“ไม่ผิดแน่ ต่อให้มะลิจะเปลี่ยนไปแค่ไหน พี่ก็จำน้องมะลิของพี่ได้ ทำไมมะลิต้องโกหกพี่ หันมาคุยกับพี่สิมะลิ หลบหน้าพี่ทำไม” เตวินพยายามรั้งแขนให้เธอหันหน้ามา
“ปล่อยผู้หญิงของฉัน ไม่อย่างนั้นอย่าหาว่าฉันไม่เตือน” ชีคหนุ่มเตือนด้วยน้ำเสียงเย็นเยียบ แต่นัยน์ตากลับดุกร้าว ชนิดที่ทำเอาบอดีการ์ดทั้งสามเสียวสันหลังแทน
“คุณเป็นใคร มาเกี่ยวอะไรด้วย” เตวินหันมาถามด้วยท่าทางเอาเรื่อง
“เป็นใครไม่เกี่ยวกับนาย แค่รู้เอาไว้ว่าผู้หญิงคนนี้เป็นของฉัน ส่วนนาย...ไสหัวไปซะ” เขาพูดพลางจับมือของอีกฝ่ายออกจากแขนของเธอ แรงบีบของเขาสะเทือนไปถึงแขนเรียวจนเธอรู้สึกได้ถึงรังสีอำมหิตที่กำลังก่อตัวขึ้น
“อะเอ่อ...ฉันว่าวันนี้พี่เตกลับไปก่อนดีกว่า เอาไว้ฉันจะอธิบายให้ฟังวันหลัง” ด้วยเกรงว่าจะเกิดเรื่องขึ้นเธอจึงต้องหันมายอมรับอย่างเลี่ยงไม่ได้ อย่างน้องฝั่งเตวินก็น่าจะคุยง่ายกว่า
“มะลิจริงๆ ด้วย พี่บอกแล้วว่าพี่จำเราได้ ว่าแต่ทำไมแต่งหน้าแต่งตัวแบบนี้ล่ะ มันดูไม่ใช่เราเลยนะ แต่ก็...สวยดี พี่ชอบ” เอ่อ...ขนาดนี้ก็คงไม่ง่ายแล้วล่ะ ก็พ่อคุณเล่นฉวยโอกาสตอนเผลอผละจากมือแกร่งแล้วคว้ามือเรียวมากุมไว้แทน มิหนำซ้ำยังมายืนส่งสายตาหวานฉ่ำจนเธอขนลุกไปหมด
“เฮ้ย! อะไรอีกวะเนี่ย” เธอครางออกมาเบาๆ เมื่อยังไม่ทันจะจัดการกับจอมตื๊อเบื้องหน้า คนข้างๆ ก็ดันหาเรื่องมาเพิ่มให้อีก ด้วยการเดินเข้ามาโอบเอวเธอไว้แน่นอย่างถือสิทธิ์
“นี่มันอะไรกัน ผู้ชายคนนี้เป็นใครมะลิ” เตวินซักไซ้ด้วยสีหน้าไม่พอใจ
“อย่าเพิ่งถามอะไรตอนนี้ได้ไหม เอาไว้ฉันจะเล่าให้พี่ฟังวันหลัง แต่ตอนนี้พี่ช่วยกลับไปก่อน ถือว่าฉันขอร้องก็ได้” ถ้าไม่ติดว่ามือข้างหนึ่งยังถูกเตวินกุมเอาไว้ เธอคงยกมือกราบกรานเขาไปแล้ว ให้ตายสิ! เกิดมาเพิ่งเคยรู้สึกว่าตัวเองสวยมากก็วันนี้แหละ คนนึงกุมมือเอาไว้ ในขณะที่อีกคนก็โอบเอวเอาไว้แน่น ช่างเป็นภาพที่ทำให้เธอดูเป็นผู้หญิง...สวยเลือกได้
“ไม่ จนกว่ามะลิจะบอกว่าผู้ชายคนนั้นเป็นใคร แล้วเขามีสิทธิ์อะไรมาทำรุ่มร่ามถึงเนื้อถึงตัวมะลิแบบนี้” เตวินว่าพลางจ้องเขม็งไปที่ชีคหนุ่มอย่างเขม่นเข่นเขี้ยว
“บอกหมอนั่นเหมือนที่เธอบอกสามคนนั้นไปสิ” ชีคหนุ่มกระซิบข้างหูอย่างสนิทสนม
“บอกอะไรเล่า” เธอกระซิบถามด้วยความหงุดหงิด แต่ในสายตาของเตวินกลับมองว่ามันเป็นความสนิทสนมที่น่าอิจฉา และสร้างความขัดเคืองให้เขาไม่น้อย
“ก็บอกไปว่าฉันเป็นผัวเธอ เหมือนกับที่บอกสามคนนั้นว่าเธอเป็นผู้หญิงของฉันไงล่ะ”
“บ้า! พูดแบบนั้นได้ยังไง น่าเกลียดตายเลย” แน่นอนว่าสถานการณ์ตอนนั้นกับตอนนี้มันไม่เหมือนกัน อีกอย่างเตวินก็เป็นคนคุ้นเคยที่รู้จักเธอและทุกคนที่อยู่รอบตัว ขืนพูดแบบนั้นออกไปก็เท่ากับฆ่าตัวตายน่ะสิ เธอไม่ทำแน่
“ถ้าพูด ของทั้งหมดนั่น...เป็นของเธอ” เธอหันไปมองถุงกระดาษพะรุงพะรังที่ทั้งสามคนถืออยู่
‘เฮอะ! คิดจะใช้ของพวกนี้ซื้อคนอย่างฉันมันไม่ง่ายหรอก แต่...มันก็ไม่ยาก’
“เขาเป็นแฟนฉันเอง” เธอหันไปบอกเตวิน
‘ที่ทำไปไม่ใช่เพราะเห็นแก่เงินนะ แต่ถ้าขายของนั่นได้...ฉันก็มีกินไปอีกนาน บางทีถึงขั้นตั้งตัวได้ หึๆๆ มากกว่าเมียฉันก็เป็นให้ได้’ เอ่อ...คนไม่เห็นแก่เงินคิดสะระตะไปไกล ทำเอาเจ้าของเงินถึงกับถอนหายใจ แต่ยังไม่ทันไรก็ต้องหันขวับไปอีกทาง
“ไม่จริง เป็นไปไม่ได้” เตวินเสียงดังขึ้น
“แต่มันเป็นไปแล้วค่ะ ฉันกับเขาเรากำลังคบกัน แล้วอีกไม่นานเราก็จะแต่งงานกัน” เอ่อ...ความอยากมีกินไปทั้งชาติทำให้เธอปดคำโต
“พี่ไม่เชื่อ อย่ามาโกหก พี่ตามเฝ้าเรามาเป็นปี ถ้าเราคบคนอื่นทำไมพี่จะไม่รู้” พรสวรรค์ถึงกับหน้าเหลอกับความจริงข้อนี้
‘พี่เตเทียวไร้เทียวขื่อตามจีบเรามาเป็นปีๆ พี่เขาก็ต้องรู้น่ะสิว่าเราโกหก เอาไงดีวะ’ ชีคหนุ่มได้ยินถึงกับหูผึ่ง จากนั้นก็หน้าบูดหน้าบึ้งขึ้นมาโดยไม่ทราบสาเหตุอีก
“เธอมากับฉัน จะไปสนใจหมอนั่นให้มันได้อะไรขึ้นมา ไปกันได้แล้ว” จู่ๆ คนหน้าบูดก็ลากแขนเธอให้เดินไปด้วยกัน แต่แล้วก็ต้องชะงัก เมื่อแขนอีกข้างของเธอกลับถูกผู้ชายอีกคนรั้งเอาไว้
“มะลิยังไปไหนไม่ได้ จนกว่าจะคุยกับพี่ให้รู้เรื่อง” ชีคหนุ่มหันขวับมามองตาขวาง แต่เตวินกลับไม่แม้แต่จะสนใจใบหน้าถมึงทึงนั่นสักนิด ทำเพียงส่งสายตาคาดคั้นแกมเว้าวอนไปยังหญิงเดียวในดวงใจ
“มันจะมากไปแล้ว กล้าดียังไงมาจับมือผู้หญิงของฉัน อยากตายรึไง” เมื่อความขัดเคืองทำให้ความอดทนของเขาขาดสะบั้นลง ชีคหนุ่มปัดมือของอีกฝ่ายออกจากมือของพรสวรรค์โดยไม่รั้งรอ
“เฮ้ย! อะไรวะ” เตวินเองก็โมโหจนเลือดขึ้นหน้า ตอนนี้สองฝ่ายจึงหันมาประจันหน้ากันอย่างไม่มีใครยอมใคร
“ถ้าไม่อยากเดือดร้อนก็ถอยไป ไม่อย่างนั้นอย่างหาว่าฉันไม่เตือน” ใบหน้าถมึงทึงเต็มไปด้วยรังสีอำมหิตที่องครักษ์ทั้งสามรู้ดีว่าพายุลูกใหญ่กำลังจะมา
“คุณต่างหากที่ต้องถอยไป เรื่องนี้เป็นเรื่องระหว่างผมกับมะลิ คนอื่นไม่เกี่ยว” คนถูกหาว่าเป็นคนอื่นนัยน์ตาโชนแสงราวกับจะแผดเผาศัตรูให้เป็นจุล จนองครักษ์ทั้งสามไม่อาจทนอยู่เฉยได้อีกต่อไป แต่ก่อนที่พวกเขาจะเข้าไประงับไฟโทสะ จู่ๆ ตัวต้นเหตุของเรื่องทั้งหมดก็ก้าวออกมาและทำบางอย่างที่ไม่มีใครคาดคิด
พรสวรรค์เข้ามาแทรกกลางระหว่างสองหนุ่ม ก่อนจะรั้งต้นคอของแฟนกำมะลอให้ก้มลงมาหาและประกบปากจูบปากเขาอย่างรวดเร็ว ชนิดที่แม้แต่คนถูกจูบยังไม่ทันตั้งตัว แต่ก็เพียงครู่เดียว เมื่อเขา...เปลี่ยนจากคนถูกจูบมาเป็นฝ่ายจูบเธอซะเอง
“อื้อ!” เธอผลักเขาออกแรงๆ เมื่อรู้สึกได้ว่าสายตาหลายคู่กำลังจับจ้องมา ไม่ใช่แค่สามองครักษ์กับพ่อหนุ่มจอมตื๊ออย่างเตวินเท่านั้นที่กำลังอ้าปากค้าง แต่ยังมีสายตาอีกหายสิบคู่ที่กำลังมองมาด้วยความสนใจ
“คราวนี้จะเชื่อได้รึยังว่าฉันกับเขาเราเป็นแฟนกัน” เธออยากรีบจบเรื่องนี้โดยเร็วจึงหันมาเคลียร์กับเตวิน ด้วยไม่อยากตกเป็นเป้าสายตานานไปกว่านี้
“ไม่จริง มะลิทำกับพี่แบบนี้ได้ยังไง พี่ไม่ดีตรงไหน ทำไมมะลิถึงไม่เลือกพี่” เตวินเข้ามากุมมือเธอไว้ด้วยสายตาเว้าวอน ทำราวกับว่านี่คือฉากดราม่าดีๆ นี่เอง เอ่อ...แต่เธอนี่สิที่กลายเป็นคนไม่ดีกลายเป็นมารร้ายหลายใจที่ทิ้งผู้ชายคนนึงเพื่อไปหาผู้ชายอีกคนในสายตาใครต่อใคร จนเธออยากจะตอบเตวินไปเหลือเกินว่า...