16

1354 คำ
เขาหันมาประจันหน้าด้วย เมื่อเห็นว่าเธออยู่ในสภาพเรียบร้อย เอ่อ...แต่จะว่าเรียบร้อยก็ไม่เชิง เพราะเขารู้ดีว่าข้างในเธอมันยังโล่งโจ้งและมันก็ไม่ส่งผลดีต่อใจเขาเลย แต่เอาเถอะ ยังไงก็ยังดีกว่าตอนเสื้อผ้าหลุดลุ่ยล่ะน่า เอ่อ...แต่ทางที่ดีกว่าคือ...รีบเปลี่ยนเรื่องเถอะ ก่อนที่เขาจะเตลิดไปไกลกว่านี้ พาลจะทำให้ทั้งเขาและเธอไม่ได้หลับได้นอนซะเปล่าๆ “ทีนี้รู้รึยังว่าถ้าฉันอยากจะปล้ำเธอจริงๆ ต่อให้เธอนอนบนพื้นหรือบนไหนฉันก็ปล้ำเธอได้อยู่ดี อีกอย่าง...เธอรู้ใช่ไหมว่าเมื่อกี้เขาไม่ได้เรียกว่าปล้ำ” ความจริงข้อนี้ทำให้เธอเม้มปากแน่น ก่อนจะโพล่งออกออกมาด้วยความขุ่นเคือง “ใช่! คุณไม่ได้ปล้ำ ฉันสมยอมเอง ฉันมันใจง่าย ไร้ยางอาย เป็นผู้หญิงหน้าด้าน เป็นผู้หญิงไม่ดี แต่ทั้งหมดนี่ก็เป็นเพราะคุณไม่ใช่รึไง ถ้าไม่ใช่เพราะคุณใช้ความช่ำชองหลอกล่อฉัน ฉันก็คงไม่ทำเรื่องน่าอายแบบนั้น ฉันยังซิงนะคุณ ฉันจะทันเล่ห์เหลี่ยมคนเจ้าเล่ห์อย่างคุณได้ยังไง อย่าว่าแต่ไม่เคยเลย แม้แต่จูบแรกฉันก็ยังเสียให้คุณ ฮือ! ฉันผิดเหรอที่รักนวลสงวนตัว ผิดเหรอที่ไม่มีประสบการณ์มาต่อกรกับคุณ ผิดเหรอที่...อื้อ!” คำตัดพ้อของเธอถูกกลืนลงคอ เมื่อเขาโน้มลงมาขโมยจูบจากเธออีกครั้ง จูบที่เต็มไปด้วยความนุ่มนวล อ่อนหวาน ซาบซ่านและชวนให้วาบหวาม ทำให้เธอเหมือนตกอยู่ในภวังค์วาบหวิวอีกครั้งนึง “เงียบแล้วก็นอนซะ ไม่อย่างนั้นฉันไม่รับรองความปลอดภัย” เขาถอนจูบพร้อมกับดันตัวเธอให้เอนลงนอน ก่อนจะหยิบผ้านวมผืนใหญ่มาคลุมให้ ไม่ใช่เพราะกลัวเธอจะหนาวหรอกนะ แต่เพราะกลัวใจตัวเองนี่แหละ ชายหนุ่มทิ้งตัวลงนอนข้างๆ พร้อมกับหันหลังให้ แต่ให้ตายดับ! จนถึงตอนนี้เขายังไม่รู้สึกง่วงเลยสักนิด เพราะไอ้คำว่า “ฉันยังซิงนะ” ของแม่คุณที่นอนอยู่ข้างๆ มันยังดังก้องอยู่ในหัว ดังจนทำให้เขาตื่นเพริดไปทั้งตัว โดยเฉพาะบางอย่างที่ตื่นจนรวดร้าวไปหมด ตรงกันข้ามกับตัวต้นเหตุที่หลับสบายไปแล้วตอนนี้ เฮ้อ! รนหาที่เองแท้ๆ ถ้าไม่เข้ามาตั้งแรก ก็คงไม่ต้องมานอนตาค้างอยู่แบบนี้หรอก แล้วไม่ใช่แค่ตานะที่ค้าง อะไรต่อมิอะไรก็ดูเหมือนจะค้างไปหมดเลยด้วย เอ่อ...