“อื้อหือ! ชุดนอนไม่ได้นอน ใส่ชุดแบบนี้นอนจะปอดบวมไหมเนี่ย เอาวะ! อย่างน้อยก็ยังดีกว่าชุดนี้ละกันวะ” เธอก้มหน้าจับเสื้อที่ตัวเองสวมอยู่ขึ้นมาดมแล้วก็ต้องเบ้หน้า จำต้องถือถุงพวกนั้นเข้าห้องไปอย่างช่วยไม่ได้ อย่างน้อยชุดพวกนี้ก็คงทำให้เธอหลับสบายกว่าชุดที่สวมอยู่ตอนนี้ ที่สำคัญ…ต่อให้มันจะเบาจะบางมากกว่านี้ก็ไม่เห็นเป็นไร ในเมื่อยังไงคืนนี้เธอก็อยู่ในโลกส่วนตัวที่มีเพียงแค่เธอกับน้องกุกุที่เธออุปโลกน์ขึ้นมา
“อื้อ…!” เธอครางอืออาบิดตัวไล่ความเมื่อยขบในเช้าวันใหม่ แต่มันกลับไม่หายเมื่อย มิหนำซ้ำยังรู้สึกหนักอึ้งราวกับมีอะไรหนักๆ มากดทับ
‘หรือว่า…’ ความคิดฟุ้งซ่านตีกันอยู่ในหัว จนไม่กล้าแม้แต่จะลืมตามาดู
‘ผีอำ อย่าบอกนะว่าน้องกุกุมีจริง ฮือ…! พี่ไม่ได้ตั้งใจลบหลู่นะ พี่แค่เอาตัวรอด’ พรสวรรค์ยังไม่กล้าลืมตา กระทั่ง…
“โอ๊ย!” ความเจ็บจากการถูกนิ้วดีดที่หน้าผาก ทำให้เธอลืมตาโดยอัตโนมัติ พลันก็ได้พบกับบางอย่างที่น่ากลัวยิ่งกว่าผี
“คุณ! คุณเข้ามาได้ยังไง” ใบหน้าชีคหนุ่มเด่นชัดเต็มสองตา ทำเธอดีดผึงลุกขึ้นมานั่งราวติดสปริง พลางหันไปมองประตูด้วยความฉงน
‘เฮ้ย! หรือว่าเราลืมล็อกประตู ไม่มีทาง ฉันไม่มีทางลืมแน่ แต่ถ้าไม่ลืม อีตายักษ์นี่จะมานั่งลอยหน้าลอยตาอยู่บนเตียงเราได้ยังไง แต่ฉันจำได้ว่าฉันล็อกแล้วแน่ๆ’ เธอเถียงกับตัวเองไปมาจนกระทั่งเสียงเขาดังขึ้น
“คิดเหรอว่าประตูบานแค่นั้นจะช่วยอะไรเธอได้” เธอหันขวับมามองคนพูดตาโต เมื่ออีกฝ่ายพูดราวกับมานั่งอยู่ในใจเธอ ซึ่งความจริงมันก็เกือบจะเป็นอย่างนั้นนั่นแหละ
“อย่าบอกนะว่าคุณมีวิชาสะเดาะกลอน” สภาพประตูที่ยังอยู่ดี ทำให้เธออดคิดไม่ได้จริงๆ
“เพ้อเจ้อ” เขาบอกก่อนจะลุกขึ้นยืน และตอนนี้เองที่ทำให้เธอเพิ่งสังเกตเห็นสภาพของเขาแบบเต็มๆ ตา
“กรี๊ด…! ไอ้บ้า ทำไมไม่ใส่เสื้อผ้า” เธอกรีดร้องโวยวายพลางเอามือปิดตา เมื่อได้เห็นสภาพเกือบเปลือยของอีกฝ่าย แต่แล้วบางอย่างก็ทำให้เธอฉุกคิด
