เธอตะโกนใส่หน้าอย่างเหลืออด ครั้นพอจะหันหลังเดินออกจากห้อง กลับถูกเจ้าของห้องฉุดแขนจนเสียหลักล้มลงบนโซฟาตัวเขื่อง ล้มก็ไม่ล้มเปล่า แต่ดันมีเขาคร่อมอยู่ด้านบนด้วย
“ไอ้บ้านี่ อย่ามาทำรุ่มร่ามกับฉันนะ” เธอทั้งผลักทั้งดัน แต่คนที่ตัวโตอีกทั้งพละกำลังยังเยอะกว่าก็ไม่แม้แต่จะสะทกสะท้าน มิหนำซ้ำยังโน้มใบหน้าลงมาใกล้ขึ้นอีก ลมหายใจอุ่นๆ ที่กำลังรินรดต้นคอทำให้เธอสะท้านไปทั้งตัว แล้วก็ยิ่งสะท้านมากขึ้นเมื่ออีกฝ่ายงาบงับลงมาเบาๆ
“อื้อ…” เธอครางออกมาแล้วก็ต้องตกใจเสียงครางน่าอายนั่น ไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้นกับตัวเองกันแน่ ทั้งสะเทิ้นสะท้าน เย็นยะเยือก แล้วก็ร้อนวูบวาบขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้
“ปล่อย” ความรู้สึกแปลกๆ ทำให้เธอพยายามผลักไสเขาออก แต่มันกลับทำให้เขาออกแรงรัดเธอแน่นขึ้นกว่าเดิม
“ถ้าคิดว่าฉันจะยอมให้เธอเดินหายออกไปเหมือนอย่างวันนั้นอีกละก็ เธอประเมินฉันต่ำไป" เขาว่าพลางจงใจทิ้งน้ำหนักตัวทาบทับจนเธอแทบกระดิกกระเดี้ยไม่ได้
“ขอร้องล่ะ วันนี้ฉันไม่พร้อมจะคุยอะไรกับนายจริงๆ เพื่อนฉันรออยู่ แล้วฉันก็รู้สึกไม่ค่อยสบายด้วย" อาการร้อนๆ หนาวๆ ที่เริ่มตีตื้นขึ้นมาทุกขณะ ทำให้เธอสะบัดร้อนสะบัดหนาวราวกับจะเป็นไข้ ได้ยินเช่นนั้นเขาก็ยิ่งเป็นห่วง
“เป็นอะไร ไม่สบายตรงไหน" เขาถามพร้อมกับยื่นมือไปสัมผัสที่หน้าผาก พลางลูบไล้ไปทั่วใบหน้าและลำคอด้วยความอาทร โดยไม่รู้เลยว่าสัมผัสของตนกำลังส่งผลกับเธออย่างรุนแรง
มือที่เคยต่อต้านผลักไส กลับกลายเป็นผวาซุกซบ และเป็นฝ่ายลูบไล้อกแกร่งของเขาโดยไม่รู้ตัว ทำเอาคนถูกลูบขมวดคิ้วด้วยความแปลกใจระคนไม่ไว้ใจ โดยเฉพาะเมื่อสาวเจ้ายันตัวขึ้นมาและพยายามซุกไซ้ที่ซอกคอเขาอย่างเอาเป็นเอาตาย
“คิดจะทำอะไร" คนที่เป็นฝ่ายถูกจู่โจมผงะพลางดันตัวเธอออกห่างด้วยความคลางแคลง แต่รายนั้นกลับยิ่งโถมตัวเข้าใส่ ทุกอย่างเลยดูกลับตาลปัตรกันไปหมด คนที่เคยเป็นฝ่ายรุกกลับต้องมาเป็นฝ่ายรับ แน่นอนว่านั่นไม่ใช่นิสัยนักล่าอย่างนที จึงไม่แปลกที่เขาจะไม่ไว้ใจกับท่าทีที่เปลี่ยนไปราวกับหน้ามือเป็นหลังมือของเธอ
“จะมาไม้ไหน" ชายหนุ่มหรี่ตามองอย่างพยายามจับผิด ในขณะที่คนถูกจับผิดเพียงช้อนตาขึ้นมอง แต่นัยน์ตาที่กำลังปรือปรอยนั้นก็ทำเอาเขาถึงกับต้องกลืนน้ำลาย เมื่อมันช่างเว้าวอน เรียกร้อง แล้วก็โหยหา ประหนึ่งว่ากำลังยั่วยวนกัน
“อย่าเล่นกับไฟ เพราะไฟอย่างฉันพร้อมจะแผดเผาเธอได้ทุกเมื่อ” เขาก้มลงไปกระซิบเตือนเสียงพร่า และเสียงนี้ราวกับดึงสติสัมปชัญญะที่เหลืออยู่เพียงน้อยนิดของเธอกลับมา
“ฉัน…ฉัน…ฉันต้องกลับบ้าน" เธอผลักเขาแล้วลุกพรวดขึ้นมาคว้ากระเป๋า แต่ยังไม่ทันจะได้ก้าวขาออกไปก็ถูกฉุดแขนจนเซล้มลงมาที่เดิม
“อย่ามาเล่นตลกกับฉัน เพราะมันไม่ตลก” ท่าทีที่เปลี่ยนไปเปลี่ยนมาทำให้สีหน้าเขาเข้มขึ้น มือที่กำลังจับกุมต้นแขนก็บีบกระชับแรงขึ้นจนคนถูกบีบนิ่วหน้า