แต่ใต้ความค้างก็ยังมีความรู้สึกบางอย่างซ่อนอยู่ เพียงเพราะคำว่า “ฉันยังซิงนะ” ของเธอ ซึ่งมันก็ทำให้คนที่นอนไม่หลับนอนยิ้มคนเดียวได้ “หนูไม่เป็นไรค่ะป้า ไม่ต้องเป็นห่วง” พรสวรรค์ได้รับอนุญาตให้ใช้โทรศัพท์ได้ เธอจึงรีบโทรหาคุณป้าสุดที่รักทันที “ไม่ให้ห่วงได้ยังไง แล้วนี่แกอยู่ที่ไหน อยู่กับใคร แล้วมันเกิดอะไรขึ้น รู้ไหมว่าป้าเป็นห่วงแกมากแค่ไหน แกทำฉันนอนไม่หลับ แกต้องรับผิดชอบนะนังหลานอกตัญญู โทษฐานที่ทำให้ใต้ตาฉันดำเป็นหมีแพนด้า” คุณป้าปลายสายใส่มาเป็นชุดด้วยความเป็นห่วง “ฮ่าๆๆ โอ๋ๆๆ เดี๋ยวกลับไปหนูซื้อแตงกวาไปโปะหน้าให้สองกิโลเลยเอ้า แต่ช่วงนี้หนูคงต้องอยู่นี่ก่อนสักพักนะ หนู...” พูดยังไม่ทันขาดคำ เสียงแว้ดๆ ก็ดังมาจากปลายสาย ทำให้เธอก็ต้องรีบดึงโทรศัพท์ให้ห่างจากหู “จะไปอยู่ทำไม ทำไมไม่กลับบ้าน แล้วอยู่กับใคร ไว้ใจได้มากแค่ไหน ไม่ได้ๆ แกต้องกลับบ้าน บอกมาว่าอยู่ที่ไหน เดี๋ยวป้าไปรับแกเอง” “ไม่ได้ๆ ป้ามารับหนูไม่ได้ มันอันตราย แค่ที่หนูโทรหาป้าก็เสี่ยงมากพอแล้ว เชื่อหนูนะ ไม่ต้องเป็นห่วงหนู หนูดูแลตัวเองได้” พรสวรรค์พยายามอธิบายเหตุผล ซึ่งไม่รู้หรอกว่าอีกฝ่ายจะยอมเข้าใจง่ายๆ ไหม “แกพูดอย่างกับว่าแกโดนไล่ฆ่า แล้วไม่อยากให้ฉันเข้าไปเกี่ยวด้วยอย่างนั้นแหละ” ดูเหมือนคุณป้าจะเข้าใจจริงๆ แต่มันกลับยิ่งทำเธอหนักใจขึ้นกว่าเดิม “จะว่างั้นก็ได้ แต่ป้า...” ยังไม่ทันที่เธอจะได้พูดต่อ เสียงแหลมๆ ปลายสายก็แทรกขึ้นมาอีก “นี่ยัยตัวดี แกกำลังอำฉันอยู่ใช่ไหมห๊า” “ก็ถ้าป้าสบายใจ จะคิดอย่างนั้นก็ได้” “โอ๊ย! นี่มันเรื่องอะไรกันแน่ แกไปมีเรื่องกับใคร แล้วมันร้ายแรงถึงขั้นต้องเอาชีวิตกันเลยรึไง แล้วนี่ฉันต้องทำยังไงเนี่ย” น้ำเสียงของคุณป้าดูเป็นกังวลจนเธอเองก็รู้สึกไม่สบายใจ “เอาเป็นว่าป้าไม่ต้องทำอะไรทั้งนั้น แล้วก็ไม่ต้องห่วงหนู หนูมั่นใจว่าคนที่นี่จะปกป้องคุ้มครองหนูได้” พูดแล้วก็อดหันไปมองชีคหนุ่มที่นั่งอยู่อีกมุมด้วยไม่ได้ เพราะถึงแม้สถานการณ์จะไม่น่าไว้ใจ แต่เธอกลับรู้สึกปลอดภัยเมื่อได้อยู่ใกล้ๆ ผู้ชายคนนั้น “หนูต้องวางแล้ว ไว้หนูจะหาเวลาโทรหานะ” เธอรีบกดวางสาย