง
วันนั้นกู้ฮุ่ยหนิงไปหาคนที่สวนดอกไม้กลับไม่พบกู้หลี่หลินคนที่ได้เจอในเวลานั้นกลับเป็นชายหนุ่มรูปงามทำให้ตนที่เป็นเพียงเด็กสาวในวัยสิบห้าปีที่เพิ่งเข้าพิธีปักปิ่นไปได้ไม่กี่วันหลงรักองค์ชายสี่เจ้าลู่เหวินทันทีที่ได้สบตา
ช่างน่าขันยิ่งนักในเวลานั้นกู้ฮุ่ยหนิงถูกองค์ชายสี่จ้าวลู่เหวินใช้แผนชายงามหลอกล่อให้ตกหลุมความรักจนไม่สามารถปีนป่ายขึ้นมาได้เพื่อที่นางจะได้ยอมเป็นหมากในกระดานของเขาตั้งแต่พบกันครั้งแรก หลงรักนางตั้งแต่แรกพบคืออะไรจะยอมแก่เฒ่าไปด้วยกันจนผมเปลี่ยนสีคืออะไร ทุกคำพูดที่อีกฝ่ายใช้เกลี้ยกล่อมกู้ฮุ่ยหนิงล้วนเป็นคำลวงของผู้ชายลิ้นสองแฉกทั้งสิ้น
“คุณหนู คุณชายใหญ่คุณชายรองมาถึงแล้วเจ้าค่ะ”
“อืม”
เสียงรายงานของสาวใช้ทำให้กู้ฮุ่ยหนิงที่จิตใจล่องลอยตามความคิดของตนรู้สึกตัวตื่นจากภวังค์ความทรงจำในชาติภพก่อนกลับมายังเวลาปัจจุบัน
อันฉีแอบมองดูคุณหนูของนางด้วยความสงสัยทำไมเด็กหญิงที่มีอายุเพียงสิบขวบถึงมีความสงบเหมือนผู้ใหญ่เช่นนี้ คุณหนูเดินทางมาจากเมืองหลวงเมื่อเดือนก่อนฮูหยินท่านของแม่ทัพกู้จึงได้ให้นางมาคอยดูแลรับใช้คุณหนู
เพราะไม่มีบ่าวรับใช้คนไหนเดินทางติดตามคุณหนูมาจากเมืองหลวงเลยยกเว้นแม่นมซ่งเพียงคนเดียวที่มีอายุมากแล้วไม่สะดวกที่จะคอยติดตามรับใช้คุณหนูของนางตลอดเวลา แถมเมื่อไม่กี่วันก่อนแม่นมซ่งได้พลัดตกจากบันไดเรือนทำให้ขาหักทั้งสองข้างจึงต้องนอนพักรักษาตัวอยู่แต่ภายในเรือนเป็นเวลาหลายเดือนอีก
ตระกูลกู้ที่เมืองหลวงช่างใจดำยิ่งนักให้คุณหนูเดินทางมากับแม่นมซ่งและคนดูแลแค่สามคน ยังดีที่พ่อบ้านตงที่คอยดูแลจวนตระกูลกู้ในเมืองหลวงได้เขียนจดหมายมารายงานท่านแม่ทัพว่าคุณหนูจะเดินทางมาที่เมืองเสียนหยาง
ท่านแม่ทัพจึงได้มีคำสั่งให้อันฉีพร้อมองครักษ์อีกสิบคนรีบออกเดินทางไปรับคุณหนูเพื่อรักษาความปลอดภัยในระหว่างเดินทางเพราะท่านแม่ทัพกู้กลัวจะเกิดเหตุร้ายระหว่างการเดินทางของคุณหนู
“หนิงเอ๋อ”
“น้องสาว”
ชายหนุ่มสองคนที่มีรูปร่างสูงใหญ่และหน้าตาหล่อเหลาเดินเข้ามาภายในห้องอาหารส่วนตัวบนชั้นสองของร้านน้ำชา เมื่อเปิดประตูห้องเข้ามาก็ส่งเสียงทักทายเด็กสาวด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน
“พี่ใหญ่ พี่รองพวกท่านมาถึงแล้ว”
กู้ฮุ่ยหนิงผินใบหน้าที่อ่อนเยาว์ส่งยิ้มให้กับพี่ชายทั้งสองของตนเองอย่างไร้เดียงสาในปีนี้นางเพิ่งจะมีอายุแค่สิบขวบเท่านั้น ส่วนพี่ชายคนโตกู้หวังหมิ่นปีนี้อายุสิบแปดปีมีความสามารถทั้งด้านบุ๋นและบู๊ จึงทำให้ท่านพ่อที่มีตำแหน่งเป็นแม่ทัพรักษาเมืองเสียนหยางอยู่ในตอนนี้ไว้วางใจมอบตำแหน่งรองแม่ทัพให้
ส่วนพี่ชายคนรองของนางกู้หวังจิ้งปีนี้อายุสิบหกปีมีนิสัยดื้อรั้นเอาแต่ใจในสมองของพี่ชายรองมีแต่กล้ามเนื้อจึงไม่มีความฉลาดสักนิด ชอบใช้กำลังแก้ปัญหาท่านพ่อจึงไม่ยอมมอบตำแหน่งสำคัญให้เขาจึงได้เป็นแค่นายทหารชั้นผู้น้อยคอยช่วยเหลืองานของพี่ใหญ่เท่านั้น
เมื่อชีวิตก่อนหลังจากครอบครัวของนางเดินทางกลับไปเมืองหลวงตามราชโองการของฮ่องเต้ พี่ชายคนรองของนางก็ถูกคุณชายแซ่ซุนบ้านรองชักชวนไปในทางที่ไม่ดี ทำให้ถูกฮ่องเต้ปลดออกจากการเป็นขุนนางเลยต้องมาทำงานให้กับองค์ชายสี่
สุดท้ายแล้วหลังจากที่ถูกฆ่าตายกู้ฮุ่ยหนิงได้กลายเป็นวิญญาณเร่ร่อนคอยตามติดจ้าวลู่เหวินเพื่อรอจังหวะแก้แค้น ถึงได้รู้ว่าพี่คนชายรองไม่ได้ทำผิดแต่อย่างใดเขาถูกคนของจ้าวลู่เหวินวางแผนใส่ร้าย
องค์ชายสี่จ้าวลู่เหวินวางแผนทุกอย่างเพื่อให้พี่ชายคนรองของนางถูกปลดออกจากขุนนาง เพราะชายชั่วคนนั้นต้องการคนที่ไว้ใจได้มาคอยดูแลกิจการที่ทำเงินให้กับตนเอง