“ปล่อย ฉันเจ็บ" เสียงประท้วงทำให้เขาค่อยๆ คลายมือ แต่ก็ยังไม่ยอมปล่อย
“ขอโทษ" เขาบอกเสียงห้วน แต่สายตาที่มองมากลับอ่อนโยนจนเธอใจสั่น พลันมือข้างหนึ่งก็ยื่นไปลูบที่ใบหน้านั้นโดยไม่รู้ตัว ไม่รู้แม้กระทั่งว่าสายตาคู่นี้ของตัวเองกำลังเรียกร้องเว้าวอนมากเพียงใด แน่นอนว่ามันมากพอที่จะทำให้คนถูกมองไม่สามารถทนอยู่เฉยได้อีกต่อไป
“ฉันเตือนเธอแล้วนะ…ว่าอย่าเล่นกับไฟ" สิ้นเสียงนทีฉกวูบลงมาประทับจูบบดเบียดริมฝีปากอวบอิ่มอย่างมิอาจหักห้าม แต่แทนที่คนถูกขโมยจูบจะต่อต้านขัดขืนอย่างที่ควรจะเป็น เธอกลับพยายามจูบตอบกลับไปด้วยท่าทีเงอะงะ ราวกับว่าหลงใหลคลั่งไคล้ในตัวเขานักหนา ถึงแม้ท่าทางไม่ประสาของเธอจะทำให้เขาเร่าร้อนจนแทบคลั่ง แต่ความสงสัยระคนแปลกใจที่มีมากกว่าก็ทำให้เขาต้องผละพร้อมกับดันตัวเธอออกมาเพื่อมองหน้าให้ชัดๆ
“เป็นอะไรไป" ชายหนุ่มขมวดคิ้วพลางมองใบหน้าหวานที่บัดนี้แดงก่ำ
“ฉันร้อน" คนที่บอกว่าร้อนแต่กลับโผเข้าหาอ้อมกอดประหนึ่งคนขาดความอบอุ่น
“อาการนี้ อย่าบอกนะว่าเธอ…” คิ้วทั้งสองข้างพลันขมวดมุ่นเข้าหากัน ภาวนาให้สิ่งที่เขาคิดไม่เป็นความจริง แต่เหมือนมันจะไม่เป็นผล เมื่อจู่ๆ สาวเจ้าก็ผละขึ้นมาถอดเสื้อของตัวเองทิ้งไปอย่างไม่ไยดี
“ตั้งสติก่อนเจติยา" ชายหนุ่มตกใจรีบผวาเข้าไปจับแขนเธอเอาไว้ เมื่อแม่คุณไม่หยุดแค่เสื้อ แต่ยังทำท่าจะปลดตะขอเสื้อชั้นในออกด้วย
“บ้าฉิบ! อย่าบอกนะว่ายาออกฤทธิ์เต็มที่แล้ว" เขาสบถอย่างหัวเสีย ยิ่งเห็นเธอพยายามจะโถมตัวเข้าใส่อย่างไร้สติ ก็ยิ่งโมโหคนที่มันบังอาจวางยาจนเป็นแบบนี้ ใช่ ยาที่ว่านั่นคงไม่พ้นยาเสียสาวเป็นแน่ ก็แม่คุณเอาแต่จะโผกอดประหนึ่งคนหน้ามืดตามัว ครั้นจะให้ผลักเธอออกแรงๆ ก็เกรงว่าจะทำให้เธอเจ็บตัวซะเปล่าๆ
“โอเค ฉันยอมแล้ว" เขายกสองมือยอมแพ้ ก็ไม่รู้ว่าทั้งหมดนี้เป็นเพราะห่วงสวัสดิภาพร่างกายอันบอบบาง ประหนึ่งกลัวว่ามันจะแตกหักเพราะน้ำมือตัวเอง หรือเพราะอะไรกันแน่ แต่ที่แน่ๆ ทันทีที่เขาปล่อยมือ เธอก็โถมเข้าใส่พร้อมกับระดมจูบไปทั่วหน้าและลำคอเขาทันที
“อืม…” นทีครางเสียงแหบพร่า กระสันซ่านกับกายสาวนุ่มนิ่มที่มีเพียงบราชิ้นเล็กๆ ปกปิดเอาไว้ และกายสาวที่กำลังบดเบียดซุกไซ้ก็มีอิทธิพลกับร่างกายเขามากเหลือเกิน มากจนทำให้เขารวดร้าวไปหมดทั้งตัว
“ช่วยไม่ได้ ฉันไม่ได้จะฉวยโอกาส แค่ไม่อยากให้เธอต้องทรมานเพราะฤทธิ์ยาหรอก" เขาว่าพลางปล่อยให้เธอซุกไซ้ตามอำเภอใจ แต่ก็ไม่ลืมหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาบันทึกภาพเหตุการณ์ครั้งนี้เอาไว้เป็นหลักฐานด้วย
คนที่ถูกฤทธิ์ยาเสียสาวเข้าครอบงำเป็นฝ่ายขึ้นคร่อมพร้อมกับตะโบมจูบเขาอย่างเอาเป็นเอาตาย ในขณะที่ร่างกายก็พยายามจะบดเบียดเสียดสีกับกายแกร่ง จนเขาเองก็ร้อนฉ่าไปทั้งตัว ก็ไม่รู้ว่าตอนนี้ระหว่างเขากับเธอ ใครกันแน่ที่กระสันมากกว่ากัน
“ที่เหลือฉันจะเป็นคนจัดการเอง" เขาว่าพลางเอื้อมมือไปปลดตะขอบราด้านหลัง ก่อนจะตวัดแขนพลิกเธอให้นอนลง แล้วเป็นฝ่ายขึ้นคร่อมเธอเสียเอง