เมื่อเห็นทุกสายตาจับจ้องมาที่เธออย่างสนใจ “แกฟังรู้เรื่องไหมวะเฟาซี” ฮารีฟหันไปถามเพื่อน ในขณะที่เพื่อนเพียงยักไหล่และส่ายหน้า “อืม! ฉันก็ว่างั้นแหละ แต่ถึงฟังไม่รู้เรื่อง ฉันก็จับสีหน้าหล่อนได้ ฉันว่าหล่อนต้องกำลังชื่นชมในความหล่อของพวกเราอยู่แน่ๆ หรือไม่ก็...เราจะต้องเป็นเทพบุตรในสายตาหล่อน” เอ่อ...ในขณะที่ทางฝั่งนี้กำลังนั่งยิ้มภูมิใจในใบหน้าอันหล่อเหลาของตัวเอง อีกฝั่งกลับคิดไปอีกทาง ‘น่ากลัวชะมัด พวกนี้ต้องเคยเป็นโจรปล้นฆ่ามาก่อนแน่ๆ ทำไมฉันต้องมาเจอความป่าเถื่อนแบบนี้ด้วย ฮือ! โชคดีนะที่เรายังมีอีตายักษ์นั่นปกป้องคุ้มครองดูแลเรา ว้าย! อย่ามองฉันแบบนั้นนะ” เธอรีบวิ่งไปหลบด้านหลังชีคหนุ่มอย่างหาที่พึ่ง หลังจากที่ฮารีฟส่งยิ้มมาให้ “เมื่อคืนนอนไม่หลับหรือพ่ะย่ะค่ะ” เฟาซีเดินเข้ามาถามใกล้ๆ หลังพบว่าสีหน้าของชีคหนุ่มดูอิดโรย ทำให้อีกสองหนุ่มเดินตามมาดูใกล้ๆ ด้วยความเป็นห่วงด้วย แต่ยังไม่ทันที่ชีคหนุ่มจะได้ว่าอะไร ก็เกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันขึ้นซะก่อน ตุบ! คนที่ยืนอยู่ด้านหลังโซฟาดีๆ จู่ๆ ก็กระโดดมานั่งแหมะอยู่บนตักเขาแบบไม่มีปี่มีขลุ่ย ทำเอาสามหนุ่มพากันผงะด้วยความตกใจ โชคดีที่เขาแข็งแรงบึกบึน จึงรับเอาไว้ได้โดยที่ไม่จุกไปซะก่อน “บังอาจ!” เฟาซีเสียงดัง จนคนที่นั่งแหมะอยู่บนตักรีบหาที่พึ่งด้วยการซุกซบซอกคอชีคหนุ่มอย่างลนลาน โอวไม่! เธอช่างไม่รู้อะไรบ้างเลยว่าการทำแบบนี้มันมีผลต่อหัวใจเขาโดยตรง “ทำอะไรของเธอ” ชีคหนุ่มถามเสียงรอดไรฟัน เมื่อแม่คุณพยายามก่อกวนและปั่นป่วนหัวใจเขาด้วยการซุกเข้ามาๆ จนลมหายใจอุ่นๆ รินรดต้นคอ “บอกพวกเขาไปสิว่าฉันเป็นผู้หญิงของคุณ เป็นเมียคุณก็ได้ พวกนั้นจะได้ไม่เอาตัวฉันไป บอกเขาไปว่าฉันเป็นของคุณแล้วคุณจะไม่ยอมแบ่งฉันให้ใคร นะได้โปรด ฉันกลัวฉันไม่อยากไป” เธอกระซิบข้างๆ หูให้ได้ยินกันแค่สองคน เอ่อ...แต่เดี๋ยวนะ ที่กระโดดมานั่งตักเขาเนี่ย เพราะคิดว่าสามคนนั้นจะมาเอาตัวเธอไปเนี่ยนะ อืม! จินตนาการไปไกลจนกู่ไม่กลับละ
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม