แต่คุณเป็นผู้ชายก็ควรจะรู้ดีว่า ให้เกียรติผู้หญิงยังไง

1274 คำ
“ได้ยินแม่พูดเอาไว้” “ก็แม่เตรียมอาหารอร่อยแต่เช้ามืดให้ลูกกับหนูรวีทานไงจ้ะ” “ทำไม ครับ แม่นึกครื้มใจอะไร ถึงได้จัดเป็นพิเศษอย่างนี้” “พิเศษสิจ้ะ ลูกทั้งสองก็ลูกของแม่เหมือนกัน นานๆครั้ง” คนที่รับฟังอย่างรินรวีเข้าใจ หล่อนไม่ใช่คนแง่งอนมาก เมื่อคุณนิ่มนวลต้องการทำเพื่อลูกชายและลูกสะใภ้ในฐานะที่ท่านรักและห่วงใยเอ็นดู “แล้วนี่ เสื้อผ้าอยู่ตรงไหน” “ในห้องครับ” เขาบอกทั้งๆที่ความจริงแล้วผิด เพราะว่าตู้เสื้อผ้าของปรัณย์ย้ายออกมาอยู่ข้างนอก เพื่อเป็นการสะดวกสำหรับเขาที่จะหยิบมาใช้สวมใส่ต่างหาก อะไรกันหนอที่ทำให้ปรัณย์นั้นพูดผิดพูดถูก อาจจะเป็นเพราะเขานึกเกรงขามคุณนิ่มนวลผู้เป็นมารดาก็อาจเป็นไปได้ ทั้งๆที่รินรวีก็นึกเคืองในใจที่เขาพูดเช่นนี้เหมือนกัน ปรัณย์ผลุบหายเข้าไปในห้องของหล่อน ขณะที่รินรวีทำอะไรไม่ได้ และได้แต่แอบเข่นเขี้ยวในใจ เมื่อในเวลานี้หล่อนจะต้องเผชิญหน้ากับคุณนิ่มนวล มารดาของเขา หรือเขาคิดว่า ให้ตัวเองเอาตัวรอดก่อน “หนูรวี อาบน้ำเล้ว แต่งตัว แล้วมากับตาปรัณย์ไปเจอแม่ที่ห้องอาหารนะ แม่รออยู่” “ค่ะ คุณแม่” รินรวีตอบมารดาสามี แล้วหลังจากนั้น คุณนิ่มนวลก็ขอตัวเดินออกไปก่อน แต่สิ่งหนึ่งที่ฉุกใจคิดของท่านอย่างรู้สึกแปลกๆ โดยไม่รู้เหมือนกันว่า สิ่งนั้นคืออะไรนางก็ยังขบคิดแบบไม่อาจหาคำตอบได้ “คุณแม่ไปแล้ว คุณปรัณย์ ออกมาจากห้องของฉันเดี๋ยวนี้นะ” “ใครว่า ห้องของเธอคนเดียว ห้องของฉันด้วย” เขาเถียง “แต่คุณเป็นผู้ชายก็ควรจะรู้ดีว่า ให้เกียรติผู้หญิงยังไง” “คนอย่างเธอมีเกียรติด้วยหรือ” เขาเถียงคำนั้นออกมา เลยทำให้รินรวีสะอึกไม่น้อยกับวาจาไม่มีหูรูดของสามี “เถอะ ฉันจะมีหรือไม่มี มันก็ไม่ได้เกี่ยวกับคุณหรอก เพราะเราก็เหมือนอยู่กันต่างโลกแล้ว แต่คุณก็ควรทำอะไรให้มันแนบเนียนหน่อย เมื่ออยู่ต่อหน้าผู้ใหญ่ เพราะท่านจะได้ไม่จับผิดพวกเราได้ ว่าเล่นละครหลอกท่าน” “ฉันรู้แล้ว” เขาเอ่ยคำนั้นอย่างห้วนๆ สะบัดใบหน้าตึง “เอาล่ะ ฉันออกมาแล้ว ไม่ได้อยากจะเข้าไปสักหน่อย ในห้องของเธอ” เขาหันมาสะแยะปากใส่พร้อมกับยิ้มหยัน “ถ้าคุณเสร็จแล้วก็เปลี่ยนเสื้อผ้ารอฉันค่ะ เพราะเดี๋ยวต้องออกไปพร้อมกันตามคำสั่งของคุณแม่” “ฮึ ฉันรู้แล้ว ไม่ต้องมาสั่งมากมาย” “กลัวคุณลืมไง” “ฉันไม่มีทางลืมหรอกน่า” ปรัณย์บ่นตามเคย เหมือนคนที่ไม่อยากยอมแพ้ และรินรวีเงียบเสียงแล้ว คนอย่างเขาต่อล้อต่อเถียงไปไร้ประโยชน์ และในครู่ต่อมาเกือบยี่สิบนาที รินรวีเดินออกมาในชุดอยู่กับบ้านเป็นกางเกงสามส่วนลายน่ารักกับเสื้อยืดลายการ์ตูนหวาน ขณะที่ปรัณย์สวมกางเกงขาสั้นสีน้ำตาล กับเสื้อยืดแขนสั้นเช่นเดียวกัน “เอาล่ะ มาถึงกันแล้ว มานั่งกันตรงนี้ แม่จัดที่ให้แล้ว” รินรวียกมือไหว้คุณนิ่มนวลอีกครั้งและสมาชิกคนอื่น เช่นเดียวกับคุณปารตี และบิดาของเขา นายปราบ เป็นคำสั่งที่ระบุลงไปจากปากของคุณนิ่มนวล ทำให้ปรัณย์เหมือนถูกบังคับ และเขาก็ทรุดนั่งลง ขณะที่รินรวีทรุดนั่งลงก่อนหน้าอย่างว่าง่าย “ดูทำหน้าเข้าสิ เหมือนไม่อยากจะทานกับข้าวเช้านี้เลยนะปรัณย์” เมื่อคุณนิ่มนวลสังเกตดูบุตรชายนางจึงเอ่ย ปรัณย์ก็ยังมีสีหน้าที่เฉยชาและเงียบเหมือนเดิม เมื่อสาวใช้เสิร์ฟอาหาร คุณนิ่มนวลสั่งให้ตักข้าวใส่จาน และนางก็เอาอกเอาใจรินรวี คะยั้นคะยอให้ทานเยอะ อีกทั้งยังหันไปส่งลูกชายคนเดียวด้วยว่า “ตักกับข้าวไปส่งให้หนูรวีบ้างสิปรัณย์” ปรัณย์ทำตามอย่างเสียมิได้ “ไม่ต้องหรอกค่ะ คุณปรัณย์ทานไปเถอะ” “อ้าว ทำไมล่ะ หนูรวี” นางนิ่มนวลรู้สึกแปลกใจ และทุกคนที่ร่วมรับประทานอาหารเช้ามื้อพิเศษอย่างนี้ก็แปลกใจเช่นกัน “ไม่มีอะไรหรอกค่ะ แต่รวีคิดว่า คุณปรัณย์น่าจะทานเองสะดวกกว่าที่จะมีใครมาตักป้อน” ทำให้ปรัณย์นึกฉุนกึก ที่รินรวีหาว่าเขาเป็นเด็ก แต่ก็ทำอะไรไม่ได้ เพราะเมื่อพูดแล้วรินรวีก็เงียบสงบตามเดิมของหล่อน “ไงจ๊ะ อาหารฝีมือแม่กับน้าเขา อร่อยไหมตาปรัณย์” “อร่อยครับ” ปรัณย์ตอบมารดา “ถ้าอร่อยลูกก็ต้องทานเยอะๆสิ” “แต่ผมอยากจะให้แก้วมานั่งทานแบบนี้ด้วย” และปรัณย์ก็เอ่ยขึ้นลอย