‘เอ๋! หรือจะเป็นเพราะตาเรา บ้าจริง ทำไมยังไม่ชินสักทีนะ โอย! กล้ามเป็นมัดๆ ขนาดนั้น ให้ตายก็ไม่ชิน’ มือที่ปิดตาอยู่ค่อยๆ เลื่อนลงและจับจ้องไปที่เขาอย่างพินิจพิเคราะห์ ในขณะที่เขาก็เลือกที่จะนั่งลงข้างๆ เธออีกครั้ง พลางจับมือข้างหนึ่งของเธอมาทาบไว้ที่อก
“เฮือก!” เธอผงะตาโตแต่ก็ไม่ได้ดึงมือกลับแต่อย่างใด ก็แหมโอกาสเป็นใจขนาดนี้ ถ้าไม่พิสูจน์ก็คงจะเสียดายแย่ ว่าแล้วมือที่ทาบอยู่ที่อกก็ขยำแรงๆ
“เฮ้ย!” พรสวรรค์อุทานเสียงดังก่อนเงยหน้ามองเขาตาโต เมื่อสิ่งที่ขย้ำอยู่ตอนนี้ไม่ใช่เสื้อแต่เป็นเนื้อหนังมังสาที่เต็มไปด้วยมัดกล้าม พอก้มมองมือตัวเองให้ชัดๆ ก็ยิ่งตกใจยิ่งกว่าเดิม
“นม!” ใช่! สิ่งที่เธอกำลังขยำอยู่ตอนนี้มันคือหน้าอกเขา แต่แทนที่จะดึงมือกลับ แม่คุณกลับยังอ้อยอิ่งอยู่อย่างนั้น จนคนถูกขยำเริ่มร้อนวูบวาบขึ้นมาบ้าง
“จะจับอีกนานไหม” เธอมองหน้าบอกบุญไม่รับของเขาสลับกับนมที่ตัวเองขย้ำแล้วก็ต้องรีบสะบัดมือออกราวกับต้องของร้อน
“นี่อย่ามามองเหมือนฉันเป็นพวกโรคจิตนะ ที่ฉันจับไม่ใช่เพราะฉันหื่น แต่เพราะ…เพราะฉันจะผลักอกคุณไง” คนร้อนตัวพยายามแก้ต่าง แต่มันกลับฟังไม่ขึ้นเอาซะเลย พลันภาพที่อยู่ตรงหน้าก็ทำให้เธอฉุกคิดบางอย่างขึ้นมาได้
“ถ้าตอนนี้คุณไม่ใส่เสื้อ งั้นก็แสดงว่าเมื่อคืนนี้คุณก็…นอนกอดฉันในสภาพนี้ทั้งคืนเลยน่ะสิ กรี๊ด! นอกจากกอด คุณ…คุณทำอะไรฉันอีก” เธอสำรวจตัวเองเป็นพัลวัน
“อะไรทำให้เธอมั่นใจว่าฉันต้องนอนกอดเธอ ฉันอาจจะเข้ามานอนเฉยๆ ก็ได้” แน่นอนว่านั่นไม่ใช่เรื่องจริง เพราะเขา…นอนกอดเธอทั้งคืน
“ก็เมื่อเช้าตอนฉันตื่น ฉันรู้สึกได้ว่าคุณ…ช่างเรื่องกอดเถอะ เอาเรื่องที่คุณเข้ามาในห้องฉันโดยไม่ได้รับอนุญาตก่อนดีกว่า” ก่อนจะเพลี่ยงพล้ำไปมากกว่านี้ เธอจึงรีบเปลี่ยนเรื่องด้วยการหันมาจ้องหน้าเขาอย่างเอาเรื่อง
“ห้องเธอ?” คนถูกย้อนถามถึงกับสะอึก
“ก็ใช่ไง ถึงตอนแรกไม่ใช่ แต่ในเมื่อฮารีฟเขายกห้องนี้ให้ฉันแล้ว ฉันจะเรียกมันว่าห้องของฉัน มันผิดตรงไหน”
“ผิดตรงที่เธอใช้เล่ห์เพทุบายหลอกให้ฮารีฟยกห้องนี้ให้เธอไง อย่าคิดนะว่าฉันรู้ไม่ทันเธอ”
“คุณพูดเรื่องอะไร ฉันไม่รู้เรื่อง” เธอทำท่าเฉไฉหลังถูกจับได้
“ไม่รู้ก็ดี งั้นไปแต่งตัวสิ จะได้ออกทานมื้อเช้ากัน ฉันหิวแล้ว” คนที่จู่ๆ เปลี่ยนเรื่องแบบปุบปับเดินตรงไปเปิดประตู
“นี่! เดี๋ยว…คุณจะทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ทั้งที่คุณเข้ามานอนกอดฉันถึงในห้องของฉันเนี่ยนะ มันไม่ง่ายไปหน่อยรึไง” คนที่กำลังจะก้าวออกจากห้องค่อยๆ หันกลับมา
“แล้วเธอคิดว่าฉันควรทำยังไง” ถูกเขาย้อนถามเธอถึงกับสะอึกไปไม่เป็น
‘เออนั่นสิ ต้องทำไงวะ เฮ้ย! ถึงไม่ต้องทำไง แต่อย่างน้อยก็ควรมีคำอธิบายที่สมเหตุสมผลบ้างสิ’
“โอเค ที่ฉันเข้ามานอนกับเธอ เพราะ…” เขาหยุดชะงัก ในขณะที่เธอก็ลุ้นในคำตอบ
“เพราะฉันละเมอ” คนที่ล้นจนตัวโก่งแทบสำลักน้ำลาย แต่พอเห็นว่าอีกฝ่ายกำลังจะหนีหน้ากันดื้อๆ เธอจึงรีบวิ่งไปดักที่หน้าประตู และตอนนั้นเองที่เธอพบว่า…บทสนทนาเมื่อครู่ไม่ได้มีแค่เขาและเธอเท่านั้น แต่ยังมีหนุ่มๆ อีกสามคนที่ยืนเป็นสักขีพยานกันหน้าสลอน
“เอ้อ…พวกนายได้ยินแล้วนี่ว่าที่เขาเข้ามาหลับนอนกับฉัน…”
ตึก ตึก ตึก ห้องทั้งห้องตกอยู่ในความเงียบ รวมถึงทุกคนยังอ้าปากค้างเพราะคำว่าหลับนอนของเธอ แม้กระทั่งตัวเธอเองที่กว่าจะรู้ตัวว่าพูดอะไรออกไป
“ฮ่าๆๆ ฉันหมายถึงเข้ามานอนหลับอยู่ในห้องกับฉันเพราะว่าเขาละเมอไง” เธอหัวเราะกลบเกลื่อน ในขณะที่เขาเพียงลอบยิ้มมุมปาก ก่อนจะฉุกคิดบางอย่างขึ้นมาได้จึงลากเธอกลับเข้ามาในห้อง และปิดประตูเสียงดัง
“อะไรของคุณอีกเนี่ย ไหนบอกหิวข้าว หิวก็รีบๆ ออกไปสิ” เธอออกปากไล่ ในขณะที่เขากลับไม่ได้สนใจในคำพูดของเธอ ด้วยกำลังหงุดหงิดเพราะชุดวาบหวิวที่เธอใส่มากกว่า
“เป็นบ้ารึไง หรือว่าชอบโชว์” น้ำเสียงเกรี้ยวกราดของเขาทำให้เธอต้องก้มมองตัวเอง
“เฮ้ย!” ชุดนอนไม่ได้นอนทำให้เธอต้องรีบคว้าผ้าห่มขึ้นมาพรางตัวจากสายตาพญาเหยี่ยวของเขา พลัน! เธอก็ฉุกคิดบางอย่างขึ้นมาได้
“งั้นเมื่อคืนเราก็…” เธอจ้องเขาเขม็งขณะที่กำลังเอามือปิดปากตัวเอง ตกตะลึงที่ตัวเองนอนกอดกับเขาในสภาพที่วาบหวิวทั้งคู่
“จะตกใจอะไร ในเมื่อฉันแค่ละเมอ” แน่นอนว่านั่นไม่ใช่เรื่องจริง เพราะนอกจากเขาจะไม่ได้ละเมอ พ่อคุณยังมีสติครบถ้วน เรียกว่าจงใจเดินเข้ามาเลยแหละ