แต่ชื่อนี้ก็กระทบไปถึงหูของคุณนิ่มนวลอย่างไม่พอใจกับคำพูดของลูกชาย นางจึงส่งสายตาตำหนิดุไป แต่แววตาของปรัณย์ก็ยิ่งท้าทายกับทุกคน รินรวีนั้นก้มหน้าก้มตาทานอาหารอย่างเงียบๆตามแบบฉบับของเธอ หากแต่คุณนิ่มนวลก็เอ่ย “หนูรวีตักกับข้าวให้พี่เขาหน่อยสิจ๊ะ” เพราะคุณนิ่มนวลมองเมินกับคำพูดของลูกชาย และนางพยายามสร้างสถานการณ์เพื่อให้หนุ่มสาวทั้งสองปรองดองกัน แม้จะรู้ถึงอุปนิสัย ขิงก็ราข่าก็แรงของทั้งคู่ หากแต่รินรวีทำตามแบบง่ายด้วยสีหน้าที่อ่อนหวาน ขณะที่ปรัณย์มองหล่อนด้วยสีหน้าแน่นิ่ง ที่มุมปากซ้ายนั้นตึงบึ้งนิดหน่อย รินรวีอีกคนกำลังรู้สึกถึงการกระทำที่มารดาสามีปฏิบัติต่อหล่อนและสามีด้วย สิ่งที่ทำท่านนั้นคือความหวังดีหากเป็นไปได้ยาก อยู่ที่ตัวของบุตรชายท่าน หากเขาไม่เปลี่ยนแปลงความคิด และหล่อนก็ไม่มีหน้าที่ ที่จะต้องบอกเขาด้วยเขาเป็นผู้ชาย และเป็นชาติบุรุษ ควรที่จะต้องรู้เอง เอ หรือว่าหล่อนและเขา การแต่งงานครั้งนี้จะเหมือนเล่นขายของอย่างที่มารดาของรินรวีเอ่ย ด้วยวัยจากเด็กกลายเป็นสาวและหนุ่ม ความคิดยังไม่โตพอ การตัดสินใจก็เช่นกัน นี่เป็นการเกิดขึ้นแบบตกกระไดพลอยโจน จะว่าไปนั้นรินรวีเห้นดีเห็นงามมั้น หล่อนเห็นงามตามผู้ใหญ่ รู้แต่ว่าตัวเองทำเพื่อผู้ใหญ่ และไม่ได้คิดอะไรนอกจากนั้น ไม่เคยคิดว่า ปัจจัยของความรัก คนสองคนที่อยู่ด้วยกัน นอกจากพื้นฐานที่มีความรักต่อกัน ยังมีอีกหลายสิ่งหลายอย่างมาก เพิ่งเข้ามาใช้ชีวิตครอบครัว เริ่มเข้ามาสู่สิ่งนี้ รินรวีจึงให้คำตอบแก่ตัวเองทีละนิดทีละหน่อย เพราะหล่อนรับรู้ได้ สามีเจ้าสำราญอย่างเขา อยู่ไม่คิดบ้าน ทั้งๆที่วันหยุด แม้คุณนิ่มนวลจะเอ่ยบอกว่า “เอ้อ พาหนูรวีออกไปข้างนอกก็ได้ลูก ไปเที่ยวสนุก เอ หรือว่าพากันไปดูหนัง” คำเสนอแต่ละอย่างของคุณนิ่มนวลเต็มไปด้วยความหวังดี แต่มันเป็นการที่บังคับฝืนใจ ส่วนรินรวีเองก็ไม่ชอบดูหนัง “หนูรวีล่ะ อยากจะดูหนังมั้ยจ้ะ” “ไม่หรอกค่ะ อยากจะพักผ่อนอยู่กับบ้านมากกว่า”
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม